พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 772

ตอนที่ 772 บังคับให้เขากบฏ

ฮ่องเต้มองเขาอยู่พักหนึ่ง โดยไม่พูดจา แล้วตาก็กระตุก ในตอนนั้นเอง ความคิดมากมายกระพรั่งพรูเข้ามา

แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ยิ้มออกมา แล้วพูดพร้อมไอออกมาเบาๆ ว่า “วันนี้น้องสองมากินข้าวกับข้าก็แล้วกัน”

อ๋องอานชินก็แปลกใจ แล้วตอบว่า “ได้!”

ข้าวมื้อนี้ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมื้อแห่งพี่น้อง

แต่ อ๋องอานชินก็นึกไม่ถึงว่าจุดประสงค์จริงๆ ของฮ่องเต้คืออะไร ได้แต่คิดว่าเขาคงจะไม่ยอมง่ายๆ แน่ คงต้องพูดโน้มน้าวต่อ

ตอนที่เขานั่งลงหน้าโต๊ะอาหาร ก็เห็นว่ามีคนเปิดม่านเดินเอียงๆ ออกมา เรือนร่างนั้น ใบหน้านั้น มันช่างคุ้นเคยเสียจริง แล้วเขาก็นึกขึ้นได้

นางผอมลงไปมาก คางแหลมขึ้นมาก แต่ว่ายังดูมีแรงดีอยู่ ยังคงกะปรี้กระเปร่า คนรับใช้ที่ตามมาด้านหลังสองคน ก็เดินตามมาอย่างช้าๆ นางเองก็ดูดีขึ้นมาก ไม่เหมือนเมื่อก่อน

หลังจากนางเข้ามา สายตาก็มองแค่จุดเดียว ดวงตาหวานฉ่ำ ริมฝีปากก็ปลีกยิ้มอย่างสวยงาม

นางคำนับเคารพ “ถวายบังคมฝ่าบาท!”

ฮ่องเต้จับมือที่ขาวดั่งหยกของนาง แล้วก็ช้อนคางของนาง “นี่คืออ๋องอานชิน ไปทักทายเขาสิ”

เหมือนว่าหลี่ซ่วยหยุ่นจะเพิ่งเห็นว่าอ๋องอานชินอยู่ด้วย นางเงยหน้าขึ้น แล้วใบหน้าก็หุบยิ้มลงไปเล็กน้อย แต่ก็ยังสำรวมอยู่ แล้วนางก็โน้มตัวคำนับ “ท่านอ๋องอานชิน”

ท่าทางที่งดงามอ่อนช้อยเมื่อครู่ นางจะทำต่อฮ่องเต้คนเดียว

อ๋องอานชินรู้สึกว่าเลือดจะกระอักออกมา พุ่งจากเท้าขึ้นมาสมอง หน้าของเขาแดงก่ำขึ้นมา จะเกือบจะกระอักเลือด

สายตาของเขา ก็จ้องมองไปที่มือของฮ่องเต้ มือของเขากำลังจับมือของนางอยู่

“ท่านอ๋อง?” หลี่ซ่วยหยุ่นเห็นเขาไม่ตอบ ก็เลยเรียกขึ้น

อ๋องอานชินกลืนเลือดและความโกรธกลับลงไป แล้วก็ตอบว่า “เจ้าเมืองไม่ต้องมากพิธี”

หลี่ซ่วยหยุ่นพูดยิ้มๆ ว่า “ไม่ได้พบท่านอ๋องเสียนาน สบายดีหรือ?”

“สบายดี ขอบคุณเจ้าเมืองที่เป็นห่วง”

ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้น ก็แปลกใจเล็กน้อย “เจ้าจำเขาได้หรือ?”

หลี่ซ่วยหยุ่นตอบว่า “หม่อมฉันเคยพบหน้ากับท่านอ๋องอยู่บ้าง จะจำไม่ได้ได้อย่างไร?”

สีหน้าฮ่องเต้ก็เปลี่ยน ซุนฟางเอ้อร์เคยบอกกับเขาว่า หลังจากตัวยาของพิษเชื่อฟังและพิษรักพร้อมแล้ว นางจะจำได้แค่ญาติพี่น้องและคนรัก

ก็แสดงว่า นางจะจำได้แค่พ่อ พี่ชาย และเขาเท่านั้น ไม่มีทางจะจำอ๋องอานชินได้

เพราะตอนที่วางยาพิษเชื่อฟังนั้น ซุนฟางเอ้อร์ได้พูดข้างหูนางเพียงชื่อผู้ชายคนเดียว เช่นนั้น นางจะจำได้แค่ผู้ชายคนเดียว

ส่วนคนอื่นๆ ถึงแม้จะคุ้นเคย นางก็จะจำไม่ได้ รวมทั้งเสี้ยห้วยจุน

วันที่วางยา นางจำไม่ได้แม้กระทั่งเหลียงสู้หลินที่นางเห็นทุกวัน แต่ต้องมาทำความรู้จักใหม่วันหลัง

หลังจากวางยาแล้ว นางต้องมาทำความรู้จักใหม่ แล้วนางก็จำได้แต่ช่วงเวลาใหม่

แต่พิษรัก นางจะยังไม่ลืมสนิท อย่างมากก็ลืมความรักที่มี แต่ที่นี้ คือได้วางยาพร้อมกันสองชนิด นางไม่มีทางจะจำได้ พิษเชื่อฟังมีสรรพคุณคือ ผู้ถูกวางยาจะต้องฟังคำสั่งเท่านั้น ไม่มีทางแก้ นอกจากจะให้ยาแก้

หรือว่า ซุนฟางเอ้อร์หลอกเขา?

พอเขาคิดถึงจุดนี้ แล้วก็เอามือโอบไหล่หลี่ซ่วยหยุ่น แล้วก็ลากนางมาทางตัวเอง หลี่ซ่วยหยุ่นก็พูดออดอ้อนว่า “ฝ่าบาท ท่านอ๋องก็อยู่ที่นี่นะ”

“เขาเป็นน้องข้าเอง ไม่มีอะไรน่าอาย ต่อไปเขาก็ต้องเป็นน้องชายเจ้าด้วย” ฮ่องเต้พูดไป ยิ้มมองไปอ๋องอานชินไปด้วย

อ๋องอานชินกำหมัดแน่น โกรธจนหน้าแดง แต่เขาก็พยายามเก็บอาการ แล้วก็มองต่ำลง แล้วไม่พูดจา

หลี่ซ่วยหยุ่นยิ้มมาทางอ๋องอานชิน ในใจก็รู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา แล้วก็เจ็บดั่งเข็มแทง นางเอามือขึ้นมาจับหน้าอก แล้วหน้าก็ซีดลง

“เป็นอะไรไปหรือ?” ฮ่องเต้เห็นนางผิดปกติ ก็เลยถาม

“ไม่เป็นอะไรเพคะ” หลี่ซ่วยหยุ่นเงยหน้าขึ้น แล้วก็มองอ๋องอานชิน “เมื่อครู่ที่หม่อมฉันมองท่านอ๋อง ในใจหม่อมฉันก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที”

เพราะคำพูดของนาง ใจของอ๋องอ๋องอานชินก็เริ่มชุ่มฉ่ำขึ้นมาบ้าง หรือว่านางจะถูกวางยาพิษรักแล้ว ก็ยังคงรักเขา

ฮ่องเต้หน้านิ่งไป “เจ้ากลับไปก่อน ไปพักผ่อนเสีย”

จะต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ

“แต่ว่า วันนี้ฝ่าบาทบอกว่า จะเรียกหม่อมฉันมาให้คุยกับท่านอ๋องไม่ใช่หรือ? ให้โน้มน้าวเขาไม่ใช่หรือ?” นางถามอย่างสงสัย “แล้วทำไมถึงให้หม่อมฉันกลับ”

สายตาของอ๋องอานชินก็เริ่มมีพลังขึ้นมา ที่แท้ ก็ไม่ใช่มื้ออาหารธรรมดาเสียแล้ว แต่จะให้นางมาพูดโน้มน้าวนี่เอง

ฮ่องเต้พูดเบาๆ ว่า “ตอนนี้ไม่ต้องการแล้ว ท่านอ๋องรับปากแล้ว”

หลี่ซ่วยหยุ่นก็ยิ้ม “เช่นนั้นก็ดีเลย หม่อมฉันจะได้ขอตัวก่อน”

นางลุกขึ้น แล้วคำนับฮ่องเต้ และท่านอ๋อง ก่อนกลับ นางยังหันมามองอ๋องอานชินอีกครั้ง แล้วก็สงสัย

สายตาของอ๋องอานชิน ทำให้คนเห็นแล้วจะปวดใจ

นางก็เดินกลับไป ลู่กงกงมาช่วยพยุงนาง แล้วพูดว่า “เจ้าเมือง ระวังขั้นบันไดด้วย”

หลี่ซ่วยหยุ่นมองลู่กงกง แล้วถามว่า “ลู่กงกง ฝ่าบาทบอกว่าจะให้ข้ามาช่วยพูดให้ท่านอ๋องไปฆ่าภรรยาไอ้เจ็ด แล้วไอ้เจ็ดคือใคร แล้วภรรยาของเขาคือใคร?”

ลู่กงกงยิ้มตอบว่า “กระหม่อมจะทราบได้เช่นไร?”

ฮ่องเต้ตั้งใจไม่พูดชื่อของซือถูเย้น เพราะว่าในวังมีคนพูดถึงสองคนนี้บ่อย ถ้าบอกชื่อไป นางก็จะรู้ว่าเป็นซือถูเย้น และหลีโม่ ถ้าบอกว่าเป็นไอ้เจ็ด นางก็จะไม่รู้ว่าเป็นใคร

ลู่กงกงรีบเก็บอาการ แล้วก็พยุงนางเดินต่อไป จากนั้น ก็เรียกคนไปส่งนางที่ตำหนักซีเวย ส่วนเขาก็ยืนด้านนอก

หลังจากหลี่ซ่วยหยุ่นกลับ ฮ่องเต้ก็เผยธาตุแท้ แล้วพูดว่า “ถ้าเสี้ยหลีโม่ไม่ตาย นางก็ตาย เจ้าเลือกเอาเอง ไม่เพียงแค่เสี้ยหลีโม่ตาย ยังจะต้องให้ไอ้เจ็ดกินยาทำหมันด้วย ถ้าเจ้าทำได้ ข้าก็จะรีบพระราชทานงานแต่งให้เจ้า เพราะอีกอย่าง ต้องให้หลีโม่ตาย เจ้าถึงจะแต่งกับนางได้อย่างมีศักดิ์ศรี”

อ๋องอานชินโมโหพูดว่า “ฝ่าบาทไม่กลัวเขาจะก่อกบฏหรือ?”

“เขาทำได้หรือ?” ฮ่องเต้ถามนิ่งๆ

อ๋องอานชินจ้องมองเขา แล้วดวงตาก็ลุกเป็นไฟ แต่ว่า ฮ่องเต้กลับทำหน้านิ่ง

อ๋องอานชินก็เข้าใจได้ แล้วก็ถอนหายใจออกมา “นี่ก็คือทางเลือกที่สาม ใช่ไหม? ไอ้เจ็ดมีอีกทางเลือก ถ้าเขาไม่ทำตามที่ท่านสั่ง ท่านก็จะบังคับให้เขากบฏ เมื่อมันเกิดขึ้น แล้วท่านก็จะสามารถมีเหตุผลที่จะประหารชีวิตขุนนางดีเด่นแบบนั้นได้ แถมยังเป็นน้องชายตนเองด้วย”

ฮ่องเต้หัวเราะ ผสมสำลักน้ำลาย สักพัก เขาก็บอกว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว คิดเกินไป ข้าไม่ได้มีความคิดแบบนั้น”

อ๋องอานชินมองท่าทางเขา แล้วก็นึกขึ้นได้ ว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไร

ไอ้เจ็ดก็น่าจะรู้ ไม่เช่นนั้น เขาก็คงไม่เตรียมรวมกำลังทหาร เขาคงไม่ให้หลีโม่เข้าวัง เพราะว่า เขารู้ ถ้าหลีโม่เข้าวังมา ก็ต้องตายอยู่ในวังแน่ ถ้าหลีโม่ตาย ไอ้เจ็ดก็ต้องกบฏ เรื่องมันต้องเป็นแบบนี้แน่

ที่เขาทำทั้งหมด ก็เพื่อจะทำให้ไอ้เจ็ดก่อกบฏ

เขารู้ว่าไอ้เจ็ดจะไม่ฆ่าหลีโม่และลูกในท้อง แล้วก็ไม่ยอมกินยาให้เป้นหมันแน่ ดังนั้น ไอ้เจ็ดก็จะเหลือเพียงทางเดียว ก็คือ ก่อกบฏ

อีกอย่าง เขาก็มั่นใจว่า ถ้าไอ้เจ็ดกบฏขึ้นมา ฮ่องเต้ก็ต้องให้เขาที่เป็นอ๋องอานชินออกไปล้อมกบฏไว้ เพราะหยุ่นเอ๋ออยู่ในมือฮ่องเต้

เขาจะไม่แต่งงานเพื่อหยุ่นเอ๋อ แต่จะต้องไปล้อมกบฏไว้ เพื่อหยุ่นเอ๋อแน่ๆ

เพราะว่า ถ้าไอ้เจ็ดกบฏ ถ้าไม่มีคำว่าพี่น้อง ขอแค่เขาไม่ออกไปจัดการ ก็จะถือว่าเป็นขุนนางทรยศ อีกอย่าง ถ้าเขาไม่ทำ ก็ยังมีเซียวเฮาเย่ เซียวเซียว เฉินเหลาไท่จุน ไว้คอยรับใช้อยู่แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม