พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 779

สรุปบท ตอนที่ 779 การต่อสู้ที่ตำหนักซีเวย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 779 การต่อสู้ที่ตำหนักซีเวย – พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง

บท ตอนที่ 779 การต่อสู้ที่ตำหนักซีเวย ของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ใบไม้แดง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 779 การต่อสู้ที่ตำหนักซีเวย

ทั้งสองพูดกันไป ก็เห็นแม่ทัพใส่ชุดเกราะเข้ามา

“กระหม่อมวั่นสวี้ถวายพระพรฝ่าบาท”

“ลุกขึ้นเถิด” ฮ่องเต้มองเขา แล้วพูด

แม่ทัพคนนั้นก็ลุกขึ้น แล้วยกมือคำนับหมุยเฟย “ท่านหมุยเฟย”

หมุยเฟยเคยเห็นเขาหนึ่งครั้ง เขาคือแม่ทัพทหารองครักษ์ที่ฮ่องเต้แต่งต้ะงมาใหม่ เคยเป็นคนของอู๋อันโหว

นางก็น้อมรับการคำนับ แล้วพูดว่า “ฝ่าบาท หม่อมฉันทูลลาก่อน”

“อืม ไปเถอะ” ฮ่องเต้พยักหน้า แล้วก็พอใจในการกระทำของนางมาก

หมุยเฟยค่อยก้าวเดินออกไป แล้วก็พาจู๋เอ๋อออกไป

เปากงกงไปปิดประตู แล้วก็ยืนข้างประตู

วั่นสวี้ยกมือคำนับรายงาน “ฝ่าบาท วันนี้มีชาวยุทธปลอมตัวเป็นชาวบ้านแอบเข้าเมืองหลวง”

ฮ่องเต้ก็มองนิ่งๆ “อืม ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลงมือแล้ว”

“กระหม่อมจะรีบไปเพิ่มกำลังคน เพื่อป้องกันพวกเขา” วั่นสวี้ตอบ

“ไปประกาศราชโองการข้า ไปเชิญพวกเขามา แล้วบอกว่าครั้งนี้ ใครฆ่าได้1คน จะให้หนึ่งพันตำลึงทอง ถ้าใครจับอ๋องซื่อเจิ้งได้ จะให้หมื่นตำลึงทอง”

“รับทราบ!” วั่นสวี้สีหน้าดีใจ รอมานานแล้ว ในที่สุดก็มีโอกาสสร้างผลงานเสียที

ฮ่องเต้มองต่ำลง พยายามปกปิดสายตาที่โหดร้าย “จำไว้ ทำร้ายเขาได้ แต่อย่าให้ถึงตาย”

“กระหม่อมรับบัญชา” วั่นสวี้รีบคำนับ แล้วออกไป

หลังจากวั่นสวี้กลับไป เปากงกงก็เข้ามา แล้วพูดเบาๆ ว่า “ฝ่าบาท นอนพักสักหน่อยเถิด วันนี้เหนื่อยมามากแล้ว”

ฮ่องเต้ค่อยๆ ปิดตาลง “ข้าจะพักสักหน่อย ข้าเหนื่อยแล้ว”

เปากงกงพยุงฮ่องเต้เอนหลังไป แล้วเอาผ้าห่มมาคลุม ตอนกำลังจะหันหลังออกไปนั้น ฮ่องเต้ก็ลืมตาขึ้นมาพูดว่า “หนึ่งชั่วยามให้หลัง มาเรียกข้าด้วย ข้าไม่อยากพลาดละครฉากนี้”

เปากงกงมองต่ำ แล้วตอบ “รับบัญชา!”

พอเขาถอยออกไป แล้วปิดประตู ลู่กงกงก็ถือน้ำแกงเข้ามา พอเห็นเปากงกงที่ประตู ก็พูดเบาๆ ว่า “ฝ่าบาททรงพักผ่อนแล้วหรือ?”

“ใช่แล้ว พักแล้ว เดี๋ยวค่อยถวายก็แล้วกัน” เปากงกงกล่าว

ลู่กงกงก็ตอบรับ แล้วก็เรียกเด็กๆ มารับเอาน้ำแกงกลับไป

เขาเห็นเปากงกงทำหน้าแปลกๆ ก็เลยถามว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”

เปากงกงเงยหน้า แล้วมองตาเขา จากนั้น ก้มองไปรอบๆ แล้วก็ลากเขามาข้างทางเดิน “คืนนี้ ดูเหมือนจะลงมือกันแล้ว”

ลู่กงกงก็ตกใจ “ทำไมเร็วขนาดนี้?”

“ใช่นะสิ” เปากงกงมองไปยังพื้นที่โดยรอบอันมืดมิด กำแพงของตำหนักซีเวย เหมือนเป็นบังเกอร์ ด้านบน ถ้าไม่มองดีๆ ก็จะไม่เห็นพลธนูซ่อนตัวอยู่

ไม่เพียงบนกำแพง บนหลังคาก็มี อาคารสูงๆ อื่นอีก รอบทั้งสิบทิศ ลูกศรธนูแหลมคมกำลังรอคนที่มาหาความตาย

ที่นี่ เป็นเหมือนกำแพงเหล็ก จะเข้ามาได้อย่างไร?

ทั้งสองก็มองตากัน แล้วก็ถอนหายใจพร้อมกัน

วังหลวงเป็นสถานที่ ที่น่าอนาถ คนที่อยากได้ตำแหน่ง ก็รอให้เกิดความวุ่นวาย แล้วถึงจะได้ในสิ่งที่ตนต้องการ

แต่สำหรับคนเก่าแก่ในวังอย่างทั้งสองคนนี้แล้ว ตำแหน่งของพวกเขามันมั่นคงแล้ว แค่หวังไม่อยากให้มีเรื่อง ไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย จนกว่าจะแก่ตายไป หรือได้พระราชทานให้ออกจากวัง

อายุมากแล้ว ทนต่อแรงกดดันมากไม่ได้ ได้แต่หวังความสงบ

อีกอย่างใครจะรู้ ว่าถ้าวุ่นวายขึ้นมา แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?

ในที่สุดก็มา!

วุ่นาวายเหมือนกับนกจะกลับรัง เงาดำๆ ลงมาด้านล่าง ท่าทางว่องไวมาก พอลงมา ก็สะบัดมีดในมือ เลือดนี่กระฉูด ในความมืด มีเสียงร้องโหยหวน แล้วกลิ่นคาวเลือดลอยมาเตะจมูก

สายตาฮ่องเต้จ้องมองเงาดำคนหนึ่ง คนนั้นเขาคุ้นเคยดี ในมือเขาถือกระบี่ยาว ลมกระพือเต็มชุด ตอนเขาลงมาจากข้างบน เสมือนเทพแห่งการฆ่ามาจุติ จ้องมองเขาอย่างเดียวโดยไม่รู้ว่าเขาทำอะไร แต่เขาฆ่าไปสามคนแล้ว

ในใจฮ่องเต้ ก็สั่นเล็กน้อย แต่ว่า เขาก็ตั้งสติใหม่ มาแล้วก็ดี พอมาแล้ว ก็จะหนีไปไหนไม่ได้แน่

ลูกธนูห่าฝน ยิงไปยังคนชุดดำ

ดาบและลูกธนูกระทบกันเป็นประกายไฟ แล้วก็เสียงโลหะกระทบกัน เหมือนจะเอาชีวิตกันเสียให้ได้

ฮ่องเต้ก็เตรียมคู่ต่อสู้ไวให้ตึกเสหานและสู้เยว่โหลวแล้ว

คือพวกไม่กลัวตายในยุทธจักร พวกมันจิตใจโหดเหี้ยม ไม่มีความรู้สึก ขอเพียงมีเงินมากพอ พ่อแม่มันก็ฆ่าได้

คมดาบเปื้อนเลือด ฝึกวิชาแทนกินข้าว ดังนั้นให้พวกนี้มารับมือกับตึกเสหานและสู้เยว่โหลว แต่ก็ไม่มีความกลัว ตอนสู้กัน ยังมีแรงเหลือๆ

แต่ว่า คนพวกนั้นไม่อยากสู้กับตึกเสหานและสู้เยว่โหลว แต่มาสู้กับซือถูเย้น

คนพวกนั้นอยากสร้างผลงาน ก็เลยจะตีหัวหน้า

ถ้าจับเป็นซือถูเย้นได้ ก็จะได้ทองหมื่นตำลึง ถ้าฆ่าคนตึกเสหาน ต้องฆ่า10คนถึงจะได้จำนวนเงินนั้น

ตอนั้น ก็เห็นคนมาตีล้อมซือถูเย้น

ซือถูเย้นก็เต็มไปด้วยรัศมีการฆ่าฟัน ถึงแม้จะมาสู้กับยอดฝีมือบนหลังคา ก็ยังไม่มีอะไรทำอะไรเขาได้

แสงจันทร์ ส่องมายังใบหน้าตายด้านของเขา พอกระบี่สะบัด ถึงแม้จะไม่เห็นเลือดกระเด็น แต่ก็สามารถบุกจนศัตรูถอยไปได้

เพียงแต่ ทางหนีถอย อีกทางก็บุกเข้ามาอยู่ดี ถึงแม้จะมีคนช่วย แต่ทหารองครักษ์ก็เข้ามาอีก แล้วพลธนูก็ยิงอยู่เรื่อยๆ ในตอนนั้นเอง ซ์อถูเย้นและคนของตึกเสหาน ก็ตกที่นั่งลำบาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องชนะ

ในความวุ่นวายนั้น ก็เห็นคนชุดดำลงมาจากฟ้าคนพวกนี้แต่งตัวเหมือนคนของตึกเสหาน ถ้าไม่มองดีๆ ก็จะไม่เห็นว่าตรงปกเสื้อปักด้ายแดงเอาไว้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม