พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 794

สรุปบท ตอนที่ 794 ปะทะกันแล้ว: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 794 ปะทะกันแล้ว – พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง

บท ตอนที่ 794 ปะทะกันแล้ว ของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ใบไม้แดง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 794 ปะทะกันแล้ว

คนที่เดินเข้ามา ก็คือวั่นสวี้คนที่ฮ่องเต้ส่งออกไปก่อนหน้านี้ เพียงแต่ไทฮองไทเฮากลับมาแล้ว ฮ่องเต้จึงได้ย้ายวั่นสวี้กลับมาอยู่ข้างกาย แล้วก็ส่งเหลียงสู้หลินออกไป

วั่นสวี้คนนี้ สายตามองข้ามทุกอย่าง หยิ่งยโสเป็นที่สุด คนหยิ่งยโสคนหนึ่ง แน่นอนว่าก็เป็นคนที่มีความสามารถ อาจารย์ของวั่นสวี้คือดาบฉางหงผู้มีฝีมือสูงสุดในยุทธภพ ท่องยุทธภพอยู่หลายปีแล้วค่อยมารับใช้ฮ่องเต้ จึงค่อนข้างที่จะอยากมีผลงาน

วันนั้นถูกอ๋องเย่ทำร้าย เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขารู้สึกผิดหวังกับวรยุทธของตัวเอง

เพื่อล้างความอัปยศที่มีก่อนหน้านี้ เขาจะต้องพยายามยิ่งกว่าเดิม

ดังนั้น ฮ่องเต้สั่งให้เขามาล้อมตำหนักตงไว้ ไม่ให้ไทฮองไทเฮาได้ออกไป ที่จริงเขารู้สึกว่าเป็นการใช้คนไม่เหมาะกับงาน เพราะไทฮองไทเฮาไม่ได้พาคนกลับมา หญิงเฒ่าสองคน ต้องให้เขาพาคนมามากมายขนาดนี้เลยหรือ?

แต่พระราชโองการเป็นเช่นนี้ เขาจึงจำต้องทำตาม

แต่ว่าอยู่ในวังมาตั้งนาน เขาก็เคยเห็นฝีมือของไทฮองไทเฮาของนี้ ตอนที่นางขึ้นว่าราชการกับเหล่าขุนนาง ไม่มีความหวั่นเกรงเลยสักนิด ควรด่าก็ด่า ควรลงโทษก็ลงโทษ จัดการกำลังทหาร งานราชสำนัก ดูเหมือนจะไม่ต้องกระพริบตาเลยก็สามารถจัดการได้เป็นอย่างดี เขารู้สึกว่า นี่เป็นการกระทำอย่างกำเริบเสิบสาน นางไม่ได้จัดการเรื่องการเมืองมาตั้งนาน รู้ได้อย่างไรว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง? จัดการกำหนดแผนการลงไปอย่างหนึ่ง จะต้องมีคนเหนื่อยตั้งเท่าไหร่

แต่ดูเหมือนนางจะไม่สนใจไยดีเลย และเหล่าขุนนางพวกนั้น ถึงแม้จะไม่พอใจแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

คิดเช่นนี้แล้ว เขาจึงตั้งใจที่จะช่วยฮ่องเต้ล้างแค้น เข้ามาภายในตำหนัก พูดขึ้นอย่างหยิ่งยโสว่า “ กระหม่อมถวายพระพรไทฮองไทเฮา ฮ่องเต้มีพระราชโองการ ไทฮองไทเฮาอายุมากแล้ว ควรที่จะอยู่พักผ่อนแต่ในตำหนัก หากไม่มีธุระอันใด ใคร่ขอไทฮองไทเฮาไม่ต้องออกไป”

ไทฮองไทเฮาเพิ่งเขียนพระราชโองการเสร็จไปหนึ่งฉบับ เห็นเขาเข้ามา แล้วก็ฟังคำพูดของเขาอยู่เงียบๆ มุมปากอมยิ้ม “หากยังไงข้าก็จะออกไปล่ะ?”

“ขอไทฮองไทเฮาอย่าได้ทำให้กระหม่อมต้องลำบากใจ กระหม่อมก็ต้องทำตามพระราชโองการ” วั่นสวี้พูด

อาซื๋อกูกูยืนมองดูอยู่ที่หน้าประตูแว๊บหนึ่ง แล้วพูดว่า “ฮ่องเต้ช่างมีอำนาจจริงๆ แค่หญิงเฒ่าอย่างเราสองคน กลับต้องใช้ทหารองครักษ์ตั้งหลายสิบนาย และนี่ ล้อมตำหนักตงไว้อย่างแน่นหนาแล้ว อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักครึ่งตัวก็บินออกไปไม่ได้”

วั่นสวี้เห็นนางเกือบจะข้ามออกไปแล้ว จึงพูดขึ้นว่า “กูกู ขอเชิญกลับมาภายในตำหนัก”

อาซื๋อกูกูพูดขึ้นว่า “รักษาตัวให้อายุมั่นขวัญยืน? เห็นได้ชัดว่าเป็นการกักบริเวณ”

พูดแบบนี้แล้ว นางก็รู้สึกอีกว่าไม่ถูก “ไม่ใช่กักบริเวณ ก็เป็นการกักขังแล้ว”

นางหันไปมองดูไทฮองไทเฮา “ยังไง? ข้าพูดถูกแล้วใช่ไหม? พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องขึ้นว่าราชการแล้ว”

“ควรไปก็ยังต้องไป” ไทฮองไทเฮาพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย และก็ไม่สนใจวั่นสวี้ เดินตรงเข้าไปภายในห้อง

อาซื๋อกูกูไล่ตามเข้าไป “เขียนพระราชโองการเสร็จแล้วหรือยัง?”

วั่นสวี้ถอยออกไปอย่างเย็นชา เฝ้าอยู่ด้านนอกตำหนักตงของตำหนักซีเวยด้วยตัวเองทั้งคืน เขาจะคอยดู นางจะไปว่าราชการเช้าที่ตำหนักจินหลวนยังไง

ในตำหนักตง ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร ภายในตำหนักดูเหมือนจะปิดไฟแล้วตั้งแต่เช้า และก็ไม่เห็นใครเข้าออก

เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่กงกงตื่นเช้ามาก ช่วยฮ่องเต้สวมชุดพระอิสริยยศ

เป็นปฏิปักษ์กับไทฮฮงไทเฮาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ เขาก็ไม่ได้ตั้งใจอยากจะทำ แต่เขาไม่มีทางเลือกแล้ว

ขุนนางในราชสำนักพวกนั้น ยังคงสนับสนุนนาง

เขาจะประกาศในตำหนักจินหลวน ประกาศว่านับจากนี้ต่อไป ไทฮองไทเฮาจะไม่ข้องเกี่ยวกับงานในราชสำนัก

ตอนนี้ต้าโจวไม่มีกฎห้ามไม่ให้วังหลังยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ตอนที่บรรพบุรุษต้นราชวงศ์ เคยมีกฎไว้อยู่ นับจากหลงจ่านเย๋นแต่งตั้งฮู่ยจู่เป็นต้นมา กฎของบรรพบุรุษต้นราชวงศ์นี้ก็เป็นโมฆะ ตอนนี้ เขาจะเอาพระราชโองการของฮู่ยจู่ออกมาอีกครั้ง ระงับหลงจ่านเย๋น

“ฮ่องเต้ ท่านทำเช่นนี้ ก็เท่ากับแตกหักกับไทฮองไทเฮา” ลู่กงกงช่วยเขาสวมมงกุฎ และพูดเตือนด้วยเสียงเบา

“นางบีบบังคับข้าเอง ข้ายังไม่สิ้นพระชนม์ นางก็กลับมาควบคุมราชสำนักแล้ว ใช้ได้หรือ? ตระกูลซือถูไม่มีคนแล้วหรือ?” ฮ่องเต้พูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา

ในใจลู่กงกงแอบถอนหายใจ นี่ไม่ใช่เพราะท่านบีบนางกลับมาเองหรือ? ด้วยนิสัยของไทฮองไทเฮา จะยอมให้คนอื่นข่มขู่ได้ง่ายๆหรือ?

เขาจะให้เหล่าขุนนางรู้ไม่ได้ ว่าอาการป่วยของตัวเองทรุดหนัก กว่าจะได้ทานยาแล้วค่อยดูดีขึ้นมาหน่อย เขาต้องรีบฉวยโอกาส ทำสิ่งที่เขาต้องทำให้เสร็จ

ลู่กงกงช่วยทาแป้งให้เขา แต่ก็ไม่สามารถปกปิดปานแดง เพียงแค่ทำให้จางลงหน่อย

“ฮ่องเต้ บางทีอาจจะสามารถหาพระชายาซื่อเจิ้งเจอ ท่านอย่าพึ่งรีบแตกหักกับไทฮองไทเฮา” ลู่กงกงพูดขึ้นอย่างอดทนไม่ไหวอีก

สีหน้าเย็นชาของฮ่องเต้มองดูเขาแว๊บหนึ่ง “เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารกทำอะไรนางได้ใช่ไหม?”

“ไม่ใช่พะยะค่ะ บ่าวไม่ได้หมายความเช่นนี้ บ่าวแค่รู้สึกว่า หากทำให้ไทฮองไทเฮาโกรธขึ้นมาจริงๆ งั้นพระวรกายของฮ่องเต้ จะทำยังไง?” ลู่กงกงพูดอย่างเป็นห่วง

ท่าทีฮ่องเต้ไม่แยแส “ไม่มีทางเลือกแล้ว ใจของนางเยือกเย็น ไม่ว่าข้าจะทำยังไง นางก็จะไม่มีทางช่วยข้า น่าขำที่ข้าคิดว่าหลังจากที่นางกลับมา ถึงจะโกรธข้า แต่ยังไงก็จะไม่ทนเห็นข้าตายไปต่อหน้าต่อตาแน่ ตอนนี้แม้แต่ชีวิตของไอ้เจ็ดนางก็ไม่สนใจแล้ว หากข้าไม่จัดเตรียมงานหลังจากนี้ เกรงว่าแผ่นดินนี้...”

เขาพูดอยู่เช่นนี้ กลับไม่รู้สึกมีความสุขเลย ทำแบบนี้ มีประโยชน์อะไร?

เขาตายแล้ว ไม่ว่าตำแหน่งฮ่องเต้จะตกอยู่ในมือของใคร แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับเขา? ยังไงก็ไม่ใช่คนตระกูลอื่น แผ่นดินนี้ก็ไม่ได้ตกอยู่ในมือคนอื่น

“ฮ่องเต้ หรือว่า...” ยังไงลู่กงกงก็ติดตามเขามานานหลายปี มองก็รู้ว่าเขากำลังรู้สึกยังไง “หรือว่า ไปสำนึกผิดตรงหน้าไทฮองไทเฮา แล้ว...ก่อนหน้านี้ก็ได้บอกไทฮองไทเฮาแล้วว่า องค์ชายสามขึ้นครองราชย์นางก็ยินยอมอยู่ไม่ใช่หรือ? หลังจากที่องค์ชายสามขึ้นครองราชย์แล้ว ท่านก็ยังเป็นไท่ช่างหวัง ทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลง”

เขารู้ดีว่าไม่ควรพูดคำว่าสละราชบัลลังก์ออกมา

แต่เงียบอยู่สักพัก เงยหน้าพูดขึ้นอย่างมุ่งมั่นว่า “ไม่ ข้าจะไม่สละราชบัลลังก์”

องค์ชายสามขึ้นครองราชย์ เขาเป็นไท่ช่างหวังก็จริง แต่อย่าลืมว่า ซือถูเย้นยังเป็นอ๋องซื่อเจิ้ง ก่อนหน้านี้เขาลืมข้อนี้ไป

เขาสะบัดชุดเสื้อคลุมลายมังกรบนตัว ตอนนี้ ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องราชบัลลังก์ง่ายๆแบบนั้นแล้ว เขาแค่อยากบอกนางว่า นางไม่ใช่ไทฮองไทเฮาเหมือนดั่งเมื่อก่อนแล้ว นางไม่สามารถควบคุมได้ทุกอย่าง

เขาก้าวเท้าเดินออกไป ลู่กงกงตะโกนขึ้นว่า “ฮ่องเต้เสด็จ"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม