ตอนที่ 796 ไปตามทางทิศตะวันออก
ข่าวคราวเรื่องที่ซือถูเย้นยังคงมีอำนาจในการกำกับควบคุมดูแลชาติบ้านเมืองได้แพร่สะพัดออกไป
รถม้าได้วิ่งไปตามทางที่จะออกจากเมืองนั้น ซือถูเย้นก็ได้ถูกจับตัวเอาไว้ในตอนที่ยังอยู่บนรถม้า คนที่ได้ตามมาด้วยนั้นคือองค์ชายเจ็ด
คนบังคับรถม้านั้นคือ หูซาน เป็นคนขายเนื้ออยู่ในเมืองหลวงมานานหลายปี โดยเป็นคนที่เซียนเป้ยมอบหมายมาให้ คนที่ตามมาตลอดทางนั้น นอกจากหูซานแล้ว ยังมีองครักษ์อีกหลายคนที่ทำหน้าที่ติดตามคอยดูแลรักษาเรื่องการแต่งกาย
รถม้าเคลื่อนตัวออกมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก แล้วพักแรมอยู่ที่เมืองหลวน
องค์ชายเจ็ดหาได้มีจิตใจที่คิดเหี้ยมโหดต่อซือถูเย้นจนเกินไป โดยเขาได้สั่งให้ทำการดูแลรักษาอาการบาดเจ็บให้กับเขา เพียงแค่ว่าให้เขากินยาพิษลงไป อาการบาดเจ็บของเขาก็จะดีขึ้นอย่างช้าลง อีกทั้งตลอดทางก็ยังมีบาดแผลใหม่เพิ่มเติมขึ้นไปอีกด้วย
บาดแผลในครั้งใหม่นี้ ไม่ใช่ว่าเพราะเขาไม่ทำตาม แต่องค์ชายเจ็ดผู้นี้ดูจะเป็นคนที่กระหายในเลือดอย่างยิ่งนัก หากในวันนั้นไม่ได้ใช้กริชทิ่มแทงเขา ก็จะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
พักค้างแรงที่ เมืองหลวน ซือถูเย้นก็รู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
แม้จะบอกว่าจะไปแดนหนานโก๋ว แต่ออกจากทางเมืองหลวน นั้น ก็จะมีตรอกทางเล็ก ๆไปยัง เมืองสุ่น โดยการที่จะไปทางน้ำ ถึงแม้ว่าจะระยะทางไกลกว่าอยู่บ้าง แต่ทว่าเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด
ค้างคืนอยู่ที่เมืองหลวนสักคืน เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
แต่เนื่องจากว่าได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นฤทธิ์ในการแก้พิษก็ยิ่งช้า ดังนั้นถ้าต้องการหนีก็จำต้องเคลื่อนย้ายพลังปราณในการแก้พิษ ถึงจะกำจัดออกไปได้
เพียงแค่ว่า เจ้าเด็กคนนั้นไม่ยอมเชื่อเขา เอาแต่จับตาจ้องมองเขาไม่ยอมวาง ต้องเคลื่อนย้ายปราณในการแก้พิษ พูดน่ะมันง่าย?
เดิมทีด้วยคุณสมบัติทางร่างกายของเขาก็ไม่ได้โดนพิษกันได้ง่าย ๆ เมื่อถูกพิษแล้วก็สามารถแก้เองได้ แต่จำต้องใช้เวลา ค่อย ๆย่อยสลาย ประมาณสามวันห้าวันถึงจะแก้พิษได้ เพียงแต่ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วก็เกรงว่าไม่จำเป็นต้องไปตามเจ้าแปดและหลีโม่แล้ว
แต่ว่า เมื่อเขาได้ลองคิดกลับไปกลับมา เจ้าแปดเองจะใช้เส้นทางไป เมืองหลวน ด้วยทางน้ำหรือไม่?
เขาจับตัวของหลีโม่ไป ทั้งฉินโจวและเซียวเซียวจะต้องติดตามไปอย่างแน่นอน ทั้งบรรพบุรุษเองก็จะต้องสั่งคนให้ติดตามไป ถ้าหากว่าไปทางทิศใต้ ก็จะถูกคนติดตามได้โดยง่ายดาย
แต่ถ้าใช้เส้นทางไปเมืองหลวนด้วยทางน้ำ มีคนรู้เส้นทางนี้ไม่มากเท่าใดนัก อย่างน้อย ๆ เลย ก็ไม่แน่นักว่าคนอย่างเซียวเซียวจะรู้ ก่อนหน้านี้ตัวเขาเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน เพียงแต่ต่อมาในภายหลังที่ตั้งใจคิดว่าจะไปเอาแดนหนานโก๋วเข้า ถึงได้ไปสำรวจเส้นทางจากในเมืองหลวเท่าไหร่ ลางที บรรพบุงที่จะไปยังแดนหนานโก๋ว
องค์ชายเจ็ด ซือถูหนาน รู้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะว่า คนภายใต้บังคับบัญชาของเขามีจำนวนมากที่เป็นคนของเซียนเป้ย ปกปิดชื่อเสียงเรียงนามและทำอาชีพต่าง ๆ เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในครอบครัว ที่ขาดไม่ได้เลยคือมีจำนวนหนึ่งที่ไปยังสถานที่อื่น ๆ
จะว่าไปแล้ว เจ้าแปดจะต้องกลับมายังแดนหนานโก๋ว จำต้องรอให้แน่ใจว่ากองกำลังทั้งหมดได้ถอนทัพกลับไป ถึงจะปรากฏตัวขึ้นได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็จะได้ไม่ต้องเร่งรีบ ตัวเองติดตามซือถูหนาน ถึงอย่างไรก็ตามยังติดตามไปได้ง่ายอยู่
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว เขาก็นิ่งสงบลง
ประตูถูกผลักออก องครักษ์ทั้งสองนายต่างก็พากันประคององค์ชายเจ็ด ซือถูหนาน เข้ามา
เขาเข้าไปพลางทำยกสองมือขึ้นเพื่อแสดงความเคารพ “เสด็จลุง หลานขอถวายพระพรพ่ะย่ะค่ะ”
ซือถูเย้นจ้องมองที่ใบหน้าราวกับดอกไม้บานของเขา เมื่อคิดถึงความเหี้ยมโหดตอนที่เขาหยิบเอากริชมากรีดเข้าที่ลำแขนของตัวเอง เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเป็นคน ๆ เดียวกัน“มีเรื่องน่ายินดีอะไรรึพ่ะย่ะค่ะ?”ซือถูเย้นนั่งขัดสมาธิพลางเอ่ยถาม
“เสด็จพ่อมีพระบัญชา ให้พี่สามเป็นองค์รัชทายาท เสด็จลุงยังคงมีพระราชอำนาจในการจัดการบ้านเมือง ดูท่าแล้ว พวกเราคงไม่ต้องไปที่แดนหนานโก๋วแล้ว”องค์ชายเจ็ดหัวเราะคิกคักออกมาในตอนที่พูด
ในใจของซือถูเย้นนิ่งสงบลง ในบัดนี้ ฮ่องเต้ได้มีพระราชโองการออกมาโดยสถาปนาแต่งตั้งให้เสี่ยวซานจื่อเป็นองค์รัชทายาท?ไม่ใช่เขา
ถ้าหากว่าไม่ใช่เขา เช่นนั้นก็ต้องเป็นบรรพบุรุษ บรรพบุรุษกับฮ่องเต้เป็นปรปักษ์ต่อกันแล้ว
ทำให้บรรพบุรุษเกิดความขุ่นข้องหมองใจ เกรงว่าครั้งนี้ฝ่าบาทจะต้องลำบากเข้าให้เสียแล้ว บรรพบุรุษอาจจะไม่ลงมือ แต่ถ้าลงมือ ก็จะไม่ยอมอ่อนข้อให้เป็นอันขาด
เพียงแต่ ถ้าเป็นเช่นนี้ แล้วไปบีบองค์ฮ่องเต้ให้ เกรงว่าจะ……
แต่ เขาก็รีบคิดปลอบใจตัวเองขึ้นในทันที ในเมื่อบรรพบุรุษเดินมาถึงขั้นนี้ เกรงว่าจะเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้
แม้เขาจะคิดว่าสถานการณ์ในวังหลวงและในพระราชสำนักจะไม่ได้ควบคุมได้ง่าย ๆ เสียเท่าไหร่ บางที บรรพบุรุษอาจจะมีความสามารถเช่นนี้ก็ไม่อาจจะรู้ได้
“เสด็จลุง ท่านเห็นเป็นอย่างไร?” องค์ชายเจ็ดจ้องไปที่เขาพลางทำขึ้น
เขาเองก็หาได้อยากจะถามความคิดเห็นจริง ๆ เสียเมื่อไหร่ เพียงแค่อยากฟังดูท่าทีของเขาเท่านั้น
ซือถูเย้นคิดไปสักพัก “เกรงว่า การสถาปนาพี่สามของเจ้าในครั้งนี้ ไม่ได้มาจากฝ่าบาท แต่เป็นไท่ฮองไท่เฮา”
“อืม แล้วยังไงต่อเล่า?”องค์ชายเจ็ดยิ้มขึ้น ใบหน้าดูมีวุฒิภาวะขึ้นอย่างน่าเกรงขาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...