พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 798

สรุปบท ตอนที่ 798 ทำร้ายทารกในครรภ์ของนาง: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

ตอน ตอนที่ 798 ทำร้ายทารกในครรภ์ของนาง จาก พิษรักองค์ชายโฉมงาม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 798 ทำร้ายทารกในครรภ์ของนาง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ที่เขียนโดย ใบไม้แดง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 798 ทำร้ายทารกในครรภ์ของนาง

เป็นหัวหน้าตำรวจทำคดีมานานหลายปี แน่นอนล่ะว่ารู้ข้อมูลข่าวจากเส้นสายภายใน ในตอนที่ต้องการตรวจสอบอย่างละเอียดนั้น กลับได้รับจดหมายมาหนึ่งฉบับ

เขาเห็นว่าจดหมายนี้ยังไม่มีตราประทับใด ๆ แต่กลับลงชื่อไว้ว่าเป็นจดหมายของอ๋องซื่อเจิ้ง ในใจก็รู้สึกไม่สงบอยู่เป็นเวลานาน เป็นของจริงหรือ?หรือว่าจะเป็นของปลอม?

หัวหน้าสายตรวจและข้าหลวงระดับจังหวัดปรึกษาหารือกันอยู่เป็นเวลานาน ก็ได้เรียกให้อาจารย์ มาทำการวิจัยอยู่ตลอดทั้งคืน จนในที่สุด ก็ได้ตัดสินใจขึ้น

ว่าจะกระทำต่อคนพวกนี้เหมือนเป็นพวกลักเล็กขโมยน้อย เนื่องจากว่าจับได้พร้อมกับของกลาง แล้วก็ได้มีโจทก์เข้ามายื่นร้องเรียนจริง ๆ ต่อให้ในอนาคตจะรู้ว่าจดหมายนี้อ๋องซื่อเจิ้งไม่ได้เป็นผู้เขียน ก็จะได้พูดให้ผ่านไปได้ แต่ถ้าหากเป็นอ๋องซื่อเจิ้งเขียน เช่นนั้นแล้ว ก็นับว่าประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง

หัวหน้าสายตรวจทำไปตามสารในจดหมายฉบับย้ำ โดยที่เอาคนพวกนั้นไปขังคุก สำหรับเด็กน้อยที่มีอายุแปดปี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เอาไปขัง แต่ก็ทรมานให้อดอาหารจนหิวโซราว ๆ สองวันถึงจะได้ให้น้ำ

จากนั้น ก็พาไปไต่สวนไม่ได้หยุด ให้พวกเขายอมรับและสารภาพ

ถึงแม้ว่าองค์ชายเจ็ดจะทรงพิโรธจนถึงขีดสุด แต่ในท้ายที่สุดแล้วก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดีว่าซือถูเย้นนั้นหนีไปได้อย่างไร เขาได้รับบาดเจ็บอย่างแสนสาหัส อีกทั้งได้รับพิษจนไม่สามารถรวบรวมลมปราณได้ พิษนี้ ก็ใช่ว่าจะกำจัดออกไปได้อย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ

ในภายหลังนั้น หูต้า ก็ทำท่าทางอึก ๆ อัก ๆ เป็นนัย ๆ เขาถึงได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วซือถูเย้นมีความสามารถที่จะกำจัดพิษได้ด้วยตนเองอย่างแท้จริง คนเช่นนี้มีกำลังปราณที่แก่กล้ายิ่งนัก

จะว่าไปถ้าหลีโม่ถูกนำตัวไปด้วย ผ่าน เมืองหลวน ไปแล้วและไปโดยทางน้ำ จากนั้นก็หากที่พักแรมในจ้าวโจวสักคืน แล้วก็ค่อยล่องไปตามลำน้ำต่อ

แต่ว่า นางกลับแปรเปลี่ยนกลับกลายเป็นคนวุ่นวายยิ่งนัก สักพักก็อยากจะกินอันนั้น อีกสักพักก็อยากจะกินอันนี้ สักพักก็รังเกียจที่เสื้อผ้าดูไม่งดงาม อยากจะซื้อของเพิ่ม โดยเฉพาะในตอนที่อยู่ในจ้าวโจว ในตอนที่กำลังผ่านถนนตรอกซอกซอยเล็ก ๆ ก็วุ่นวายว่ากินขนมมากไม่ได้ แต่พอได้กินเท่านั้นก็กินเสียมากมาย ทำเอาจนคนค้าขายแผงลอยรวมถึงคนขายถังหูลู่ต่างก็จดจำนางไปตาม ๆ กัน

อ๋องหนานหวยอดทนอดกลั้นกับนางมาโดยตลอด ด้วยเพราะรู้ว่าไม่มีใครที่ตามมาถึงที่นี่ได้ ในตอนที่เขากำลังคิดอยู่นั้น เสี้ยหลีโม่ก็ได้อ้อยอิ่งแล้วก็จงใจทิ้งร่องรอยเอาไว้ เพียงแค่ทำตัววุ่นวายน่ารำคาญเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงเท่านั้น

ในตอนที่ขึ้นเรืออยู่ที่จ้าวโจวนั้นเอง ด้วยความที่นางไม่ทันระวัง ก็ผลักเอาลู่ยีตกลงน้ำไป ทำเอาคนที่อยู่บนท่าเรือนั้นต่างพอกันจดจ้องด้วยความตะลึงงันอย่างมิอาจหาอะไรเปรียบได้

บนหนทางเส้นนั้น จริง ๆ แล้วเขารู้ดีว่าตัวเองกำลังอับจนหนทาง เนื่องด้วย เขาเอ่ยถามซางชิวไปไม่รู้ตั้งกี่ครา เกี่ยวกับเรื่องราวฮ่องเต้ของเขา แต่ซางชิวเองกลับเอาแต่เงียบงันไม่ยอมพูดอะไร

เขาเองก็ได้เตรียมกายเตรียมใจเอาไว้แล้ว ถ้าหากว่าต้องตายจริง ๆ ก็ควรจะต้องสังหารคนที่สมควรตายนั้นให้หมดไปด้วย

หลังจากที่หลีโม่อยู่บนเรือแล้ว ก็นิ่งสงบลงไปมากมาย ไม่ได้ทำตัววุ่นวายเหมือนตอนที่ยังอยู่บนฝั่ง

อ๋องหนานหวยก็ไม่ได้ขาดแคลนทุนทรัพย์ เรือที่ว่าจ้างนั้นเป็นเรือสำราญออกท่องเที่ยวของตระกูลผู้ลากมากดีทั้งหลาย ดูประณีต และโอ่อ่าหรูหราเป็นอย่างยิ่ง

แต่ว่า ไม่รู้ว่าตอนที่อยู่บนฝั่งนั้นกินเยอะมากจนเกินไปหรือเปล่า หรือว่ากินของมั่วซั่ว เมื่อได้ขึ้นเรือไปแล้ว กลับรู้สึกมวนท้องอย่างไม่ทันได้คาดคิด โดยที่ไม่เคยได้ปรากฏอาการแพ้ท้องมาก่อนนับตั้งแต่วันที่ตั้งแต่เริ่มขึ้นเรือในวันนั้น ก็เวียนหัวอาเจียนออกมาไม่ได้หยุด

อีกทั้ง เริ่มกินอาหารไม่ค่อยลง ส่วนใหญ่อาหารที่คนบนเรือทำนั้นก็คือเนื้อปลา แต่พอได้กลิ่นของปลาเข้าเพียงเล็กน้อย ก็เริ่มเกิดอาการท้องไส้ไม่ปกติ

คนที่ดูแลบนเรือนั้นคือคู่สามีภรรยาที่ลงมาบนเรือด้วยกัน ยังมีสมาชิกบนเรืออีกสองท่าน โดยพวกเขาหลงเข้าใจไปว่าหลีโม่เป็นภรรยาของอ๋องหนานหวย วันนี้เมื่อได้เห็นหลีโม่มีอาการอาเจียนอย่างรุนแรง คนดูแลบนเรือก็ได้กล่าวกับอ๋องหนานหวยไปว่า “นายท่าน จะดีหรือไม่ถ้าให้เทียบท่าที่อู๋โจวเพื่อไปจัดการเรื่องยาให้กับฮูหยิน เห็นนางดูทรมานยิ่งนัก”

อ๋องหนานหวยที่ยืนอยู่ตรงหัวเรือ หันมามองด้วยท่าทีเรียบเฉยมองไปทางหลีโม่ที่กำลังอาเจียนอย่างเอาเป็นเอาตาย “ไม่จำเป็น เดินหน้าต่อเถอะ ไปช้า ๆ หน่อยก็พอ”

ผู้ดูแลเรือถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “ข้าน้อยเห็นคนมาเรือมานักต่อนัก แต่ไม่เคยเห็นใครที่ดูทุกข์ทรมานเช่นฮูหยิน ถ้าหากว่านายท่านไว้ใจข้าน้อย ที่ตัวข้าน้อยมียาแก้อาการเมาเรืออยู่ เอาไปให้ฮูหยินรับประทานก่อนได้”

“ไม่จำเป็น”น้ำเสียงของอ๋องหนานหวยเยือกเย็นอย่างไม่ได้เคลือบแคลงสงสัยอะไร เขาอารมณ์ไม่ดี ถ้าหากว่าเสี้ยหลีโม่ไม่สบาย เขากลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง

ผู้ดูแลเรือชะงักงันไปครู่ เมื่อเห็นท่าทางของเขาราวกับไม่เป็นสุข ก็ไม่กล้าพูดอะไรขึ้นอีก เขาทำการค้ามาเนิ่นนานหลายปี ไม่ใช่คนที่ไม่เคยผ่านร้อนผ่านหนาวอะไร ดังนั้น เขารู้สึกว่าแขกของเขาในครั้งนี้ ช่างมีความแปลกประหลาดยิ่งนัก

หลีโม่เองก็คิดไม่ถึงว่าอาการแพ้ท้องของตนเองจะรุนแรงได้ถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังเกิดขึ้นอย่างฉับพลันโดยที่ไม่ได้มีสัญญาณบ่งบอกอะไรมาก่อน

ลู่ยีเองก็หาได้ใส่ใจในความทุกข์ทรมานของนางไม่ ในทางตรงกันข้ามกลับรู้สึกรังเกียจ เพราะว่าถ้าหากนางอาเจียนจนเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเสื้อป้า นางก็ต้องช่วยจัดการ เพราะท่านอ๋องไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนเข้าใกล้นางได้

สายตาที่เย็นชาของเขาจ้องมองไปที่ร่างที่ขดตัวเป็นวงของเสี้ยหลีโม่ เมื่อก่อนนางยังมีชีวิตชีวามาโดยตลอด ในสองวันนี้กลับมีสภาพเป็นเช่นนี้อย่างกะทันหัน เกรงว่าจะเป็น ลู่ยี ที่ได้ซุ่มลงมือ

อีกทั้งเมื่อก่อนลู่ยีเองก็ไม่ได้ให้ความเคารพยำเกรงต่อเสี้ยหลีโม่สักเท่าใดนัก แต่ถ้าให้ปรนนิบัติดูแลก็ทำอย่างตั้งอกตั้งใจ ท่าทางในตอนแรกช่างแตกต่างกันในตอนนี้ ก็ไม่ใช่นับว่าไม่มีสาเหตุอยู่เสียทีเดียว

ลู่ยีพูดขึ้น “นายท่าน เจ้านายของท่านก็คือท่านอ๋อง”

ซางชิวหมุนกายกลับมา “ก็ใช่น่ะสิ ท่านอ๋องตัดสินพระทัยจะทำอย่างไร ก็ทำเช่นนั้นเถอะ จะไม่ไปถามอะไรทั้งสิ้น ”

เขาย่างเท้าเดินไปหลายก้าวแล้ว ในทันใดนั้น ก็หมุนตัวกลับไปมองทางอ๋องหนานหวยอีกครั้ง ยกสองมือแสดงความเคารพแล้วพูดขึ้น “ท่านอ๋อง ถ้าหากว่าไม่ทำร้ายเสี้ยหลีโม่ ก็ยังพอมีทางให้ถอย”

สายตาของอ๋องหนานหวยแน่นิ่งด้วยความเยือกเย็น อย่างไม่อาจจะคาดเดาใด ๆ ได้ “ข้ายอมตาย แต่จะไม่ยอมถอย”

“ท่านอ๋อง ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ก็ย่อมมีความหวัง!”

“นายท่าน หากอุดมการณ์ไม่ตรงกันก็ไม่อาจจะร่วมทางกันได้ รอให้ครั้งนี้นายท่านได้ช่วยข้าขโมยเอาแดนหนานโก๋วกลับคืน ต่อไป นายท่านก็ไปใช้ชีวิตตามอิสระของท่านเถอะ”อ๋องหนานหวยพูดขึ้นด้วยท่าทีเรียบเฉย

ดวงตาของซางชิวนิ่งสงบ ยกมือคำนับสองข้าง แล้วเอ่ยพูดขึ้นว่า “ข้าน้อยจะตั้งตารอคอยวันที่ท่านอ๋องประสบความสำเร็จ”

ประโยคนี้ นั้นแฝงไว้ด้วยใจที่คิดไม่ซื่อตรง เนื่องจากในใจของเขามีแผนการ

เพียงแค่ เขาไม่สามารถให้ท่านอ๋องทำร้ายเสี้ยหลีโม่ได้

เพราะถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเสี้ยหลีโม่ขึ้นมาจริง ๆ ซือถูเย้นเองก็จะไม่คิดถึงเรื่องอะไรอีกต่อไป ควายตาย ยังไม่น่ากลัว แต่การที่อยู่อย่างตายทั้งเป็นนั่นสิที่น่ากลัว แต่ท่านอ๋องกลับคิดไปว่า แย่ที่สุดก็ไม่ถึงตาย จะไปรู้ได้อย่างไรเล่า ว่าบางครั้งในความตายนั้นก็กลับมีความสุขขึ้นได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม