พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 799

สรุปบท ตอนที่ 799 ท่าทีของซางชิว: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 799 ท่าทีของซางชิว – พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง

บท ตอนที่ 799 ท่าทีของซางชิว ของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ใบไม้แดง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตอนที่ 799 ท่าทีของซางชิว

หลีโม่ถูกทิ้งเอาไว้ในห้องที่มืดมิดในเรือ อาเจียนออกไปสักพัก อีกทั้งยังถูกลู่ยีตบเสียจนหน้าหัน แต่นางก็ค่อย ๆ มีสติรู้สึกตัวขึ้น

นางตะกายลุกขึ้น ทั่วทุกทิศล้วนมืดดำสนิท ลู่ยีมีท่าทีต่อนางที่เปลี่ยนไป ทำให้นางรับรู้ได้ถึงท่าทีของอ๋องหนานหวย

บทสนทนาระหว่างลู่ยีและซางชิวในเมื่อครู่นั้น นางล้วนแต่ได้ยินทั้งสิ้น

เมื่อก่อนเคยคิดว่าจะลงมือจากทางด้านของลู่ยี เพราะนางรู้ว่าซางชิวมีจิตใจที่ภักดีต่ออ๋องหนานหวยอย่างไม่มีอะไรมาทัดเทียมได้ ไม่สามารถลงมือจากทางฝั่งเขาได้ง่ายนัก แต่คิดไม่ถึงเลยว่า จะเป็นซางชิวเสียอีกที่ช่วยพูดให้กับนาง

นางอาเจียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท้องไส้ก็โล่งหิวจนไส้กิ่ว แม้จะกินอะไรไม่ลง แต่ท้องกลับว่างเปล่ารู้สึกโหวงเหวง

นางตะกายไปทางประตูโดยอาศัยความรู้สึก ออกแรงทุบประตู “ปล่อยข้าออกไปนะ”

ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดูละล้าละลัง แต่ทว่า ก็หาได้มีคนมาเปิดประตูไม่ในตอนท้ายที่สุด

นางพิงลงกับประตูด้วยความรู้สึกไม่พอใจ รู้ดีว่าเสียงฝีเท้าพวกนั้นเป็นของผู้ดูแลเรือ แต่ทว่า พวกเขาก็ไม่ยอมมาเปิดประตูให้

แดนหนานโก๋วเป็นดินแดนที่มั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ อ๋องหนานหวยมีเรือสำเภาเป็นของตนเองอยู่ตั้งหลายลำ มีแม้กระทั่งเรือรบอีกสองลำ ทว่า บัดนี้เขาทำได้แค่เพียงเช่าเรือคนอื่นด้วยสีหน้าท่าทางดูถมึงทึง ประมาณว่า เขาชัดแจ้งแก่ใจในสถานการณ์ของแดนหนานโก๋วในปัจจุบันนี้

แดนหนานโก๋วในตอนนี้มี “อ๋องหนานหวย”อยู่พระองค์หนึ่ง เขาจะแย่งชิงเอาแดนหนานโก๋วกลับไป จะต้องผ่านอ๋องหนานหวยจอมปลอมผู้นั้นไปให้ได้

อีกทั้ง หลังจากที่เขากลับไปแล้ว นายทหารขั้นสูงของเขาก็จะสามารถแยกแยะตัวจริงตัวปลอมได้ในทันที

ทว่า เงื่อนไขในเบื้องต้นนั้นเขาจะต้องรอให้กองทัพทหารกลับไปเสียก่อน ถึงจะสามารถขึ้นฝั่งได้ ดังนั้น นางจำต้องตรากตรำอยู่บนเรืออยู่อีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง

นางผล็อยหลับไปอย่างสะลึมสะลือ เมื่อตอนที่ได้ตื่นคืนมานั้น ถึงได้พบว่าเรือได้หยุดลงเป็นที่เรียบร้อย

มีคนมาลากตัวนาง นางฝืนบังคับให้ลืมตาขึ้น เป็นใบหน้าที่ดูรำคาญใจของลู่ยี นางเอ่ยขึ้น “ถ้าเจ้าไปเองได้ ก็จะไม่จำเป็นต้องได้รับโทษ”

หลีโม่ฝืนตัวหยัดกายลุกขึ้นยืน “ถึงแล้วหรอ?”

นี่นางนอนหลับไปนานเลยหรอ?

“มีพายุคลื่นฝนรุนแรง ต้องขึ้นฝั่งหลบพายุก่อน” ลู่ยีกระชากนางเอาไว้ “เดินให้มันดี ๆ หน่อย ตกน้ำตกท่าไป ไม่มีใครช่วยเจ้าหรอกนะ”

หลีโม่ถูกนางลากตัวออกไปจากห้องโดยสายภายในเรือ ตอนที่ยืนอยู่บนแผ่นไม้ของเรือพลันก็รู้สึกได้ถึงลมที่พัดกระหน่ำเข้ามาอย่างรุนแรงจนทำให้คนแทบจะยืนไม่ติดกับพื้น

ตัวนางโอนเอนอยู่สักพัก ลู่ยีพลันก็ปล่อยตัวนางในทันที นางล้มลงบนไม้กระดาน ลู่ยีก็หัวเราะขึ้นอย่างอาฆาตมาดร้าย “ไร้ประโยชน์” ศีรษะของหลีโม่กระแทกลงบนผิวโลหะที่อยู่บนไม้กระดาน ตามหน้าผากมีหลาดโลหิตที่ไหลรินออกมา นางเช็ดทิ้งอย่างลวก ๆ จากนั้นก็เห็นซางชิวที่เดินเข้ามา พูดกับลู่ยีด้วยท่าทางอันเฉยเมยว่า “เจ้าไปจัดการธุระเรื่องอื่นเถอะข้าจะพานางไปเอง”

ลู่ยีหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “บัดนี้นายท่านรู้จักการทนุถนอมต่อสตรีแล้ว”

เมื่อพูดจบ นางสะบัดเสียงหึออกมาทีหนึ่ง แล้วเดินออกไป

ซางชิวประคองหลีโม่ให้หยัดกายลุกขึ้น “ฮูหยินยังสบายอยู่หรือไม่?”

“ตายไม่ได้!”หลีโม่เช็ดเข้าที่เลือดตามหน้าผากขึ้นอีก พลันได้ยินเสียงลมที่กระทบอยู่ข้าง ๆ หู เสียงลมนั้นยังดูรุนแรงมากกว่าในเมื่อครู่ อีกทั้ง ดูท่าทีแล้วจะไม่ใช่สภาวะปกติ เป็นเสียงลมที่เหมือนกับมีอะไรกำลังบินอยู่

“ขออภัยด้วย”ซางชิวพลันเอ่ยขึ้น

หลีโม่ฝืนตัวให้ยืนให้มั่นแล้วมองไปที่เขา “แต่ละคนก็ต้องรับใช้นายตัวเอง”

ซางชิวประคองนางให้เดิน ในจังหวะนั้นเองถึงได้กล่าวขึ้น “ลู่ยีปฏิบัติกับท่านเยี่ยงนี้ ก็มีความข้องเกี่ยวกับตัวข้าน้อย”

“หืม?”หลีโม่รู้สึกไม่เข้าใจ

“ข้าน้อยพูดช่วยให้กับฮูหยิน นางก็หลงเข้าใจว่าข้าน้อยจะเปลี่ยนฝั่ง”

หลีโม่ไม่ส่งเสียงใด ๆ ขึ้น นางไม่คิดว่าคนอย่างซางชิวจะเปลี่ยนฝั่ง เกรงว่าเขาจะมองออกว่าอ๋องหนานหวยกำลังมาถึงช่วงสิ้นไร้ไม้ตอก

“นางมีความรู้สึกบางอย่างกับข้าน้อยที่ยากจะบรรยายออกมาให้ฟังได้”ซางชิวได้พูดอธิบายให้กับ ลู่ยี “ดังนั้น ฮูหยินอย่าได้กล่าวโทษนาง”

“ข้าโทษนางแล้วจะยังไงหรอ?ตอนนี้ข้าเป็นเช่นนี้ พวกเขาไม่มาลงอารมณ์กับข้าก็นับว่าเป็นเรื่องดีแล้ว”เส้นผมของหลีโม่ถูกลมพัดเข้าจนผมเผ้ายุ่งเหยิง เลือดตามหน้าผากก็ยังคงรินไหลออกมา รู้สึกเวียนศีรษะยิ่งนัก เสียงบินขยับเคลื่อนไหวก็ยังคงดังต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าคืออะไรกัน ไม่ก็ เป็นนางเองที่เกิดอาการประสาทหลอน

“ถ้าหากว่าฮูหยินหนีไปได้ ก็ขอให้ฮูหยินไว้ชีวิตลู่ยีด้วย”ซางชิวเอ่ยพูดอย่างตรงไปตรงมา

หลีโม่ยืนไว้อย่างเป็นมั่นเหมาะ ในตอนที่กำลังอยากจะไต่ถามขึ้นนั้น กลับเห็นอ๋องหนานหวยสาวเท้าเข้ามาอย่างเร่งรีบ

นางหยุดคำพูดลงในทันที จ้องมองไปทางอ๋องหนานหวย

อ๋องหนานหวยจ้องมองที่นาง เอ่ยขึ้น “พวกเราจะต้องขึ้นฝั่งไปหลบสักสองวัน ถ้าหากว่าพี่สะใภ้เจ็ดให้ความร่วมมือ ก็จะไม่ต้องได้รับความทุกข์ทรมานอีก”

นั่นสินะ แย่ที่สุดก็แค่ตาย เขาวางแผนไว้แล้วว่าถ้าพ่ายแพ้เข้าให้ ก็จะตัดสินใจด้วยตัวเองหรือไม่ก็ถูกคนสังหารไปเสียก่อน อย่างน้อย ๆ ก็ยังมีแพะรับบาป เขาตายแล้ว ไอ้เจ็ดก็จะต้องตายด้วย จริง ๆ ความคิดนี้ของเขา มั่นอกมั่นใจว่าไอ้เจ็ดไม่มีทางสังหารเขา

คนที่บอกว่าไม่กลัวตาย จริง ๆ แล้วก็กลัวตายนั่นแหละ

“เจ้าคิดว่า ลู่ยีจะให้ข้ากินยาแท้งลูก ข้าจะทัดทานได้หรือ?”หลีโม่พูดขึ้นอย่างประชดประชัน ตอนนี้แค่กำลังที่จะให้นางเดินเหินก็ยังไม่มี จะไปต่อสู้ทัดทานได้อย่างไร?

ซางชิวเอ่ยพูดขึ้นอย่างมีความหมายเร้นลึก “ได้สิ พอถึงเวลาก็ได้เองแหละ”

หลีโม่นิ่งชะงัก จ้องมองที่เขา

ซางชิวไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่หยิบเอาผ้าขนหนูมีเลือดนางเปรอะเอาไว้ออกไปด้วย

ผ่านไปได้สักพักหนึ่ง ลู่ยีก็เอาน้ำเดินเข้ามา เป็นน้ำที่เย็นเฉียบอ่างหนึ่ง นางหยิบเอาผ้าขนหนูขึ้นโดยที่ยังไม่บิดน้ำออก พุ่งตรงไปเช็ดตามใบหน้าของหลีโม่ น้ำที่เย็นจับใจนั้นเอ่อซึมโดนกับบาดแผลตรงหน้าผากของหลีโม่ ทำให้เกิดความเจ็บปวดพุ่งปรี๊ดออกมา

หลีโม่กำหมัดเอาไว้แน่น กล้ำกลืนฝืนทนลงไป

ลู่ยีสะบัดผ้าขนหนูลงไปในอ่าง พูดขึ้นด้วยความเย็นชาว่า “เจ้าอย่าได้ไปก่อกวนนายท่าน”

เมื่อพูดจบ ก็ยกเอาน้ำออกไป

หลีโม่ลงจากเตียง ผลักหน้าต่างมองไปยังท้องฟ้าที่มืดมิดอย่างสุดลูกหูลูกตา พายุกำลังจะพุ่งเข้ามา คนที่อยู่ในซอยเล็ก ๆ ตรงด้านล่างรีบเดินกันอย่างรวดเร็ว อลหม่านชุลมุนเป็นยิ่งนัก

ตรงนี้เป็นบริเวณชั้นสอง จะให้กระโดดลงก็ไปคงไม่ได้แน่ ๆ ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ จะให้กระโดดลงไป ก็ไม่ต้องมีลูกกันพอดี

ภายในห้องก็ไม่มีเชือกสักเส้น จึงไร้หนทางที่จะหย่อนลงไป

ออกไปทางประตูยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยด้วยซ้ำ อ๋องหนานหวยจะต้องมีคำสั่งให้คนเฝ้าอยู่แน่ ๆ ต่อให้นางออกจากห้องนี้ไปได้ แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้อยู่ดี

ซางชิวยกเอาอาหารเข้ามา กล่าวขึ้น “ฮูหยิน กินอะไรก่อนเถอะ ต่อให้กินไม่ลงก็ต้องกินอะไรบ้าง”

เขาเดินเข้ามา ประคองให้หลีโม่ลุกขึ้น มือของเขาดูมีบางอย่างที่ผิดปกติไป รุดดันผลักเข้าไปในกระเป๋าแขนเสื้อของหลีโม่

หลีโม่ตะลึงไปครู่หนึ่ง พลันรีบมองไปทางปากประตูอย่างรวดเร็ว เห็นลู่ยีกำลังเดินตรงเข้ามา นางรีบผลักซางชิว มือทั้งสองข้างสอดเข้าไปในกระบอกแขนเสื้อ “ข้าไปเองได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม