พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 800

ตอนที่800 เขามาแล้ว

ซางชิวปรายตามอง ลู่ยีแล้วกล่าวว่า “เจ้าดูแลฮูหยินสักหน่อยเถอะ”

ลู่ยีตอบรับอย่างเรียบเฉย “โตขนาดนี้แล้ว ยังต้องดูแลอีกหรอ?ทุกคนต่างก็ออกไปข้างนอกกันหมด ไม่จำเป็นต้องมาทำตัวเปราะบางขนาดนี้ แต่นายท่าน ชายหญิงล้วนมีข้อแตกต่าง ท่านเข้ามาในนี้บ่อย ๆ ไม่ดีเท่าไหร่หรอก ต่อไปถ้ามีธุระเล็ก ๆ น้อย ๆ ข้าจะจัดการเอง”

ซางชิวพูดอย่างกระอักกระอ่วน “เช่นนั้นก็ได้”

เมื่อพูดจบแล้ว เขาก็เดินออกไป

ลู่ยีจับตามองอยู่ที่หลีโม่ พูดด้วยความชิงชังว่า “นี่เจ้ากรอกยาเสน่ห์อะไรให้เขากัน?เขาภักดีซื่อสัตย์ต่อท่านอ๋องมาโดยตลอด เพราะเจ้า เขาถึงได้มีปัญหากับท่านอ๋องอยู่ตั้งหลายครั้ง”

แม้ว่าหลีโม่ไร้เรี่ยวแรงจะพูดต่อปากกับนาง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นสักสองสามประโยค “เจ้าคิดว่า ด้วยสติปัญญาของซางชิวแล้ว ข้าจะเอายาเสน่ห์กรอกปากเขาได้อย่างนั้นรึ?เขามองออกว่าท่านอ๋องของพวกเจ้ากำลังมาถึงจนตรอก อยากจะดึงเขาให้กลับไป ถึงได้บอกกับพวกเจ้าว่าอย่าทำร้ายข้า”

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่พวกเขาตัดสินใจก็คือ ต้องจัดการลูกของนาง บัดนี้ไม่ต้องรู้สึกผิดต่ออะไรทั้งนั้น ทำอะไรอย่างไม่ต้องยั้งมือก็พอ

ฝ่ามือของลู่ยีสะบัดออกไป หลีโม่จับที่ข้อมือของนางเอาไว้ กล่าวขึ้นด้วยความคาดแค้นว่า “เจ้าลองดูสิ!”

ลู่ยีคิดไม่ถึงว่านางจะแปรเปลี่ยนมีท่าทางที่แข็งขืนขนาดนี้ขึ้นมาได้ ดวงตาฉายแววความโมโห “ต่อให้ข้าลงมือสังหารเจ้า ท่านอ๋องก็ไม่ว่าอะไรหรอก”

หลีโม่หัวเราะขึ้นอย่างเยียบเย็น “นอกเสียจากว่าเจ้าปรารถนาให้ท่านอ๋องของเจ้าต้องสิ้น”

หลีโม่ปล่อยมือของนางลง มีอารมณ์ความเยือกเย็นก่อตัวขึ้น มือสอดอยู่ด้านในของกระเป๋าภายในแขนเสื้อ พลางเขม็งตาจ้องมองลู่ยีด้วยสายตาที่เย็นชา

ลู่ยีเห็นว่านางไม่เชื่อ ก็ยกมือตบออกไป เพียงแค่ว่า กลับรู้สึกปวดน้อย ๆ ที่ข้อมือ มือพลันทิ้งตัวลงอย่างไร้เรี่ยวแรง

ลู่ยีตกตะลึง ยกข้อมือขึ้นมาดู แต่ไม่รู้กันว่าเมื่อไหร่ที่บริเวณข้อมือถึงมีรูเล็ก ๆ เป็นสีแดง ราวกับโดนเข็มทิ่มเข้าให้

“เสี้ยหลีโม่!” ลู่ยีเปล่งเสียงด้วยความโมโห

“ถ้าหากว่าเจ้าไม่อยากตาย ก็อย่าได้ใช้กำลังภายในให้มันสิ้นเปลืองนัก” หลีโม่ทรุดกายนั่งลง แล้วค่อย ๆ กินข้าว นับตั้งแต่ที่ขึ้นเรือมา ราวกับจะยังไม่เคยได้แตะต้องอาหารอะไรเลยเสียด้วยซ้ำ

ถึงแม้ว่าจะรู้สึกคลื่นไส้ แต่นางพยายามฝืนกินลงไปอยู่หลายคำ ถ้าหากว่าต้องหนีขึ้นมาจริง ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีเรี่ยวมีแรง

ลู่ยีจ้องมองดูท่าทางที่นิ่งสงบของนาง ในใจก็รู้สึกประหม่าและหวาดหวั่นขึ้น “เจ้าคิดจะหลอกข้า?”

“ถ้าเจ้ายังดวงดีก็จะรู้เองว่าข้าพูดจริงหรือพูดเท็จ”หลีโม่กล่าวทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้น

ลู่ยีสูดหายใจลงลึก ๆ เคลื่อนย้ายพลังสักรอบ พลันก็รู้สึกว่าแน่นอยู่ในทรวงอกตามที่คิดจริง ๆ อีกทั้งยังรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นเล็กน้อย

“เจ้าทำอะไรข้า?” ลู่ยีพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง

“ปิดจุดฝังเข็มแห่งความตายของเจ้า หลังจากนี้เป็นเวลาสิบสองยามเจ้าจะมีเป็นอะไร แต่ถ้าในสิบสองชั่วยามนี้เจ้าคิดอยากจะลงมือกับข้า ก็จะตายมันในตอนนี้แหละ”หลีโม่พูดขึ้นด้วยท่าทีนิ่งเฉย

ลู่ยีโกรธแค้นจนหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ได้สิ เจ้ารอไปซะ หลังจากสิบสองชั่วยาม จะเป็นคราวตายของเจ้า”

นางกวาดรวบปัดเอาอาหารที่หลีโม่กินยาร่วงตกลง เดินออกไปอย่างกระฟัดกระเฟียด

หลีโม่ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย จริง ๆ แล้วไม่ได้ปิดจุดปราณอะไรของนางทั้งนั้น เพียงแค่ปักเข็มลงตรงเส้นชีพจรของนาง รวบรวมกำลังได้ยากลำบาก แต่สักพักก็จะไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อครู่ซางชิวเอากระเป๋าเข็มของนางกลับคืนมา แต่ว่าเข็มหรือก็ยังไม่อาจเทียบประโยชน์ของสายเชือกเตาปาได้ ถ้าได้เชือกเตาปากลับมา นางจะหนีออกไปได้

ถ้าหากว่าซางชิวช่วยเหลือนาง ทำไมถึงไม่เอาเชือกเตาปาส่งกลับมาด้วย?

หรือว่า แต่เดิมทีไม่ได้เอาเชือกเตาปากลับมาด้วย?หรือถูกพวกเขาเอาไปโยนทิ้ง หรือถูกเผาทิ้งไปเสียแล้ว?

เชือกเตาปาจำเจ้าของของมันได้ นับตั้งแต่อาซื๋อกูกูได้มอบมันให้กับนางแล้ว นอกจากไอ้เจ็ด ก็ไม่มีใครที่สามารถบังคับใช้มันได้ ดังนั้นต่อให้อ๋องหนานหวยได้เชือกเตาปาไป ก็ไร้ประโยชน์

เฮ้อ อยากให้เชือกเตาปานั้นมีจิตวิญญาณขึ้นมา แม้ว่าจะคิดเช่นนี้ดูจะไม่เป็นเหตุผลตามหลักวิทยาศาสตร์เสียเท่าไหร่ แต่เรื่องที่นางข้ามภพมาได้ก็ไม่ใช่หลักวิทยาศาสตร์เช่นกัน

หาเชือกเตาปากลับมาได้ ทุกอย่างก็จะไม่เป็นปัญหา

นางกวาดตามาอาหารที่ตกกระจายอยู่บนพื้น มีน้ำจิ้มแตงกวาอยู่อีกครึ่งถ้วยที่ยังไม่เลอะเทอะ ในชามที่แตะนั้นยังมีหลงเหลืออยู่ จึงหยิบขึ้นมากิน

ตอนนี้กินลงแล้ว ก็คืออาหารพวกผักผลไม้นั่นเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม