พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 802

ตอนที่ 802 ต่อสู้อย่างดุเดือด

ลู่ยีที่เพิ่งคิดอยากจะออกไปเอายา เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่พลันพลิกผลันก็กลับมา เห็นหลีโม่ทำร้ายอ๋องหนานหวย ด้วยความคั่งแค้น ก็พุ่งตัวถลาเข้ามา ฝ่าเท้าเหยียบลงที่หลีโม่ที่เป็นลมไปแล้ว จากนั้นก็ประคองอ๋องหนานหวยให้ลุกขึ้น

“ท่านอ๋อง ท่านมีเลือดไหล”นางเห็นที่คอของอ๋องหนานหวยมีเลือดที่ไหลรินออกมา ก็ตกใจขึ้น

อ๋องหนานหวยกำคอไว้แน่น กัดฟันแน่นกรอดแล้วพูดว่า “เรียกคนเข้ามา เอายาให้นางกินลงไป”

ลู่ยีถลาตัวไปที่ประตูแล้วตะโกนขึ้น “เข้ามา!”

หลีโม่ตื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว รับรู้ว่ามีคนกระชากผมขึ้น และถูกบีบเข้าที่ปาก โดยที่ไม่ทันได้ยั้งคิด นางยกเท้าเตะออกไป จากนั้นก็ขัดขืนต่อสู้อย่างตะลุมบอน

ที่ของเหลวที่กำลังร้อนระอุสาดกระเซ็นเข้าที่ใบหน้า มีชามกระเบื้องที่พุ่งกระทบเข้าจ่ออยู่ที่ฟัน แก้มทั้งสองข้างถูกบีบจนรวดร้าว มีคนพูดขึ้นที่ข้างหูของนางด้วยความโมโหว่า “ทางที่ดีเจ้าดื่มมันลงไปอย่างว่าง่ายเสีย ไม่เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะต้องตายอย่างทรมาน”

หลีโม่ลืมตาขึ้น ก็เห็นใบหน้าที่เหี้ยมโหดของลู่ยีลอยอยู่ตรงเบื้องหน้าของนาง นางออกแรงสะบัดพุ่งออกไป ก็ไม่สามารถตีลู่ยีได้ แต่กลับถูกลู่ยีตบเข้าที่บ้องหู

นางรู้สึกว่าที่หน้าผากมีเลือดไหลออกมา นางยกมือขึ้นไปจับ ยังไม่ทันได้มองดู ลู่ยีก็ตบเข้าซ้ำ “นังแพศยา ไว้ชีวิตแล้วก็ยังไม่เอาอีก”

ในหัวของหลีโม่มีดาวปรากฏขึ้น ในสมองและข้างหูมีเสียงดังอู้อี้

พลันมองเห็นเงาร่างหนึ่งที่บินพุ่งเข้ามา ยังไม่ทันได้มองเห็นคนที่เข้ามาได้ชัด ลู่ยีพลันลอยละลิ่วออกไป กระทบเข้าที่กับกำแพงกระแทกลงบนพื้น หลีโม่ได้ยินเสียงกระดูกร้าวอย่างชัดเจน พร้อมกับเสียงที่เจ็บปวดของลู่ยี

หลีโม่ถูกท่อนแขนอันแข็งแกร่งรวบไว้ในอ้อมกอด ความอบอุ่นที่คุ้นเคยทำให้นางวางใจลงได้ แต่กลับได้กลิ่นคาวเลือดจากบนตัวของเขา ในใจของนางหนักอึ้งขึ้น เขาได้รับบาดเจ็บแล้ว

อ๋องหนานหวยจ้องมองไปที่ซือถูเย้น ด้วยความตกตะลึง แต่กลับหัวเราะออกมาด้วยท่าทีไม่ยี่หระว่า “ช่างประเมินเจ้าต่ำเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะตามมาจนถึงที่นี่ได้”

ซือถูเย้นจ้องมองหลีโม่ที่ได้รับบาดเจ็บ นัยน์ตาฉายแววความพลุ่งพล่าน แต่กลับไม่ได้รีบร้อนลงมือ แต่ใช้มือยกขึ้นเช็ดตรงหน้าผากของนาง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “หลีโม่ ยังไหวไหม?”

หลีโม่สบตาแน่นิ่ง พยายามประคองสติไม่ให้ดับมอดไปเสียก่อน “ข้าไม่เป็นไร”

ยาเมื่อครู่นี้ นางไม่ได้ดื่มลงไปแม้แต่น้อย

เขาประคองหลีโม่ไปจนถึงที่ข้างหน้าต่างแล้วนั่งลง กระซิบพูดขึ้นว่า “เจ้ารอข้าที่นี่นะ”

หลีโม่รีบเงยหน้าขึ้นมองเขา ก็มองเห็นคนที่ถลาตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดวงตาเป็นประกายด้วยความตกตะลึง แต่ทว่าไม่ได้พูดอะไรออกมา เพื่อไม่ให้ทำลายบรรยากาศ เพียงแค่ผงกศีรษะลง มองเขาอย่างเหม่อลอย “เจ้าระวังตัวด้วย”

ซือถูเย้นมีเพียงแค่กระบี่ผุ ๆ ไม่รู้ว่าไปเก็บมาได้จากที่ไหน สันกระบี่ยังดูไม่คมเลยด้วยซ้ำ

อ๋องหนานหวยหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นอย่างมาดร้าย “เข้ามา ข้าไม่ต้องการชีวิตเขา ขอเพียงแค่แขนข้างหนึ่ง และขาข้างหนึ่งก็พอ”

ในตอนที่ขึ้นฝั่งนั้น ผู้ดูแลเรือก็พูดขึ้นว่า พายุในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน โดยที่ในก่อนหน้าไม่ได้มีสัญญาณใด ๆ

บัดนี้ ที่ด้านนอกมีสายฟ้าฟาด เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แสงวาบระเบิดฟาดลงบนยังพื้นดิน

หลังจากแสงฟ้านี้แล้ว ลมพัดโหมจนทำให้เทียนดับลง ทุกอย่างอยู่ในความมืดมิด โดยที่มองไม่เห็นซึ่งกันและกัน

แต่ยอดฝีมือที่เรียกมานั้น ไม่เคยได้อาศัยสายตา

หลีโม่ได้ยินเพียงแค่เสียงกระบี่ที่กระทบกัน ไอกระบี่ดังฟึ่บฟั่บ ช่างร้ายกาจยิ่งนัก ทุกที่ที่ไอกระบี่ฟาดผ่านไป ก็ทำให้เก้าอี้และโต๊ะบินถลาหักเป็นสองท่อน

หลีโม่รู้สึกถึงความกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะว่านางได้กลิ่นคาวเลือด แต่ไม่รู้ว่ามาจากคนไหน ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่คนที่มาประลองฝีมือก็ล้วนแน่ชัดในสถานการณ์ของตัวเอง ซือถูเย้นนั้นเป็นฝ่ายรับ เพราะว่าในเบื้องหลังนั้นเขาก็ยังต้องดูแลหลีโม่ โดยที่ไม่ยอมให้ใครได้เข้าใกล้นาง ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะหลบหนีจากอันตรายไปได้ แต่เมื่อได้ยินเสียงกระบี่ที่เข้าใกล้หลีโม่ เขากลับไม่ได้สนใจในอันตรายของตัวเอง เข้าขัดขวางให้กับหลีโม่ ดังเพราะแบบนี้เอง ถึงทำให้เขาได้รับแผลเล็กน้อยเข้าอยู่หลายแห่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม