พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 803

ตอนที่ 803 หนีไป

พายุยิ่งรุนแรงกระหน่ำซ้ำมากขึ้น ห่าฝนท่ามกลางพายุกระทบลงบนใบหน้า เจ็บรวดร้าวอย่างไม่อาจจะบรรยายออกมาได้

ซือถูเย้นกอดนางเอาไว้ในอ้อมอก ให้นางเอาหน้าซุกลงตรงบริเวณหน้าอกของตัวเอง ตัวเขานั้นยังดึงบังเหียนม้าวิ่งต่อไปไม่ได้หยุด

ทหารที่ติดตามวิ่งตามมาติด ๆ ซือถูเย้นให้หลีโม่อยู่บนหลังม้า ตัวเองหยิบเอาเชือกเตาปาบินออกไป ไม่รู้ว่าสู้รบอยู่นานเท่าใด สรุปในตอนที่ซือถูเย้นบินกลับมาอยู่บนหลังม้าแล้ว ก็มีบาดแผลเพิ่มขึ้นอยู่หลายต่อหลายแห่ง

พวกเขายังคงหลบหนีต่อไป จนในที่สุดทหารม้าที่ติดตามก็ค่อย ๆ ห่างลง โดยที่ไม่ได้ยินเสียงกีบม้าวิ่งตามมาอีก บางที เพราะว่าห่าฝนในครั้งนี้ได้ช่วยบังสายตาเอาไว้ ถึงทำให้ทหารที่ติดตามไม่สามารถแยกแยะทิศทางได้

ซือถูเย้นในสุดท้ายควบคุมไว้ไม่ได้ ตัวสั่นคลอนโยกไหว กำบังเหียนเอาไว้แน่น ทำให้ม้าค่อย ๆ ช้าลง ตัวเขาเองก็หมดหนทางที่จะรักษาการทรงตัวต่อไปตกลงมาจากบนหลังม้า

หลีโม่ก็ร่วงตกลงมาพร้อมกับเขา แต่ทว่านางทับอยู่บนร่างของซือถูเย้น

นางรีบลุกขึ้นยืน ตบเบา ๆ ลงบนใบหน้าของซือถูเย้น รีบพูดขึ้น “ไอ้เจ็ด ไอ้เจ็ด เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

ทั่วทั้งบริเวณมืดดำสนิท ทำให้นางหมดหนทางที่จะมองเห็นบาดแผลของไอ้เจ็ด เมื่อไม่ได้ยินเสียงของเขาตอบรับ นางยื่นมือสั่นระรัวไปตรวจจับลมหายใจตรงปลายจมูกของเขา

ยังมีลมหายใจอยู่ แต่เมื่อตอนที่จับชีพจรไปนั้น กลับเต้นแผ่วอย่างอ่อนแรงและช้าลง

หัวใจของหลีโม่แทบหยุดเต้น นางลูบใบหน้าอยู่สักพัก ก็ไม่รู้ว่าเป็นน้ำตาหรือเป็นหยาดฝนกันแน่ ในใจของนางสิ้นหวังอย่างสุดแสนสาหัส

บัดนี้แสงสว่างเพียงอย่างเดียวก็ต้องอาศัยสายฟ้าที่แลบแปลบขึ้น แต่นับหลังจากที่ฝนตกลงมาแล้ว ก็แทบจะไม่มีฟ้าแลบเลยด้วยซ้ำ

นางก้มตัวลง จูบลงบนริมฝีปากที่เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็งของซือถูเย้น น้ำเสียงสั่นเทาเอ่ยขึ้น “ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย เจ้าอย่าได้คิดว่าจะทิ้งพวกเราไปได้”

นางควานหยิบเอากระเป๋าเข็มออกมา เริ่มจับตรงบาดแผลของเขา

เลือกจุดนั้นนางก็ยังคงหาได้อย่างแม่นยำ โดยที่ไม่ต้องอาศัยแสงสว่าง ล้วนแต่อาศัยประสาทจากมือสัมผัสในการเลือกจุด

ที่ท่อนแขนมีบาดแผล ตรงท้องก็มี บริเวณขาก็มี นางใช้เข็มในการห้ามเลือดแล้ว ก็เริ่มฉีกเสื้อตัวนอกของตัวเองเพื่อเอามาพันแผลให้กับเขา

ไม่มียาอะไรที่กินได้ อีกทั้งฝนกระหน่ำเช่นนี้ อีกทั้งไม่มีอะไรที่คุ้มกันให้ได้ เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บที่รุนแรงสาหัสขนาดนี้ ยามดึกของวันนี้จะต้องเป็นไข้ตัวร้อนแน่ ๆ

นางถอดเอาเสื้อคลุมตัวนอก พยายามยกขึ้นบังฝนให้กับเขา แต่ทว่า ฝนที่ตกลงมาแบบฟ้ารั่วเช่นนี้ แค่เสื้อตัวเดียวจะมีประโยชน์อันใดกัน?

อีกทั้งบริเวณที่ซือถูเย้นนอนอยู่นั้นค่อนข้างต่ำ น้ำฝนไหลรินมาจากบนภูเขา บริเวณด้านล่างน้ำไหลเอื่อย ๆ ร่างของเขานอนทับอยู่บนกองน้ำฝน ทั่วร่างของเขานั้นนอนแช่อยู่ในน้ำ

หลีโม่อยากจะให้ตัวเองช่วยบดบังฝนทั้งหมดให้กับเขาได้ เช่นเหมือนในเมื่อครู่นี้ที่ได้ต่อสู้กันในโรงเตี๊ยม เขาวางนางเอาไว้อยู่ตรงข้างหน้าต่าง เพื่อช่วยขัดขวางคมกระบี่ทั้งหมดให้กับนาง

แต่ทว่า นางกลับทำอะไรไม่ได้เลย

นางนั่งอยู่บนพื้น ออกแรงลากเขาให้ลุกขึ้น เอาศีรษะของเขามาวางไว้บนตักของตัวเอง จากนั้นโน้มตัวลงกอดเขาเอาไว้ บดบังสายฝนและพายุ

มาจนถึงในตอนกลางดึกที่ฝนได้หยุดลงแล้ว แต่ลมยังพัดแรงกรรโชก ร่างของซือถูเย้นสั่นเทิ้ม หลีโม่เองก็หนาวจนตัวสั่น ถึงแม้ว่าฟ้าจะยังไม่สามารถมองเห็นทิศทางได้ แต่หลีโม่รู้ว่าอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่อนั่งรอความตายไม่ได้อีกเช่นกัน

โชคดีที่ว่าซือถูเย้นมีสติรู้ตัวขึ้น หลีโม่กระซิบที่ข้างหูของเขา “ไอ้เจ็ด ข้าไม่มีแรงจะแบกเจ้าขึ้นมา ข้าจะประคองเจ้า จากนั้นเจ้าก็ออกแรงหน่อยได้ไหม?”

ซือถูเย้นตอบรับอย่างมึนงง หลีโม่ประคองเขาลุกขึ้นในตอนนั้น เขาเองก็ออกแรงด้วยตัวเอง พยายามอยู่หลายครั้ง ก็ยังไม่สามารถขึ้นไปบนหลังม้าได้ มิหนำซ้ำกลับหกล้มอีกตั้งหลายครา ทำให้แผลของเขายิ่งสาหัสขึ้น

ซือถูเย้นมีสติขึ้นมามาก เขาพยายามลืมตาขึ้นเล็กน้อย พูดกับหลีโม่อย่างอ่อนแรงว่า “เจ้ารีบไป ชั่วเวลายามจื่อ ฉินโจวก็จะมาถึงที่นี่ เจ้าไปหลบเสีย รอให้ฉินโจวถึงแล้ว ก็หาฉินโจว……”

“พวกเราไปด้วยกัน ไม่ว่ายังไงข้าก็จะไม่ทิ้งเจ้า”หลีโม่ยืนกรานหนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม