สรุปเนื้อหา ตอนที่ 809 เจ้าหนีไป ข้ารับมือเอง – พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง
บท ตอนที่ 809 เจ้าหนีไป ข้ารับมือเอง ของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ใบไม้แดง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 809 เจ้าหนีไป ข้ารับมือเอง
หลีโม่เองก็คิดว่าเป็นไปได้
น่าเสียดายนัก คนเก่งเช่นนี้
อีกอย่าง นางคิดว่าการหักหลังของซางชิว ไม่ใช่เป็นการหักหลังที่แท้จริง แต่เขารู้ว่าอ๋องหนานหวยไม่มีทางเลือกอีกแล้ว เขาอยากหาทางให้ก็เท่านั้นเอง
ขุนนางซื่อสัตย์เช่นนี้ ไม่ว่ายังไง ก็ควรได้รับการเทิดทูน
“ใช่แล้ว เรื่องของอ๋องหนานหวยกับโหรวเหยาเป็นอย่างไรหรือ? วันนั้นข้าอยากยื้อเวลา เลยคุยเรื่องโหรวเหยากับเขา แต่เขากลับโมโห”
ซือถูเย้นพูดความจริง “เรื่องของเขาสองคน ข้าไม่รู้จริงๆ”
หลีโม่นึกได้ว่าในอดีตนั้นเขาไม่ได้สนใจเรื่องของชาวบ้านเลย ไม่รู้ก็เป็นเรื่องธรรมดา
หลีโม่เงยหน้าขึ้นมองรูปปั้นมังกร ยิ้มแล้วพูด “รูปปั้นมังกรนี้ เป็นรูปปั้นที่แปลกที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมาเลย”
“ข้าเองก็ไม่เคยพบเห็น” ซือถูเย้นเองก็รู้สึกแปลก ถึงเขาคิดว่ารูปปั้นมังกรควรจะมีรูปร่างเป็นมังกรจริง แต่ว่ากลับไม่เหมือนกับที่ประชาชนรู้กัน ทุกคนต่างรู้สึกว่าเป็นรูปปั้นคนและใบหน้าคน แค่มีเขาบนศีรษะก็เท่านั้นเอง
ดูไปดูมา สีหน้าก็เริ่มจริงจังมากขึ้น เหมือนเห็นอะไรที่สำคัญ
หลีโม่เห็นเช่นนี้ จึงถาม “ทำไมหรือ?”
แต่กลับคิดไม่ถึง ซือถูเย้นแค่ยิ้มแล้วพูด “เปล่า แค่รู้สึกว่ารูปปั้นนี้ช่างอัปลักษณ์นัก”
“ตุ้ม” เสียงดังขึ้น ได้ยินเพียงเสียงฟ้าผ่าบนศีรษะ จากนั้นก็ตามด้วยฟ้าแลบ ถึงจะเป็นตอนกลางวัน แต่แสงนั้นเห็นได้ชัดเจน
หลีโม่ตกใจจนเอามือทาบอก “นี่มีแต่เรื่องแปลก ฟ้าผ่าก่อนฟ้าแลบได้อย่างไรกัน? อีกอย่าง นี่เป็นตอนกลางวันด้วย ฟ้าใสไม่มีเมฆเลย”
ซือถูเย้นกลับจ้องรูปปั้นมังกรไม่ปล่อย “เจ้าสังเกตหรือไม่ หลังฟ้าผ่ารูปปั้นมังกรนี้ดูดุดันมากขึ้น”
หลีโม่รีบเข้าไปดู ก็ใช่ไง? รูปปั้นมังกรนี้เหมือนเอียงตัวเล็กน้อย ศีรษะดูน่ากลัวและดุดันมาก
“เจ้าอย่าพูดต่อเลย หรือที่นี่จะมีผีจริง?” หลีโม่ตกใจไม่น้อย สิ่งที่พบเห็นในวันนี้ มีแต่เรื่องแปลก เรื่องภูตผีนั้น ไม่ลบหลู่จะดีกว่า
ผีสิรู้ว่ามีหรือไม่มี?
ข้างนอก มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง
ทั้งสองมองออกไป เห็นเพียงพวกอ๋องหนานหวยกลับมากันแล้ว มองอยู่ที่เดิม และเดินอยู่
“ท่านอ๋องขอรับ ข้าน้อยเคยเห็นที่แห่งนี้มีวัดเจ้าพญามังกร และเห็นว่าในวัดเจ้าพญามังกรมีคนขอรับ”
ใบหน้าที่ขาวสะอาดของอ๋องหนานหวยรู้สึกรำคาญเล็กน้อย แล้วพูด “ไปตามหารอบๆ คนนั้นสามารถหลบซ่อนตัวได้ แต่วัดเจ้าพญามังกรทั้งหลังจะซ่อนได้อย่างไร?”
คนนั้นชี้ไปทางป่าไม้ไผ่ “ท่านอ๋องขอรับ ก่อนหน้านี้ที่ข้าน้อยเห็นวัดเจ้าพญามังกรคืออยู่ตรงนี้ขอรับ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร วันนี้กลับกลายเป็นป่าไม้ไผ่”
อ๋องหนานหวยยืนอยู่หน้าป่า แล้วมองเข้าไป หลีโม่เห็นแววตาที่เย็นชาของเขา ในใจก็กลัวเล็กน้อย ถึงรู้ว่าเขาไม่เห็นตน แต่แววตาที่อาฆาตของเขา ทำให้คนรู้สึกกลัว
“ท่านอ๋องขอรับ ระวัง ในป่านี้มีงูขอรับ” องครักษ์พูดกับอ๋องหนานหวย
อ๋องหนานหวยเงยหน้าขึ้น ในป่านั้นมีงูเขียวมากมายจริงด้วย
แต่ว่า ทุกอย่างตรงหน้านี้ ช่างไม่เหมาะสมกันนัก
ภูเขาเล็กๆ โดยรอบ ไม่มีต้นไผ่เลย เป็นพวกต้นสนและต้นไม้อื่นๆ มีเพียงแค่ที่นี่ ที่เป็นต้นไผ่
“เป็นภูเขาหิน เหมือนของปลอมเล็กน้อย”
อ๋องหนานหวยขมวดคิ้ว “ในป่าเช่นนี้ จะมีภูเขาปลอมได้อย่างไร?”
เขาค่อยๆ หันไปทางป่า ในสมองก็นึกค่ายกลกระบี่ของบรรพบุรุษที่เคยพูดไว้ จากนั้นก็หัวเราะ “พี่เจ็ด ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ด้านใน”
เสียงหัวเราะนี้แหลมคมมาก แหลมจนทำให้คนกลัว พวกงูต่างๆ ในป่าต่างก็หดหัวกลับไปกันหมด
เขาถอยหลังไปสองก้าว แล้วสั่ง “จุดไฟ เผาป่านี้ทิ้งซะ”
หลีโม่ใจหาย แค่จุดไฟ พวกเขาก็ไม่มีที่หลบซ่อนอีกต่อไป
ซือถูเย้นถือสายเชือกเตาปา แล้วหันไปพูดกับหลีโม่ด้วยความอ่อนโยน “วัดเจ้าพญามังกรมีประตูหลัง เจ้าออกไปทางประตูหลัง ฉินโจวคงจะมาถึงในไม่ช้า เจ้าจะได้รับความช่วยเหลือ รู้ไหม?”
หลีโม่พยายามส่ายหน้าไปมา “ไม่ ข้าไม่ไป เจ้าเองก็ห้ามออกไป”
“พวกเขาเผาป่าทิ้ง ก็จะเจอพวกข้า เจ้าฟังข้านะ” ซือถูเย้นจับใบหน้าของเขา แล้วพูดด้วยความอ่อนโยน “หากไม่พาเจ้าไปด้วย มีสายเชือกเตาปา ข้าสามารถเอาตัวรอดได้ ข้าจะกีดกั้นพวกเขาไว้ เจ้าอย่าหนีไปทางภูเขา ให้หนีไปด้านล่าง ไปทางคนเยอะๆ จากนั้นข้าจะหาที่ซ่อนตัวไว้”
“ไม่.....ไม่” หลีโม่จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าบาดแผลของเขาสาหัสมากแค่ไหน? อย่าว่าแต่คนเป็นสิบเลย แค่สองสามคน เขาก็อาจจะสู้ไม่ไหว “เจ้าไปกับข้า”
ซือถูเย้นส่ายหน้าเบาๆ แล้วกอดเขาเหมือนเดิม “พวกเขามีคนมาก เผาป่าเสร็จแล้วก็เข้ามาได้ทันที พวกข้าหนีได้ไม่ไกลหรอก มีเพียงข้าไปขวางพวกเข้าก่อนถึงจะสามารถช่วยยื้อเวลาให้เจ้าหนีไปได้ หลีโม่ ฟังข้านะ ข้าไม่ได้ทำเพื่อเจ้า ข้าทำเพื่อลูกของพวกข้า เขามีสิทธิที่จะได้เกิด มีสิทธิที่จะได้มาเห็นโลกกว้างนี้ ลูกของพวกข้า นี่คือลูกของพวกข้า หากเจ้าเป็นอะไรไป เขาก็จะไม่สามารถมาถึงโลกนี้ได้”
“ตอนนี้ข้าไม่ออกไป รอให้พวกเขาเผ่าป่าแล้วข้าถึงจะไป หลังจากที่ไปแล้ว ข้าจะไม่สู้นาน แต่จะวิ่งออกไปบนภูเขา พวกเขาทำได้เพียงวิ่งตามข้า ป่านี้กว้างใหญ่ ยังไงข้าก็สามารถหาที่ซ่อนตัวได้ เพราะเช่นนี้ เจ้าอย่าเป็นห่วงข้าเลย”
หลีโม่ยังคงร้องไห้ส่ายหน้าไปมา “ข้าไม่สามารถทอดทิ้งเจ้าไปได้”
ซือถูเย้นแววตาแหลมคม “หากเจ้าไม่ไป พวกข้าต่างก็ต้องตายอยู่ที่นี่ ข้าพาเจ้าไปด้วยนั้นคือภาระ เจ้าสามารถช่วยอะไรข้าได้? เจ้าไปแล้ว ข้ายังมีหวังว่าจะรอด หากเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าก็ต้องดูแลเจ้า แล้วโดนกักทุกทาง? เจ้าฉลาดขนาดนี้ ทำไมถึงไม่เข้าใจเหตุผลข้อนี้ล่ะ? หากข้าเกิดตายที่นี่จริง เจ้าอยู่ไม่ได้ หลังจากที่คลอดลูกแล้ว เจ้าก็คอยตามมาแล้วกัน เจ้าจะให้ลูกไปตายกับพวกข้าได้อย่างไรกัน?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...