สรุปตอน ตอนที่ 810 เราสองพี่น้องคุยกันหน่อย – จากเรื่อง พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง
ตอน ตอนที่ 810 เราสองพี่น้องคุยกันหน่อย ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดยนักเขียน ใบไม้แดง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 810 เราสองพี่น้องคุยกันหน่อย
หลีโม่ฟังจนเจ็บไปทั้งใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นางเช็ดน้ำตา แล้วมองเขา “ข้าไป แต่ว่า เจ้าต้องกลับมาหาข้า ข้าเสี้ยหลีโม่ขอสาบาน จะเคียงข้างตลอดไปไม่ว่าจะเป็นหรือตาย หากเจ้าตายข้าก็จะไม่ขออยู่เอง หากเจ้าตายที่นี่ หลังจากคลอดลูกแล้ว ข้าจะแก้แค้นให้เจ้า จากนั้นตัดเอาศีรษะของเขามาหาเจ้าที่นี่!”
ซือถูเย้นเจ็บที่หัวใจ ทนไม่ได้น้ำตาไหลพรากลงมา เขากอดหลีโม่ด้วยความแรง แล้วจูบที่หน้าผากของนาง ที่ริมฝีปาก แล้วพูดอย่างเจ็บปวด “ได้ ข้าตกลง ข้าจะมีชีวิตกลับไปหาเจ้า”
หลีโม่หยิบเข็มออกมา แล้วพูด “เจ้านั่งลง ข้าจะเปิดจุดให้เจ้า สามารถทำให้เจ้ารวบรวมพลังภายในได้”
ซือถูเย้นนั่งขัดขาลงบนพื้น แล้วหลับตา
หลีโม่พันแผลของเขาให้แน่นมากขึ้น จากนั้นก็ฝังเข็ม ซือถูเย้นแค่รู้สึกว่าเลือดทั้งตัวไหลเวียนอย่างรุนแรง เขาพยายามกดให้ต่ำ และรู้สึกว่าพลังนั้นมีมากกว่าเดิมเยอะเลย
หลีโม่พูดด้วยความเตือน “นี่เป็นแค่วิธีชั่วคราว เจ้าต้องรีบ ห้ามสู้นาน ต้องหนี ไม่เช่นนั้น ไม่เกินหนึ่งชั่วยาม เจ้าก็จะหมดกำลัง”
“ข้ารู้แล้ว เจ้ารีบไปเถอะ” ซือถูเย้นพูด
หลีโม่มองเขา น้ำตาไหลไม่หยุด แล้วพูดด้วยเสียงสะอื้น “ไอ้เจ็ด ต้องมีชีวิตกลับมาหาข้านะ”
“ได้!” ซือถูเย้นพยักหน้า เสียงสะอื้นเบาๆ แต่ก็ยังคงเร่งนาง “รีบไป”
หลีโม่กอดเขา จากนั้นก็พูดข้างหูเขา “จำคำสาบานของข้าไว้ เจ้าตาย ข้าก็จะไม่มีชีวิตอยู่เอง”
ซือถูเย้นสั่นเล็กน้อย แล้วพูดอย่างยากลำบาก “ข้ารู้แล้ว”
เขามองหลีโม่หันหลัง แล้วเดินออกไปจากประตูหลัง ในแววตามีแต่ความไม่อยากและน้ำตา มองจนเขาเจ็บจุกที่หัวใจ
หลีโม่เช็ดน้ำตา แล้วเดินออกไปทางประตูด้านข้าง แล้วปีนภูเขาเล็กๆ แล้วลงเขาอีกฝั่ง
ทุกก้าวที่นางเดิน หัวใจของนางก็เจ็บปวด เจ็บปวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นางเงยหน้าขึ้น เห็นบนเขามีควันลอยขึ้น ควันเยอะมาก สามารถเผาทั้งป่าได้อย่างรวดเร็ว
ชาตินี้ นางไม่เคยรู้สึกทรมานเช่นนี้มาก่อน นางรู้สึกแค่ว่าเหมือนตนเองกำลังเดินไปหาความสิ้นหวัง
เจ้าต้องปลอดภัย!
ขอร้องล่ะ ขอร้องเทพเซียนทั้งหลาย!
.........
ป่าโดนไฟลุกเผาไปทั่ว มองดูป่าที่เหมือนจะโดนเผาอยู่นาน แต่ว่า กลับไม่ได้นานนัก เพียงแค่ครึ่งชั่วยาม ทุกอย่างก็กลายเป็นเถ้าผง
ต้นไผ่โดนเผาจนสิ้นซาก ค่ายกลกระบี่ถูกทำลาย เหลือเพียงก้อนหินบางส่วน หลังก้อนหินนั้นก็คือวัดเจ้าพญามังกรที่สร้างโดยอิฐสีเขียว
มีคนหนึ่ง มือถือสายเชือกเตาปา แล้วยืนอยู่หน้าประตูวัด เต็มไปด้วยความอาฆาต
อ๋องหนานหวยจัดทรงผมเล็กน้อย ใบหน้ายิ้มอย่างอ่อนโยน “พี่เจ็ดขอรับ กว่าจะได้พบพี่ ไม่ง่ายเลยขอรับ”
เขาค่อยๆ เดินเข้ามา รอยยิ้มบนใบหน้าและความเกลียดแค้นในแววตาเห็นได้อย่างชัดเจน
ซือถูเย้นค่อยๆ พูด “ในเมื่ออยากเจอข้าเช่นนี้ ก็เข้ามาดื่มสุรากันหน่อย จะว่าไปแล้ว พวกข้าสองพี่น้อง ก็ไม่ได้ดื่มสุราและคุยกันมานานมากแล้ว”
อ๋องหนานหวยยิ้มแล้วพูด “น้องก็อยากจะดื่มเป็นเพื่อนพี่ เพียงแต่ว่าในเขาเช่นนี้ มีสุราที่ไหนกันขอรับ?”
เขาเดินไปตรงหน้าซือถูเย้น ทั้งสองสูงพอๆ กัน แต่ว่าซือถูเย้นยืนอยู่ข้างบน เลยดูอยู่สูงกว่า
และแล้ว อ๋องหนานหวยก็ดูจะไม่ยอมแม้แต่น้อย พลังที่แผ่ออกมาจากตัวนั้น เริ่มมอดไหม้จากแววตา
อ๋องหนานหวยหันข้างแล้วคิด “ข้ากลัว อยู่อย่างไม่มีศักดิ์ศรีมากกว่า”
“ไม่หรอกมั้ง? ช่วงที่เจ้ากำลังวางแผน เจ้าก็ไม่มีศักดิ์ศรีมาโดยตลอด เพื่ออยู่ต่อในเมือง เจ้าใช้ทุกวิถีทาง ทำไมหรือ? ตอนนี้กลับรู้สึกอยากมีศักดิ์ศรีหรือ? ไม่อยากเป็นฮ่องเต้แล้วหรือ?”
อ๋องหนานหวยพูดตรงๆ “อยาก อยากมาก อยากแม้แต่ในฝัน แต่ว่า ข้ารู้ว่าเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อไม่สามารถเป็นในสิ่งที่อยากเป็นได้ งั้นข้าก็ต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ ตายอย่างมีศรี”
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะล้มเลิกง่ายเช่นนี้” ซือถูเย้นเบ้ปากเล็กน้อย เขาไม่อยากแม้แต่จะคุยกับเขา แต่ว่า เหมือนที่อ๋องหนานหวยพูด เขาก็แค่ยื้อเวลา ให้หลีโม่หนีไปไกลหน่อย
“ไม่ใช่ข้าจะล้มเลิก” อ๋องหนานหวยถอนหายใจเบาๆ พอมองเขาอีกครั้ง ก็มีความน่ากลัวเล็กน้อย “แต่พวกเจ้าไม่ให้ทางมีชีวิตกับข้า”
ซือถูเย้นเขย่าสุราเบาๆ “การเป็นฮ่องเต้นั้น ดีมากเลยหรือ?”
อ๋องหนานหวยยิ้ม แล้วพูดด้วยความประชด “คำพูดนี้ของท่านพี่ เหมือนคนที่ทานข้าวอิ่มแล้ว ไปถามคนที่กำลังหิวโหยว่าข้าวอร่อยขนาดนั้นเลยหรือ?”
ซือถูเย้นเองก็ยิ้ม “ใช่สิ เป็นเช่นนี้จริง แต่ว่า ข้าคิดว่า ถึงข้าจะหิวโหยมากแค่ไหน ข้าก็ไม่มีทางไปแย่งข้าวของผู้อื่นมาทานหรอก”
“ไม่แย่ง ก็หิวตายสิ”
“เพราะเช่นนั้นการเปรียบเทียบนี้ของเจ้าไม่เหมาะสม ถึงเจ้าไม่ได้เป็นฮ่องเต้ แต่เจ้าก็ไม่ตาย”
อ๋องหนานหวยส่ายหน้าไปมา “หากข้าคือสามัญชน ก็ย่อมไม่มีความคิดนี้ แต่ว่า ข้าก็เหมือนเขา เป็นลูกของเสด็จพ่อเหมือนกัน ข้าแย่กว่าเขาตรงไหน? เขาสามารถเป็นฮ่องเต้ได้ ทำไมข้าต้องยอมทนเป็นผู้ที่ต่ำกว่าล่ะ?”
“เขาไม่ได้ทำร้ายเจ้า ให้แดนหนานโก๋วกับเจ้า เป็นแดนที่ร่ำรวย หากเจ้าอยู่ที่แดนหนานโก๋วอย่างสงบ สูงราวกับฮ่องเต้ แล้วต่างอะไรกับเขา? ทำไมต้องเป็นเขา?”
อ๋องหนานหวยส่ายหน้าไปมา “นี่เป็นความแตกต่างของจ้ากับเจ้า เจ้ามักจะพอใจกับสิ่งที่ตนเองมีเสมอ ไม่ไปชิง หากเจ้าแก่งแย่งสักนิด วันนี้คงไม่จบเช่นนี้ หากเจ้าเป็นฮ่องเต้ บางที เห็นแก่การที่เป็นพี่น้องแท้ๆ ข้าอาจจะไม่มีความคิดเช่นนี้”
ซือถูเย้นยิ้มอย่างเย็นชา “ใช่หรือ? ตั้งแต่เด็ก เจ้ามักจะโยนความผิดให้ผู้อื่นเสมอ วันนี้ที่เจ้ามีวันนี้ เป็นเพราะว่าเจ้าโอหังเกินตัว ถึงข้าได้เป็นฮ่องเต้ เจ้าก็จะมาแย่งอยู่ดี ส่วนเรื่องพี่น้องแท้ๆ นั้น คาดว่าเจ้าคงไม่เคยเห็นข้าเป็นพี่แท้ๆ หรอก แล้วจะมาพูดเรื่องญาติได้อย่างไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...