พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 815

ตอนที่ 815 เขาไม่ค่อยดีนัก

ประโยคแรกที่หลีโม่พูดหลังจากตื่นคือ “ไอ้เจ็ดล่ะ?”

ฉินโจวรีบพูด “เจ้าวางใจได้ เขาไม่ตาย”

หลีโม่จึงโล่งอก

“ถึงไม่ตาย แต่ก็ไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย” จิ่งพูดอยู่ข้างๆ ด้วยความซื่อสัตย์

ใจที่หลีโม่พึ่งวางลงนั้นก็ถูกห้อยไว้บนหิ้งอีกครั้ง นางกะพริบตาไปมาเกือบจะสลบ

ฉินโจวพูดด้วยความโมโห “พูดไปเรื่อยอะไรกัน? ให้หมอจ่ายยา แล้วเจ้าไปต้มด้วยตนเอง”

จิ่งรู้สึกแย่ แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของฉินโจว จึงพาอู๋เยี่ยนจู่ออกไปเลย

หลังจากที่ออกจากประตู อู๋เยี่ยนจู่จึงถาม “เมื่อครู่ที่บอกว่าให้รางวัลนั้น ให้เท่าไหร่หรือ?”

“หากฮูหยินสามารถดีขึ้นนั้น สักแปดถึงสิบตำลึงนั้นก็ถือว่าได้ หากยังสามารถรักษานายท่านอีก ก็เพิ่มอีกหนึ่งเท่า”

อู๋เยี่ยนจู่ดีใจใหญ่ “จริงหรือ?”

แปดถึงสิบตำลึง เขาต้องรักษาคนมากมายแค่ไหน พวกขุนนางนั้นช่างรวยนัก

มีเบี้ยเป็นกำลังใจ หลังจากที่อู๋เยี่ยนจู่จ่ายยาให้หลีโม่แล้ว ก็รีบไปดูอาการของซือถูเย้นเลยทันที เพื่อที่อยากจะหาเงินเพิ่มแปดถึงสิบตำลึงก็พอ

นี่ก็โทษอู๋เยี่ยนจู่ไม่ได้ ณ ตอนนี้ สาวใช้ที่มีหน้ามีตาเงินรายเดือนก็ได้เพียงเจ็ดแปดสลึง เขาเดินไปทั่วทุกแห่งเพื่อรักษาผู้ป่วย รักษาได้หนึ่งคน ก็ได้ประมาณห้าสิบสลึง คนที่ให้ห้าสิบสลึงนั้นถือว่าให้เยอะแล้ว คนที่ให้น้อยนั้น ให้เพียงยี่สิบสลึง สามารถซื้อซาลาเปาได้สิบลูก

หมอพเนจรกับหมอที่มีหน้าร้านนั้นแตกต่างกัน รายได้น้อยนิด เทียบไม่ได้เลยสักนิด

เพราะเช่นนั้น พวกประชาชนเจ็บป่วย ก็ใช่ว่าจะมีเงินไปหาหมอ มากสุดก็ตามหมอพเนจรมารักษาก็เท่านั้นเอง

หมอพเนจรพึ่งเข้ามาสายนี้ บางทีอาจจะฝีมือไม่เก่ง แต่ว่ากลับมีประสบการณ์มากกว่าหมอที่มีหน้าร้าน ในระดับหนึ่ง ฝีมืออาจจะดีกว่าด้วยซ้ำไป

ถึงหลีโม่จะฟื้นแล้ว แต่ก็ยังคงอ่อนเพลีย ฉินโจวก็ไม่ได้พูดจาไปเรื่อย เพียงแค่พูดเรื่องที่สำคัญเท่านั้น

เจอนางระหว่างทาง จึงช่วยนางไว้ จากนั้นจิ่งก็พาทหารไปที่วัดเจ้าพญามังกร นอกจากพี่น้องซือถูเย้นแล้ว คนที่เหลือต่างโดนเผ่าตายหมดเลย

หลังจากที่พาอ๋องหนานหวยกลับมา ให้หมอรักษา และฟื้นแล้ว ตอนนี้ก็ให้ยาด้วย ขังไว้ในคุก

ส่วนซือถูเย้นนั้น หมอทั่วไปบอกว่ารักษาไม่หาย แต่หมออู๋เยี่ยนจู่หมอพเนจรกลับบอกว่ามีความหวังเล็กน้อย

ถึงอู๋เยี่ยนจู่เองไม่ได้พูดว่ามีความหวังมากแค่ไหน แต่ฉินโจวอยากให้หลีโม่สบายใจ จึงตั้งใจพูดเช่นนั้น

หลังจากที่ฟังฉินโจวพูดแล้ว จึงพูดว่าอยากจะไปดูซือถูเย้น

ฉินโจวพูดปลอบใจ “เจ้าเองก็บาดเจ็บสาหัส ขยับตัวไม่ได้ ถึงไปพบเขา แล้วจะทำอะไรได้? ”

หลีโม่รีบพูด “เจ้าอย่าลืมสิ ข้าเองก็เป็นหมอนะ”

ฉินโจวคิดไปคิดมา ก็ถือว่าถูก จึงพูด “งั้นเจ้านอนพักก่อน ข้าให้คนไปเตรียมตัวสักพัก มายกเจ้าไป”

ใต้เท้าได้ข่าวว่าหลีโม่ฟื้นแล้ว จึงเริ่มสบายใจ อย่างน้อยนางโจรนั้นคงไม่บังคับตนให้ไปหาหมออีกแล้ว

เขายกมือขึ้นมานับ กองทหารจากจ้าวโจวก็ใกล้เข้ามาถึงแล้ว

ตั้งแต่ที่ไปตามคนมาช่วยนั้น น้ำเสียงที่เขาพูดกับฉินโจว ก็เข้มมากขึ้น

แต่ว่า เขาเองก็แอบสงสัย นางโจรผู้นี้ ก็แค่ปล้นศาลาว่าการ แต่ไม่ได้ออกไปปล้นและทำร้ายใคร

แต่ว่า การปล้นศาลาว่าการ ก็จะโดนลงโทษหนัก เป็นการต่อต้านพวกขุนนาง เป็นโจร

ฉินโจวให้เขาไปเตรียมเกี้ยว ถึงเขาจะเริ่มปากแข็ง แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของฉินโจว

คนสองคนยกหลีโม่ ก็แค่เพียงไม่กี่ก้าว แต่หลีโม่เดินไม่สะดวก แค่ถึงประตูก็อาจจะไปไม่ถึง จึงต้องยกไป

ฉินโจวเข้าไปในห้องก่อน แล้วเก็บผ้าม่านให้หลีโม่เข้ามา

วแว๊บแรก หลีโม่ก็เห็นซือถูเย้นที่อยู่บนเตียง ไร้ซึ่งชีวิต นางไม่ได้เข้าไปใกล้ ก็รู้สึกถึงกลิ่นไอของความพ่ายแพ้

นางเป็นหมอกองทัพ ก่อนหน้านี้มักช่วยคนที่บาดเจ็บ พอนานเข้า จึงมีเส้นบางอย่าง ผู้ป่วยที่บาดเจ็บสาหัส ก็จะมีความรู้สึกเช่นนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม