พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 818

สรุปบท บทที่ 818 ศิษย์พี่: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

ตอน บทที่ 818 ศิษย์พี่ จาก พิษรักองค์ชายโฉมงาม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 818 ศิษย์พี่ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ที่เขียนโดย ใบไม้แดง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 818 ศิษย์พี่

หลีโม่แอบพูดกับโหรวเหยาว่า อ๋องหนานหวยอยู่ในคุก

หลังจากที่โหรวเหยาฟังแล้ว สีหน้าค่อนข้างตกใจ “อืม"

หลีโม่พูดด้วยเสียงเบาว่า “เจ้าอยากที่จะเจอเขาไหม?”

หลีโม่รู้สึกว่า ในใจโหรวเหยาน่าจะซ่อนอะไรไว้ เคยถูกทำร้ายในตอนนั้น นางรีบหาคนแต่งงานด้วยอย่างกระวนกระวาย คิดแล้ว อ๋องหนานหวยคงสร้างความตกใจให้นางอย่างมาก ปมในใจนี้ ยังไงก็ต้องได้เคลียกัน

โหรวเหยาเงียบอยู่สักพัก แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ รอก่อนล่ะกัน”

นางยังไม่พร้อมในตอนนี้

หลีโม่จับมือของนางไว้ “ได้ ทุกอย่างของให้เป็นตามความรู้สึก ไม่อยากเจอก็ช่างเถอะ”

อ๋องอานหรานช่วยดูอาการให้กับซือถูเย้น และก็พูดชมหลีโม่ว่า “ฝีมือการรักษาของเจ้า แทบจะตามข้าทันแล้ว”

หลีโม่อารมณ์ดีมาก ยิ้มพร้อมพูดว่า “ท่านอย่าพูดแบบนี้ ฝีมือการรักษาของข้า หากเทียบกับท่านได้สักนิด ก็คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของข้าแล้ว”

“ถ่อมตัว ถ่อมตัว” อ๋องอานหรานพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม

“ที่ไหนกัน? ที่ไหนกัน?” หลีโม่เช็ดเหงื่อ “จะว่าไปแล้ว ยังต้องเรียกท่านว่าอาจารย์”

“อย่า ข้าไม่ใช่อาจารย์ ตามจริงแล้ว เจ้าน่าจะเรียกข้าว่าศิษย์พี่”

หลีโม่อึ้ง “ความหมายของท่านคือ?”

อ๋องอานหรานยิ้มอย่างมีเลศนัย “ข้าเป็นลูกศิษย์ของท่านหมอเวิน ศิษย์พี่ เป็นได้อยู่แล้ว”

ในใจหลีโม่ตื่นเต้น “ท่านหมอเวินยอมรับข้าเป็นศิษย์จริงๆหรือ?”

“หากไม่ยอมรับเจ้า จะยอมให้เจ้าเอาหนังสือตำราแพทย์ทั้งหมดของนางให้เจ้าหรือ? ถึงแม้จะยังไม่มีพิธีไหว้อาจารย์ แต่นางก็ได้เห็นเจ้าเป็นศิษย์ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยตรงเรียบร้อยแล้ว”

อยู่บนโดยหาน ถึงหลีโม่จะคิดแบบนี้ แต่ยังไงก็ไม่มีอำนาจพอที่มีคนคนหนึ่งออกมาพูด นางเองก็ไม่กล้าที่จะมีความคิดแบบนั้น ตอนนี้อ๋องอานหรานที่เป็นศิษย์พี่คนนี้พูดขึ้นมาเอง คิดว่ายังไงก็น่าจะเป็นความจริง นางคิดอยู่อย่างตื่นเต้น รีบทำความเคารพท่านอ๋องทันที “ศิษย์น้องถวายบังคมศิษย์พี่”

ท่านอ๋องหัวเราะ พร้อมพูดว่า “ดูเจ้าสิ เหมือนกลัวถูกเปลี่ยนใจ วางใจเถอะ เสด็จอาสะใภ้หาศิษย์ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยตรงมาถึงชีวิต เจ้าแค่ดูตำรา ก็ใช้เทคนิคทางเข็มทองคำได้ดีขนาดนี้ นางไม่มีทางมองข้ามเจ้าหรอก”

“เสด็จอาสะใภ้?” หลีโม่ค่อนข้างแปลกใจ

หลีโม่อึ้ง มองดูซือถูเย้น เดิมซือถูเย้นหลับตาไว้ ได้ฟังอ๋องอานหรานพูดเช่นนี้แล้ว ก็ลืมตาขึ้นมา จ้องมองดูหลีโม่

หลีโม่ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร พูดตามความจริงแล้ว หากไม่ใช่เพราะพิษท่งหมิง นางไม่มีทางช่วยเจ้าแปด ความจริงแล้ว นางอยากที่จะฆ่าเขาด้วยซ้ำ จะมีความคิดที่จะไปช่วยชีวิตเขาหรือ?

“เป็นหมอ บางครั้งก็ไม่ควรที่จะเอาความคิดเห็นส่วนตัวเป็นหลัก”

ซือถูเย้นพูดขึ้นว่า “คนบางคนหากสมควรตาย ช่วยชีวิตแล้วค่อยฆ่าก็ได้”

ปกติอ๋องซื่อเจิ้งก็เป็นคนหยาบคายตรงไปตรงมา

“ศิษย์พี่ ท่านทำได้ไหม?” หลีโม่ถาม

“ข้า?” อ๋องอานหรานหัวเราะเบาๆ “หากข้าทำได้ ก็ไม่ต้องเรียกนางว่าเสด็จอาสะใภ้แล้ว แต่เรียกนางว่าอาจารย์”

หลีโม่ถามใจตัวเอง หากอ๋องอานหรานไม่เอาอ๋องหนานหวยมายกตัวอย่าง นางก็คงจะรับปากทันทีแล้ว แต่เป็นคนที่ทำร้ายนางกับทำร้ายไอ้เจ็ด ในใจนางเกลียดแค้นอยู่ หากไม่ใช่พิษท่งหมิง จะยอมช่วยเขาหรือ?

“ข้าไม่เข้าใจ ทำไมกับคนที่โหดร้ายที่สุดยังจะต้องช่วย?”

อ๋องอานหรานถอนหายใจเบาๆ “นี่มีที่มา เป็นประสบการณ์ที่เสด็จอาสะใภ้ประสบด้วยตัวเอง”

เขาหยิบถ้วยชาขึ้นมารินน้ำชา ดื่มหนึ่งคำ ถอนหายใจเบาๆ “เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่นางเสียใจที่สุดในชีวิต และก็เพราะเรื่องนี้ นางถึงได้ตั้งกฎข้อนี้ขึ้นมา”

หลีโม่กับซือถูเย้นต่างก็แสดงท่าทีสนใจ ตั้งใจฟังเขาพูด

“ประมาณเมื่อสามสิบห้าปีก่อน ต้าเหลียงมีคดีฆ่าคนตายคดีหนึ่ง ความจริงแล้วไม่ใช่หนึ่งคดี แต่มีมากมาย ผู้ถูกกระทำล้วนเป็นหญิงสาวอายุน้อย เพิ่งถึงวัยที่ควรแต่งงาน แล้วก็ถูกฆ่าตาย ก่อนที่สาวน้อยพวกนี้จะตาย ล้วนต่างก็ถูกข่มขืนก่อน และล้วนต่างก็ถูกตัดนิ้วชี้ หลังจากเกิดคดีนี้ ราชสำนักให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก สั่งให้สำนักงานจิงเจ้ารีบไปสืบความ และให้สิงปู้ช่วยเหลือ สุดท้ายสิงปู้ตัดสินผู้ต้องสงสัย เป็นหมอคนหนึ่งของในเมืองหลวง หมอคนนี้ ไม่มีนิ้วชี้ และก่อนที่หญิงสาวพวกนี้จะถูกทำร้าย หมอคนนี้ต่างก็เคยไปตรวจร่างกายให้กับพวกนาง ตอนนั้น สิงปู้จับเขามาถามความ เขากลับไม่ยอมรับผิด หาข้ออ้างทุกอย่าง หลังจากนั้น ก็มีลูกศิษย์ของหมอมาเป็นพยาน บอกว่าเห็นเขาออกไปตอนกลางคืน และภรรยาของเขาก็เป็นพยานให้ด้วย ในทุกคืนที่สาวน้อยพวกนั้นตาย เขาก็ออกไปทุกคืน และตอนที่กลับมา ทั้งตัวก็เต็มไปด้วยเลือด ตอนนั้นภรรยาของเขาก็รู้สึกแปลกใจ จึงเอาเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดไปซ่อนไว้หนึ่งตัว สุดท้ายตอนที่ทหารไปค้นหา ก็ค้นพบเสื้อตัวนี้ มีทั้งพยานคนพยานหลักฐาน เขาก็ยังไม่ยอมรับผิด สิงปู้โกรธมาก จึงใช้วิธีการทรมาน ตีจนเขาแทบขาดใจ ตอนนั้นเสด็จพ่อถามถึงคดีนี้ และสืบค้นดูทุกอย่าง แน่ใจว่าไม่ใช่การเข้าใจผิด สิงปู้ตัดสินโทษโดยใช้รถลาก”

ท่านอ๋องพูดถึงตรงนี้ แล้วก็หยุด ถอนหายใจแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ เสด็จพ่อของข้าก็โกรธเกลียดมาทั้งชีวิต”

ซือถูเย้นรู้ว่า การลงโทษโดยการใช้รถลากนั้นทรมานและโหดเหี้ยมมาก ไม่ใช่คนที่เลวร้ายอย่างที่สุด จะไม่ใช้วิธีการลงโทษแบบนี้

ถึงแม้จะรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ แต่ก็ฟังไม่รู้ว่าท่านหมอเวินยี่จะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร เพียงแต่นางก็ไม่ถาม รอให้อ๋องอานหรานพูดต่อไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม