พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 819

สรุปบท บทที่ 819 ไหว้อาจารย์: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

สรุปเนื้อหา บทที่ 819 ไหว้อาจารย์ – พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง

บท บทที่ 819 ไหว้อาจารย์ ของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ใบไม้แดง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 819 ไหว้อาจารย์

อ๋องอานหรานยกชาขึ้นมาดื่มอีกหนึ่งคำ แล้วพูดต่อว่า “ก่อนที่จะมีการลงโทษ น้องชายของหมอคนนี้ไปฟ้องที่สำนักงานฟ้องร้อง บอกว่าเขาถูกใส่ร้าย เสด็จอา...ก็คือฮ่องเต้ในตอนนั้น ถามถึงคดีนี้ แล้วก็ต้องการที่จะดูคนร้ายคนนี้ แต่ตอนนั้นสิงปู้ใช้วิธีการทรมานที่โหดเหี้ยม เขาเหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายแล้ว จะไต่ถาม ก็ต้องรักษาเขาให้หายก่อน ตอนนั้นหมอในเมืองหลวงไม่มีใครสามารถรักษาเขาได้สักคน มีเพียงเสด็จอาสะใภ้คนเดียวที่สามารถรักษาได้ แต่หนึ่งในหญิงสาวที่ตายนั้น เป็นลูกสาวของเพื่อนคนสนิทของเสด็จอาสะใภ้ เสด็จอาสะใภ้ได้อ่านฎีกาทั้งหมด รู้สึกว่าไม่น่าเป็นการเข้าใจผิด สุดท้ายจึงเลือกที่จะไม่รักษา”

เล่าเรื่องถึงตรงนี้ หลีโม่กับซือถูเย้นก็รู้ตอนจบแล้ว หมอคนนี้จะต้องถูกเข้าใจผิดแน่

“ใช่ หมอคนนี้ถูกเข้าใจผิด ผู้ร้ายคือภรรยาของเขา” อ๋องอานหรานพูดอย่างถอนหายใจ “หมอคนนั้นตายอยู่ในคุก ร่างถูกลากไปด้วยรถ เรื่องนี้ผ่านไปได้ประมาณครึ่งปี ในเมืองหลวงก็เกิดคดีหญิงสาวถูกฆ่าอีก จากการตรวจสอบแล้ว ผู้ต้องสงสัยคือภรรยาของหมอคนนี้”

“เป็นไปได้อย่างไร? หญิงสาวพวกนั้นล้วนถูกข่มขืน ภรรยาของเขาจะข่มขืนหญิงสาวพวกนั้นยังไง?” หลีโม่ถามอย่างตกใจ

“ผู้กระทำร่วมยังมีอีกคน ก็คือลูกศิษย์เปายีถังคนนั้นของ เขาหน้าตาอัปลักษณ์มาก ติดตามหมอเข้าออกบ้านคนรวย มักจะถูกผู้คนรังแกหัวเราะเยาะ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาเกลียดแค้นหญิงสาวตระกูลผู้ดีมาก และภรรยาของหมอคนนั้น เป็นลูกสาวที่เกิดจากคนใช้ ถูกแม่ใหญ่กับพี่สาวคนโตใส่ร้าย ถูกทำลายความสาวตั้งแต่อายุสิบห้า ทำให้เสียชื่อเสียง หลังจากแต่งงานมีลูกแล้ว ก็ไม่เป็นอะไรมาตลอด แต่พี่สาวหลังจากที่แต่งเข้าไปในจวนหาว ก็มีลูกชายถึงสามคน แต่นางกลับไม่มีลูกเลย พี่สาวของนางยังมาเยาะเย้ยนาง กระตุ้นความรู้สึกของนาง ทำให้นางรู้ว่านางสู้พี่สาวไม่ได้ จริงคิดฆ่าคนเพื่อระบายอารมณ์ความแค้น”

หลีโม่ฟังแล้วก็ขนลุก นี่ช่างเหมือนละครน้ำเน่าในตระกูลผู้ดี เพียงแต่เกี่ยวข้องกับผู้บริสุทธิ์มากมายกับหมอเปายีถังคนนั้น

“ดังนั้น” ท่านอ๋องถอนหายใจ มองดูนางแล้วพูดว่า “เสด็จอาสะใภ้เสียใจกลับเรื่องนี้มาตลอด คิดว่านางเป็นถึงเจ้าคนนายคนแล้ว กลับถูกความเกลียดแค้นปิดบังตา หากนางช่วยชีวิตหมอคนนั้น เรื่องนี้ถูกตรวจสอบอีครั้ง จะต้องสามารถคืนความบริสุทธิ์ให้เขาได้ สุดท้ายกลับต้องสูญเสียหนึ่งชีวิตไปเปล่าๆ และยังมีหญิงสาวถูกฆ่าอีกคนหนึ่ง”

หลีโม่ยากที่จะตัดสินว่าใครถูกใครผิด เพราะตอนนั้นหนึ่งในหญิงสาวที่ถูกฆ่าเป็นถึงลูกสาวของเพื่อนคนสนิทของท่านหมอเวินยี่ นางดูฎีกาแล้วก็รู้สึกว่าไม่เป็นการเข้าใจผิด การไม่ช่วยเหลือก็ถือว่ามีเหตุผล ใครจะไปรู้ว่าความจริงแล้วจะมีเรื่องซับซ้อนมากมายขนาดนี้?

“ชีวิตคนเราทั้งชีวิต นานมาก เจ้าเป็นหมอ ก็จะต้องเป็นหมอไปตลอดชีวิต ต่อไปอาจจะต้องเจอกับปัญหาแบบนี้ เจ้าลองคิดดูให้ดี หากเจ้าสามารถทำได้ ค่อยเข้าพิธีไหว้อาจารย์ก็ยังไม่สาย หากทำไม่ได้ ก็ศึกษาจากตำราแพทย์เอา เรียนรู้ได้แค่ไหน ก็ถือว่าเป็นบุญของเจ้า”

หลีโม่ก็ไม่รู้จะตอบยังไงในทันใด หากเป็นปัจจุบัน นางสามารถรับปากได้ทันที ในยุคที่มีสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองไม่มีความโกรธแค้นกันอะไรมากมาย แต่เมื่อนางมาถึงที่นี่แล้ว แต่งงานกับราชวงศ์ นางรู้ว่านางไม่ใช่คนดี มีเมตตาอะไร หากวันหนึ่งมีคนทำร้ายคนในครอบครัวของนาง นางจะช่วยไหม?

เกรงว่าจะไม่

“ไม่เป็นไร เจ้าลองคิดให้ดีก่อน คิดดีแล้วค่อยมาตอบคำถามข้า” ท่านอ๋องลุกขึ้นเดินออกไปแล้ว

หลีโม่เงยหน้ามองดูซือถูเย้น พูดอย่างไม่รู้จะทำยังไงว่า “ข้าอยากที่จะเรียนทักษะทางการแพทย์กับท่านหมอเวินยี่มาก แต่ข้ากลัวว่าข้าจะทำตามสิ่งที่นางขอแบบนั้นไม่ได้”

ซือถูเย้นรู้ว่านางรักในการเป็นหมอมาก นี่เป็นโอกาสที่ดี นางจะต้องปล่อยวางไม่ลงแน่ แต่คนเราใครก็มีอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ต่อให้เป็นเขา ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตามที่ท่านหมอเวินยี่ขอแบบนั้น

หากมีใครมาทำร้ายหลีโม่ อย่าว่าแต่ช่วยเหลือเขา แม้แต่ฆ่าแล้วเขาก็ยังไม่รู้สึกหายแค้น

หลีโม่พยายามฉีกยิ้ม ในใจกลับไม่ได้รู้สึกเบาใจเลย

เพราะว่า นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาการไหว้อาจารย์ ยังเป็นการสอบวัดหลักการการเป็นหมอของนางด้วย

การเป็นผู้สอน จะไม่มีการแบ่งชนชั้น คนเป็นหมอ ก็ควรที่จะช่วยได้ทุกคนถึงจะถูก แต่นางกลับทำไม่ได้

นางอยู่เส้นทางการเป็นหมอ ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับความแค้นส่วนตัวไว้แล้วอย่างมาก ความรู้สึกแบบนี้ ในโลกปัจจุบันจะไม่มีทางได้เจอ

หลีโม่หนักใจอยู่สองวันเต็มๆ โหรวเหยามองออก จึงถามว่า “มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือ?”

หลีโม่ก็รู้สึกอึดอัดมาก จึงพูดสิ่งที่ท่านหมอยี่ต้องการออกมา

หลังจากที่โหรวเหยาฟังแล้ว ก็เงียบไปสักพัก แล้วพูดว่า “การแพทย์ของท่านหมอเวินยี่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ หลีโม่ เจ้าลองคิดในทางกลับกันดู ไม่ต้องคิดถึงข้อจำกัดนี้ ถือว่าเป็นข้อกำหนดของการเป็นหมอ ยังไง เจ้าจะต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ก็มีไม่มาก แต่คนรอบข้างเจ้าที่ป่วยและบาดเจ็บยิ่งอยู่ก็ยิ่งมีเยอะ คนเราใครก็ย่อมป่วยกันได้ หากเจ้าได้เรียนรู้วิชาการแพทย์ของท่านหมอเวินยี่ เจ้าก็จะสามารถช่วยเหลือคนรอบๆตัวเจ้า อย่างน้อยก็สามารถต่อชีวิตให้พวกเขา ข้าในฐานะที่เป็นคนรอบกายเจ้าคนหนึ่ง ก็คาดหวังที่จะให้เจ้าได้เป็นลูกศิษย์ของท่านหมอเวินยี่”

หลีโม่ก็พูดว่า “ใช่ไหม? ท่านอายุเยอะแล้ว ข้าก็ไม่กล้าเป็นอาจารย์ของเจ้า”

“อาจารย์ อาจารย์” อู๋เยี่ยนจู่ฉีกหน้ากากออก เผยโฉมใบหน้าขาวผ่อง “ศิษย์ยังไม่แก่ ปีนี้เพิ่งยี่สิบสอง ยังไม่ได้แต่งงาน”

หลีโม่อ้าปากค้าง “เจ้า...เจ้าสวมหนังหน้าปลอมไว้?”

และนางก็ดูไม่ออก?

ช่างน่าขายหน้าจริงๆ นางชำนาญการทำหนังหน้าปลอม กลับดูหนังหน้าปลอมของอู๋เยี่ยนจู่ไม่ออก

อู๋เยี่ยนจู่ยิ้มพร้อมพูดว่า “นี่ก็ไม่มีทางเลือก เพื่อประทังชีวิต คนอายุน้อย คนป่วยไม่เชื่อถือ จึงต้องแกล้งทำตัวเป็นคนแก่”

หลีโม่รีบหลบเข้าไปข้างใน “พวกเจ้าลุกขึ้นมาเถอะ ข้าเป็นอาจารย์ของพวกเจ้าไม่ได้”

“พวกเราก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เจ้าเป็นอาจารย์ แค่อยากเป็นศิษย์หลานของท่านหมอเวินยี่” อู๋เยี่ยนจู่พูดความจริงออกมาตรงๆ มองดูโหรวเหยา “ใช่ไหม ศิษย์พี่?”

“เจ้าไสหัวไปไกลๆเลย ข้าไม่เหมือนกับเจ้า ข้าอยากที่จะไหว้นางเป็นอาจารย์จริงๆ” โหรวเหยาพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง

“ข้าก็เหมือนกัน ข้าก็มีความตั้งใจจริงๆ” อู๋เยี่ยนจู่หมอบลงกับพื้น พูดด้วยเสียงเบาว่า “ศิษย์พี่แสดงละครได้เก่งมาก”

โหรวเหยาโกรธจนตัวสั่น แล้วก็เห็นหลีโม่หลบเข้าไปในห้องแล้ว จึงลุกขึ้นมาทุบตีอู๋เยี่ยนจู่ “ต่อให้นางไม่ได้เป็นศิษย์ของท่านหมอเวินยี่ ข้าก็จะไหว้นางเป็นอาจารย์ เจ้ารู้ไหมว่านางเก่งการแพทย์แค่ไหน? ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็คิดที่จะมาขอเป็นศิษย์ เจ้าก็แค่อยากได้ชื่อเสียงเพื่อใช้ในการทำมาหากิน ข้าไม่มีทางเหมือนกับเจ้า?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม