บทที่ 820 เลื่อนงานแต่งเข้ามา
ซือถูเย้นค่อยๆดีขึ้นมากแล้ว โหรวเหยายังคงไม่ยอมไปดูอ๋องหนานหวย เซียวเซียวมารับพวกเขากลับเมืองหลวง คนที่ติดตามมาด้วย ยังมีแม่ทัพหยาง
“ตอนนี้องค์ชายเจ็ดถูกซูชิงควบคุมตัวไว้ ยังไม่ได้ส่งกลับวัง” เซียวเซียวมาถึง ก็ได้รายงานเรื่ององค์ชายเจ็ดให้ซือถูเย้นฟัง
ซือถูเย้นสามารถเหยียบพื้นเดินได้แล้ว แผลบาดเจ็บในครั้งนี้ แทบจะเอาชีวิตของเขาเลย เขาแทบไม่อยากเชื่อด้วยซ้ำว่าตัวเองยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้
“คุมขังไว้สักพักหนึ่งก่อน” ซือถูเย้นพูด
เซียวเซียวพูดขึ้นว่า “เด็กอายุแค่แปดขวบ สามารถกระทำเรื่องที่โหดเหี้ยมแบบนี้ได้ ช่างไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ”
“ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า ตั้งแต่เล็กจนโต เขาได้เจอได้ประสบกับเรื่องอะไรมาบ้าง” ซือถูเย้นพูดขึ้นอย่างเย็นชา
เขาแสดงท่าทีจริงจัง แล้วถามว่า “ในเมืองหลวงเป็นอย่างไรบ้าง?”
“มีไทฮองไทเฮาอยู่ ทุกอย่างเรียบร้อยดี เพียงแต่น่าจะแค่ชั่วคราวเท่านั้น พวกขุนนางเก่าเคารพภักดีต่อไทฮองไทเฮาอยู่แล้ว ขุนนางอายุน้อยพวกนั้น รีบอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว แน่นอนว่าหลายคนที่ฮ่องเต้เชื่อถือพวกนั้น รวบรวมคนกลุ่มหนึ่ง วางแผนที่จะมีมติไม่ให้วังหลังเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องงานการเมือง”
“นับตั้งแต่ฮ่องเต้ฮู่ยจู่เป็นต้นมา ก็ไม่มีข้อกำหนดไม่ให้วังหลังยุ่งเกี่ยวเรื่องงานการเมืองข้อนี้แล้ว” ซือถูเย้นขมวดคิ้วพูด
“ตั้งแต่ฮ่องเต้ฮู่ยจู่เป็นต้นมาไม่มี แต่ก่อนฮ่องเต้ฮู่ยจู่ มีข้อนี้อยู่จริง”
ซือถูเย้นหัวเราะเยาะ “เช่นนี้ พวกเขาตั้งใจที่จะเอากฎตอนสมัยของไท่จู่ออกมาใช้หรือ?”
“ฮ่องเต้ยึดติดเกินไป” เซียวเซียวหัวเราะ “แต่ก็ไม่แปลก ใครจะยอมให้ตำแหน่งฮ่องเต้ของตัวเองถูกแย่งไปล่ะ?”
“แต่งตั้งองค์ชายสามแล้วไม่ใช่หรือ? นั่นเป็นบุตรชายของเขานะ” ซือถูเย้นเงียบสักพัก “เขาเรียกข้าเข้าวังตั้งแต่แรก สิ่งที่พูดก็คือกลัวว่าต่อไปข้าจะแย่งชิงบัลลังก์ เขาต้องการที่จะมั่นใจว่าตำแหน่งฮ่องเต้ของตัวเองต้องเป็นบุตรชายของตัวเองเป็นผู้สืบทอด ตอนนี้บรรพบุรุษก็ทำตามนั้นแล้วไม่ใช่หรือ? เขายังต้องการอะไรอีก?”
“บางที แม้แต่ไทฮองไทเฮาเขาก็ไม่เชื่อ เพราะไม่ว่าจะเป็นฮ่องเต้องค์ก่อนหรือไทฮองไทเฮาในสมัยนั้น ต่างก็ชื่นชมเจ้ามาก และก็เคยพูดว่า เจ้าเหมาะที่จะเป็นฮ่องเต้ คำพูดนี้ที่จริงตอนนั้นฮ่องเต้ก็เคยพูด แต่ตอนนั้นเขาเป็นองค์รัชทายาท เพียงคำพูดคุย กลับกลายเป็นหนามอยู่ในใจเขาแต่แรกแล้ว”
ซือถูเย้นพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่รู้จริงๆว่าเขากำลังคิดอยากทำยังไง จะต้องทำยังไงเขาถึงจะพอใจ”
ไม่มีใครรู้
ก่อนที่ทุกคนจะออกเดินทาง ซือถูเย้นได้คุยกับเจ้าเมือง บอกว่าจะให้เวลาเขาหนึ่งปี หากภายในหนึ่งปีแล้วไม่มีผลงานอะไร ก็จะให้เขากลับบ้านไปปลูกมันปลูกมะเขือเทศ
เจ้าเมืองชิงโจวคนนี้ ไม่ใช่คนโลภ กลับเป็นคนขี้ขลาดชอบรังแกคนดีเกรงกลัวคนร้าย เจอปัญหาแล้วก็หลบ มีเรื่องดีๆอะไรจะต้องวิ่งเข้าหาทุกอย่าง ซือถูเย้นเห็นแก่ที่ชิงโจวสงบสุข จึงให้โอกาสเขาหนึ่งครั้ง
เดิมเจ้าเมืองคิดว่าตำแหน่งของตัวเองจะถูกปลดแล้ว เมื่อได้ยินซือถูเย้นพูด ก็แทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง รีบคุกเข่าก้มหัวเคารพอยู่หลายที สาบานต่อฟ้าสวรรค์ว่าต่อจะทำยังไงบ้าง พูดอยู่ตลอดจนซือถูเย้นกับหลีโม่ขึ้นรถม้าไปแล้ว เขายังคุกเข่าอยู่ตรงนั้นแล้วก็พูดอยู่อย่างนั้น พูดไปด้วย น้ำตาไหลไปด้วย
คิดไม่ถึงว่า จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เจ้าเมืองที่แซ่เหล่าคนนี้สามารถสร้างผลงานที่ดีได้เหมือนกัน ต่อมายังถูกย้ายให้ไปเป็นขุนนางในเมืองหลวง นับว่าได้ตอนบั้นปลาย
นี่ก็เป็นเรื่องอนาคตแล้ว ไม่พูดถึงก็ได้
มาพูดถึงตอนที่ทุกคนเดินกลับ อ๋องหนานหวยก็ไม่ได้ถูกขังไว้ในกรง ได้จัดเตรียมรถม้าให้หนึ่งคัน มัดเขาไว้อย่างแน่นหนา แม่ทัพหยางนั่งรถม้าไปคันเดียวกับเขา รับผิดชอบเฝ้าจับตาดู
ยังไงอู๋เยี่ยนจู่ก็จะติดตามหลีโม่ไป เหมือนดั่งยางยึดแน่น สะบัดยังไงก็สะบัดไม่ออก ไม่ได้พาเขาเดินทางไปด้วย หลิงลี่ได้ให้เงินเขาไปสามตำลึงเพื่อเป็นค่าตอบแทนที่เขาช่วยรักษาพระชายา เมื่อเขามีเงินแล้ว เขาจึงเอาเงินไปซื้อลาให้ตัวเองตัวหนึ่งแล้วติดตามมาอยู่ห่างๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...