พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 825

สรุปบท บทที่ 825 กลับมาถึงเมืองหลวง: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

สรุปตอน บทที่ 825 กลับมาถึงเมืองหลวง – จากเรื่อง พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง

ตอน บทที่ 825 กลับมาถึงเมืองหลวง ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดยนักเขียน ใบไม้แดง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 825 กลับมาถึงเมืองหลวง

อ๋องอานหรานมองดูนางอย่างเยาะเย้ย “องค์หญิง เจ้าแซ่ซือถู คำพูดแบบนี้จะพูดไปเรื่อยไม่ได้ ระวังจะถูกกรรมตามสนอง”

ซือถูจิ้งพูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า “ข้าแซ่ซือถูจึงไม่ควรพูด? หรือว่าคนคนนี้เป็นคนในตระกูลซือถู?”

ซือถูเย้นก็มองดูเขาอย่างแปลกใจ “ท่านพูดมาเถอะ หรือว่าตระกูลซือถูของเราจะมีเทพเทวดาแล้วจริงๆหรือ?”

ซือถูเย้นพูดออกมาเอง แล้วก็หัวเราะอย่างรู้สึกขำขัน

อ๋องอานหรานมองดูเขาอย่างเยาะเย้ย “ฝนตกในฤดูแบบนี้ จะไปคิดเป็นบัญชีของเขาได้อย่างไร? มากสุดก็แค่ทำอะไรบางอย่างในค่ายกลของเจ้า อย่าไปคิดอะไรที่เป็นไปไม่ได้อย่างนั้น”

“ตกลงเป็นใครกันแน่?” ซือถูจิ้งถามขึ้นอย่างเร่งเร้า

“ที่จริงข้าก็ไม่รู้ แต่วัดพญามังกรนั่น รู้ใหม่ว่าเมื่อก่อนฮ่องเต้ฮู่ยจู่สร้างขึ้นมาเพื่อใคร?” อ๋องอานหรานถามซือถูจิ้ง

ซือถูจิ้งพยักหัว “รู้ สร้างเพื่ออ๋องซื่อเจิ้งฉิงเทียน ไม่เพียงมีแค่ในจวนชิงโจว มีทุกพื้นที่อีกมากมาย”

“อืม จะบอกว่ามีอะไรพิเศษจริง บางทีก็อาจจะเป็นอ๋องซื่อเจิ้งฉิงเทียนคนนั้น”

“งั้นตกลงใช่หรือไม่ล่ะ?” ซือถูจิ้งถามขึ้นอย่างแปลกใจ

อ๋องอานหรานพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “ก็บอกแล้วว่าข้าก็ไม่รู้ ยังจะถามอะไรอีก? แต่ตระกูลซือถูของพวกเจ้าเคร่งครัดในความเป็นพี่น้องกัน ไม่ได้เริ่มมีมาตั้งแต่ฮ่องเต้ฮู่ยจู่ ความจริงแล้ว เป็นอ๋องซื่อเจิ้งฉิงเทียนกับไทฮองไทเฮาเป็นคนกำหนด ดังนั้นอ๋องซื่อเจิ้งฉิงเทียนเคยไปกราบไหว้ที่วัดพญามังกรนั่นจริง เขาคงไม่อยากเห็นลูกหลานของตระกูลซือถูเข่นฆ่ากัน จึงออกมาห้าม ก็มีความเป็นไปได้ ทั้งหมดเป็นเพียงความคิดคาดเดาของข้าคนเดียว อาจจะไม่ใช่ความจริง”

พูดเสร็จ เขาก็วางถ้วยลง “ทานอิ่มแล้ว ข้าไปนอนก่อนแล้ว”

“คนเฒ่าคนนี้ น่าโมโหมากเลย รู้ทั้งรู้ก็ไม่พูด ให้พวกเรานั่งเดาอยู่ตรงนี้ตั้งนาน” ซือถูจิ้งบ่น

หลีโม่แปลกใจ แต่ก็ไม่ถึงขั้นว่าจะต้องรู้ให้ได้ เรื่องที่เกิดขึ้นในวัดพญามังกร ยากที่จะใช้วิทยาศาสตร์ไปอธิบายจริงๆ

ในเมื่อวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้ ต้องอาศัยความอัศจรรย์มาอธิบาย ไม่ใช่สิ่งที่นางชำนาญ ทักษะมีความเชี่ยวชาญ หากซางชิวนั่นยังอยู่ ก็ยังจะถามให้รู้เรื่องได้

คิดถึงซางชิว หลีโม่ก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ “ซางชิวคนนี้เป็นคนมีความสามารถ ตายไปแล้วแบบนี้ ค่อนข้างน่าเสียดาย”

ทุกคนต่างก็ถอนหายใจ แล้วต่างคนต่างก็แยกย้ายไป

ช่วงเวลาตลอดการเดินทางสวยงามอีกแค่ไหน ยังไงก็ต้องถึงจุดหมายในที่สุด

ตอนที่มาถึงเมืองหลวง ก็เป็นวันที่แปดเดือนเก้าแล้ว

ห่างจากวันแต่งงานของเซียวเซียวกับซือถูจิ้ง อีกแค่เดือนเดียวเองแล้ว

หลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว ซือถูเย้นขังอ๋องหนานหวยไว้ในจวนก่อน แล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัวกับหลีโม่ หลังจากนั้นก็เข้าวังไปถวายพระพรไทฮองไทเฮา

ในตำหนักซีเวย

ในวันฤดูใบไม้ร่วง ได้ค่อยๆเข้าสู่อากาศเย็นแล้ว ใบไม้ในตำหนักซีเวยเหมือนถูกย้อมไปด้วยสีทอง เหลืองไปแล้วกว่าครึ่ง ภายใต้แสงพระอาทิตย์สาดส่อง ทำให้เห็นถึงความงดงามและไม่ทำให้รู้สึกเยือกเย็น

เป็นครั้งแรกที่หลีโม่ก้าวเดินเข้ามาในตำหนักซีเวยแล้วไม่รู้สึกอึดอัด

ที่จริงตำหนักซีเวยก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไร นอกจากมีแปลกประหลาดคนนั้นอยู่ในนี้

แต่มีคนคนนั้นอยู่ ทำให้รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

เข้ามาในตำหนักซีเวยแล้ว ก็เห็นสีหน้าท่าทีรับแขกของอาซื๋อกูกู

หลีโม่เข้าใจคำพูดนี้เองว่า ต่อให้บรรพบุรุษมีฝีมือแค่ไหน ก็ไม่เหมาะสมที่จะยุ่งเกี่ยวกับงานในราชสำนัก

ที่จริง งานบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องเล็ก ง่ายในการเปลี่ยนขุนนางคนหนึ่ง จะเปลี่ยนทั้งหมด ก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่

หลีโม่อดที่จะภาคภูมิใจในตัวไทฮองไมเฮาไม่ได้ มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังสามารถที่จะมีสติและสงบนิ่ง ให้ทุกเรื่องเป็นไปอย่างเรียบร้อย

“แต่ก็ไม่ต้องเป็นห่วง วันนี้ให้นางโกรธไปก่อน น่าจะสามารถควบคุมได้อยู่สักพัก อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้ว ก็ต้องเริ่มทำงานแล้ว” อาซื๋อกูกูพูด

“รับทราบพะยะคะ” ในใจซือถูเย้นยิ่งรู้สึกผิด

ทั้งสองคนรออยู่ในตำหนักประมาณครึ่งชั่วโมง อาซื๋อกูกูก็ถามเรื่องเกี่ยวกับลูกในท้องของหลีโม่ ในระหว่างที่พูดคุยกัน ช่วงเวลาครึ่งชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว

แต่ทางด้านห้องพระอักษร เกือบที่จะรื้อแม้กระทั่งเพดาน

ช่วงว่าราชการเช้าเมื่อวาน มีคนยี่สิบกว่าคนบอกว่าป่วยไม่สามารถร่วมว่าราชการ ไม่เพียงไม่ร่วมว่าราชการ ยังไม่ทำงานอีกด้วย

อีกอย่าง ไทฮองไทเฮายังรู้ว่า นี่เป็นเพียงเริ่มต้น เช้าวันว่าราชการต่อมา ก็จะมีคนไม่เข้าร่วมว่าราชการยิ่งอยู่ก็ยิ่งเยอะ

ยังมีคนส่งฎีกามา บอกว่าไท่จู่มีคำสั่งเสียก่อนตาย ว่าวังหลังไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก ฮ่องเต้ยังมีชีวิตอยู่ วังหลังควบคุมราชสำนัก การถูกขโมยอำนาจโดยผู้หญิง เป็นการกระทำที่เนรคุณ

เช้าวันนี้ ก็มีฎีกามากมายส่งมายังห้องพระอักษร ต่างก็ขอพบฮ่องเต้ และสงสัยในเรื่องการแต่งตั้งองค์รัชทายาท

หลังจากนั้น ก็เป็นการสงสัยในตัวอ๋องเหลียง ว่าไม่มีความสามารถในการดูแลช่วยเหลืองานในราชสำนัก ยังมีมากกว่านั้น มีคนที่คิดไม่ดีบอกว่าเขาไม่มีคุณธรรม ไม่เหมาะสมที่จะสู่ขอองค์หญิงอี้เอ๋อร์แห่งต้าเหลียง จะเป็นการทำให้ทั้งสองประเทศเกิดความสัมพันธ์ที่แตกร้าว ทำให้นำมาซึ่งการศึกแก่ต้าโจว

จากที่บรรพบุรุษด่าไปแล้วหนึ่งรอบ พูดว่า “พวกเจ้ากลับไปบอกพวกคนที่ป่วยไม่มาร่วมว่าราชการ ในฤดูใบไม้ร่วงที่เยือกเย็นนี้ แล้วป่วย ข้าสามารถเข้าใจได้ แต่ให้รีบไปหาหมอ เช้าวันว่าราชการต่อไป หากยังมีคนป่วยอีก ข้าจะส่งหมอหลวงไปตรวจ หากรู้ว่ามีความคิดอื่น เปลี่ยนคนทั้งหมด”

“ไทฮองไทเฮา” ใต้เท้าซุนคุกเข่าอยู่ตรงหน้า แล้วพูดว่า “การเปลี่ยนคนนี้ไม่ใช่วิธีที่ดี ตามใจพวกเขาดีไหม ให้พวกเขาได้เจอฮ่องเต้ อย่างน้อยก็ให้พวกเขารู้ว่าฮ่องเต้ป่วยจริง ไม่ใช่ท่านแย่งอำนาจราชสำนัก แบบนี้ ไม่เป็นการดีกับทุกฝ่ายหรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม