พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 827

สรุปบท บทที่827 เสียเปล่า: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

บทที่827 เสียเปล่า – ตอนที่ต้องอ่านของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม

ตอนนี้ของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่827 เสียเปล่า จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่827 เสียเปล่า

ไท่ฮองไท่เฮาสะบัดแขนเสื้อเบาๆ แสยะยิ้มมุมปาก และพูดว่า “ไม่ลงโทษนาง เจ้าจะจำเหรอ? เจ้าผิดแล้ว เรื่องนี่ไม่เพียงแค่เจ้าไม่ได้เดินทางมาทางน้ำ ในช่วงนี้ เจ้าทำผิดอยู่มากมาย ข้าจะให้เจ้าจำไว้ว่ะ เจ้าทำผิดเรื่องหนึ่ง คนที่ลำบากก็ต้องเป็นคนข้างตัวเจ้า เช่นนี้ ต่อไปเจ้าทำอะไรก็คิดให้มากๆ ถึงจะระวัง และไม่เป็นที่สงสัย”

หลีโม่รู้สึกดีขึ้นมามาก เช็ดมุมปาก และพูดอย่างอ่อนแรงว่า: “ไอ้เจ็ด ข้าไม่เป็นอะไร”

ซือถูเย้นเห็นสีหน้าซีดขาวของนาง ก็เป็นห่วงอย่างมาก “รีบดื่มน้ำหน่อย อย่าพึ่งพูดนะ พักผ่อนเถอะ”

หลีโม่นั่งพิงเก้าอี้ อาซื๋อกูกูเอาที่นั่งนุ่มๆมาให้นาง “เทียบกับชีวิตเมื่อก่อนของเจ้าแล้ว พวกนี้ก็ไม่หนักหนาหรอก เจ้าเกือบตายเลยนะ ถ้าเจ้าจะโทษก็โทษไอ้เจ็ดเถอะ เขาทำให้เจ้าเป็นแบบนี้”

หลีโม่ลืมตาขึ้น “ไม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา”

อาซื๋อกูกูมองซือถูเย้น ต่อหน้าท่านบรรพบุรุษก็ไม่กล้าช่วยนาง และยังด่าว่าตาม “เจ้าว่าไงล่ะ? เกี่ยวกับเจ้าไหม? ครั้งนี้ ถ้าไม่ใช่เจ้าอ๋องซื่อเจิ้งฉิงเทียนออกมาช่วยเจ้า เจ้าตายไปนานแล้ว เจ้าตายไป ภรรยาเจ้ายังจะมีชีวิตรอดอีกเหรอ? ดูเจ้าตอนนี้สิ!”

ซือถูเย้นพูดอย่างแปลกใจว่า: “อ๋องซื่อเจิ้งฉิงเทียน เขายังอยู่เหรอ?”

ไท่ฮองไท่เฮาปัดมือ “พูดเรื่องพวกนี้กับเขาทำไมกัน? ถามเขาสิ รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหนหรือไม่?”

อาซื๋อกูกูมองเขา “เจ้าผิดตรงไหน?”

ปกติก็ต่อล้อต่อเถียงกัน แต่ครั้งนี้นางกลับมองออกว่าไท่ฮองไท่เฮาโกรธจริงๆ ก็ไม่กล้าเถียงอีก และทำตามที่นางบอก

ซือถูเย้นคิดแล้วก็พูดว่า “ขอท่านบรรพบุรุษโปรดชี้แนะด้วย”

ไท่ฮองไท่เฮาพูดเสียงเข้มว่า: “ชี้แนะ? ตอนนี้แล้วเจ้ายังไม่รู้ว่าทำผิดตรงไหนอีกก็คงยากที่จะช่วยแล้วล่ะ เจ้ารู้ว่าตัวว่าตัวเองถูกพิษท่งหมิง ทำไมไม่มาให้ข้าช่วยถอนพิษให้? เจ้ารู้ว่าเจ้าแปดมีความทะเยอทะยานมาก และรู้ว่าเขาจะลงมือจัดการภรรยาเจ้า เจ้ากลับแสร้งพูดเรื่องพี่น้องอีก? เจ้าโง่หรือไง? แม้คนโง่ก็รู้ว่าถ้ามีคนมาทำร้ายภรรยาและลูกชายตัวเอง ก็ต้องฆ่าคนผู้นั้นเสีย อีกอย่าง เจ้าก็ยังเป็นอ๋องซื่อเจิ้ง แม้ฮ่องเต้จะเป็นคนสั่ง แต่ตอนที่เจ้าสามารถโต้แย้งกับเขาได้ เจ้ากลับปล่อยให้เขาทำตามใจ เจ้ายิ่งใหญ่งั้นเหรอ? เจ้าทิ้งให้ภรรยาตัวเองและประชาชนมากมายไว้ไหน? เจ้าอย่าบอกกับข้าว่าเจ้าเป็นขุนนาง อย่าบอกว่าข้าสอนเจ้าเรื่องพี่น้อง ข้าก็เคยสอนเจ้าด้วยว่า อะไรก็เทียบกับประชาชนและผืนแผ่นดินไม่ได้ ที่สำคัญคือ แม้จะต้องสละชีวิต สิ่งที่ควรแย่งก็ต้องแย่งมาให้ได้ อะไรที่ควรยึดก็ต้องยึดมา ฮ่องเต้หลงระเริงในอำนาจ ถ้าให้เขากุมอำนาจต่อไป ต้าโจวคงจะล้มจมในไม่นาน?”

ไท่ฮองไท่เฮาพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น ไม่ให้เวลาเขาได้หายใจเลย ด่าจนเขาอึ้งพูดไม่ออกเลย

นางด่าไปพึ่งเสร็จ พักหายใจสักพัก ก็ด่าต่อว่า: “เจ้าไม่ถอนพิษท่งหมิงเป็นเพราะเจ้ายังอยากปล่อยเจ้าแปดไป ถอนแล้ว เจ้าก็ต้องฆ่าเขา เจ้าเป็นห่วงความสัมพันธ์พี่น้อง แต่ว่า สิ่งที่พี่น้องเจ้าทำนั่นเป็นอันตรายต่อภาพรวม เจ้ายังจะยอมใจดีอีกเหรอ? โง่มาก โง่เกินไปแล้ว! ในมือกุมอำนาจ ก็ต้องตัดสินใจเด็ดขาด ความเด็ดเดี่ยวเมื่อก่อนของเจ้าไปไหนแล้ว? หรือเพราะเจ้ามีภรรยา ในใจมีที่พึ่งพิง จึงทำให้กลัวหลาดระแวงไปหมด? ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าคงต้องให้เหล้าพิษแก่นาง เจ้าจะได้ไม่ทำอะไรโง่ๆอีก ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อตัวเอง ยังเป็นอันตรายต่อประชาชนอีก”

“ท่านบรรพบุรุษ!” ซือถูเย้นคุกเข่าลงไป “ข้ารู้ตัวว่าผิดไปแล้ว ขอท่านอย่าโกรธไปเลย”

“ไปเลย น่ารำคาญจริงๆ?” ไท่ฮองไท่เฮาขมวดคิ้ว

อาซื๋อกูกูกลับหลังหัน เรียกหลีโม่ออกไปพร้อมนาง

อาซื๋อกูกูเป็นคนเข้าใจอะไรได้ง่าย เห็นสีหน้าหลีโม่ที่เดินออกมาแล้วไม่ค่อยดี ก็พูดไปว่า: “ท่านบรรพบุรุษโกรธจนพูดจาไม่หักห้ามใจ เจ้าอย่าเก็บมาคิดเลย นิสัยนางก็เป็นแบบนี้ ด่าออกไปอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้”

หลีโม่ฝืนยิ้มแห้ง “เมื่อกี้นางบอกว่า ไอ้เจ็ดทำอะไรก็กลัวหวาดระแวงไปหมดเป็นเพราะแต่งงานกับข้า กูกูคิดว่ายังไงเพคะ?”

อาซื๋อกูกูครุ่นคิดและพูดว่า “ก็ต้องเกี่ยวกับเจ้าบ้าง เขาคิดถึงเจ้ามากไป ก่อนหน้านี้ไท่ฮองไท่เฮามองออกว่าเขาเป็นห่วงเจ้ามากแค่ไหน เพราะเหตุนี้จึงเรียกเจ้ามา ให้เจ้าได้ปกป้องตัวเองได้บ้าง อย่าให้เขาเอาแต่เป็นห่วงเจ้าเลย แค่ว่า แม้เจ้าจะเก่งมากแค่ไหน ถ้าใจเขามีเจ้า ยังไงก็ต้องลังเลเพราะมีเจ้าอยู่ นางอายุสามร้อยกว่า……ตอนอายุสามสิบกว่าเคยผ่านเรื่องความรักมาก่อน ทำไมจะไม่เข้าใจล่ะ? ก็แค่ด่าถูกปากแล้ว ก็ด่าต่อไปอีก เป็นเรื่องปกติที่ความหมายของคำที่ด่านั้นจะดูไม่เป็นประโยชน์เท่าไหร่”

หลีโม่ได้ยินที่อาซื๋อกูกูพูด ก็ต้องถอนหายใจ ท่านบรรพบุรุษมีเหตุผลจริงๆ เมื่อกี้นางพูดว่า ให้นางอย่าเอาแต่พึ่งหวังไอ้เจ็ด และยังต้องช่วยเขาหน่อย

เฮ้อ นางนึกถึงตอนที่ตัวเองยังอยู่ที่จวนเฉิงเสี้ยง ยังไงตอนนั้นก็ยังโหดกว่า แต่ต่อมาก็เริ่มลังเลกลัวนู้นนั่นนี่ ความรักของนางกับไอ้เจ็ดในครั้งนี้ กลับเป็นการฉุดกันลง?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม