พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 84

บทที่ 84 พาตัวหลีโม่ไป

ไม่กุ้ยเฟยที่เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ก็พลันเดินสาวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปชั่วขณะนางก็เดินกลับมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น

ข่าวลือเรื่องอาการทรุดหนักของซือถูเย้นก็แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ถึงอ๋องอานชินจะพยายามคิดหาทางปิดข่าวยังไง ก็ไม่สามารถทำได้

เพราะไท่เฟยไม่ให้ความร่วมมือ กลังจากที่หมอหลวงบอกไม่มีทางรักษาแล้ว นางก็พลันร้องแหกปากโวยวายเรียกนักพรตเข้ามาพบเพื่อหาทางรักษา

เซียวโธ่เองก็สามารถสืบประวัติของนักพรตผู้นี้ได้แล้ว แล้วก็พลันสั่งให้คนรีบเข้าไปพบอ๋องอานชินทันที เพราะว่าไท่เฟยได้ออกคำสั่งเอาไว้ว่าห้ามเขาเข้าไปใกล้ตำหนักอ๋องแม้แต่ก้าวเดียว

อ๋องอานชินออกมาจากตำหนักซื่อเจิ้ง รถม้าของเซียวโธ่ก็มารอที่ปากซอยแล้ว

เขาขึ้นไปบนรถม้า แล้วดึงม่านลงทันที แล้วเซียวโธ่ก็พูดขึ้นอย่างรีบร้อน:“ข้าได้สืบอย่างละเอียดแล้ว นักพรตผู้นี้มีชื่อว่า เถาเด๋อ เป็นเจ้าสำนักวัดเต๋าฝูเต๋อ ตอนที่ท่านอ๋องออกไปดูแลแคว้น เขาก็เข้ามาตีสนิทกับไท่เฟย ตอนที่ฮ่องเต้อาการทรุดหนัก ไท่เฟยเคยให้เขาเข้าไปดูอาการฮ่องเต้ แล้วก็มีข่าวเล็ดรอดออกมาว่า กุ้ยไท่เฟยบอกให้เถาเต๋อทำพิธี เพื่อให้ฮ่องเต้อาการแย่ลง แล้วเพื่อเสริมบารมีให้กับท่านอ๋อง แล้วเขาก็จะสามารถมีวันที่เงยหน้าขึ้นมาได้ เถาเต๋อผู้นั้นจึงได้เริ่มทำพิธีถึงเจ็ดวันเจ็ดคืน ไม่คาดคิดว่าหลังจากนั้นไม่กีวัน ฮ่องเต้ที่อาการหนักมากกลับสั่งให้ท่านอ๋องควบคุมแคว้น กุ้ยไท่เฟยถึงได้เชื่อนักพรตผู้นี้โดยไม่มีสงสัย ตอนที่ท่านอ๋องเกิดเรื่องขึ้น เถาเต๋อก็อยู่ในตำหนักอ๋องพอดี เพราะกุ้ยไท่เฟยได้เชิญเขามาเทศนา”

อ๋องอานชินสะดุ้งเฮือก ถ้าหากว่าที่พูดมานี้เป็นความจริง งั้นก็แปลว่ากุ้ยไท่เฟยทำพิธีไสยศาสตร์ใส่ฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ?นี่เป็นความผิดสูงสุดที่ต้องโดนประหารเลยนะ

อ๋องอานชินก็พลันนึกถึงท่าทางที่กุ้ยไท่เฟยมีต่อฮองไทเฮาแล้ว ดูเหมือนว่านางได้วางแผนให้อาเย้นแย่งชิงบัลลังค์เอาไว้แล้ว เพียงแต่อาเย้นไม่รู้ก็เท่านั้น

ถ้าหากว่าคิดไม่ผิดละก็ นอกจากเรื่องการทำพิธีนี้แล้ว นางต้องมีแผนการอย่างอื่นอีกแน่นอน

“คนผู้นี้ใกล้ชิดกับใครมากที่สุดหรือ?”อ๋องอานชินถามขึ้น

“ไม่เคยเข้าไปใกล้กับองค์รัชทายาทมาก่อน แต่ว่ามีคนเคยเห็นเหลียงฉีลูกชายคนโตของใต้เท้าเหลียงไถ้ฝู้เคยไปที่วัดเต๋าฝูเต๋อครั้งนึง แต่ว่าไม่มีหลักฐานที่แสดงว่าเถาเต๋อเป็นคนขององค์รัชทายาท”

อ๋องอานชินส่ายหัวแล้วพูดขึ้น:“ข้าคิดว่า เถาเต๋อผู้นี้ต้องเป็นคนของใต้เท้าเหลียงไถ้ฝู้ ไม่มีทางที่จะบังเอิญที่เขาจะมาเป็นแขกในตำหนักอ๋องพอดีขนาดนั้น อีกอย่างจื่นเฉิงฮูหยินทำไมอยู่ดีๆถึงได้ไปหากุ้ยไท่เฟยที่ตำหนักได้?ภาระหน้าที่ของจื่นเฉิงก็มีมากมาย บางครั้งออกไปทำงานเป็นเดือนก็ไม่กลับมา ก็ไม่เคยเห็นนางไปหาไท่กุ้ยเฟยเลย และที่บังเอิญไปกว่านั้นก็คือหมอของร้านยาฮู่ยหมินก็ดันอยู่ในตำหนักนั้นพอดี ถ้าบังเอิญแค่ครั้งเดียวก็คือความบังเอิญ ครั้งที่สองก็อาจจะบังเอิญ แต่ว่าเรื่องบังอัญหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันแบบนี้ มันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องบังเอิญแล้วล่ะ แต่เป็นการจงใจของใครบางคนมากกว่า”

“ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แล้วเสี้ยหลีโม่ล่ะ?ได้เจอนางสักครั้งหรือไม่?”เซียวโธ่ถามขึ้น

อ๋องอานชินส่ายหน้า:“ไม่มีทางได้พบเลย ไท่เฟยไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปพบนางเลย ไม่ยอมให้ใครเข้าไปใกล้เลยด้วย”

“บุกเข้าไปก็ไม่ได้หรือ?”เซียวโธ่พูดอย่างร้อนใจ“ถ้ายังปล่อยให้นักพรตคนนั้นรักษาต่อไปก็ ท่านอ๋องต้องไม่รอดแน่ๆ”

“ข้าเองก็คิดว่าจะใช้ไม้แข็งแล้ว”อ๋องอานชินเปิดม่านออกแล้วลงจากรถม้าไป สีหน้าก็ไม่แคร์อะไรทั้งนั้น แล้วเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

เซียวโธ่ร้อนใจอย่างมาก แต่ว่าด้านหน้าประตูมีคนของไท่เฟยคอยเฝ้าอยู่ โดยที่เขาไม่สามารถจะเข้าไปได้เลย พอนึกถึงตอนที่ไอ้นักพรตลวงโลกบอกว่าเขาเป็นคนที่ทำให้ท่านอ๋องดวงไม่ดีแล้ว ก็พลันโมโหขึ้นมาทันที อยากไปตัดหัวมันมาทำเป็นลูกบอลเตะเล่นซะตอนนี้

อยู่ดีก็มีรถม้าคันเล็กออกมาจากด้านหลังตำหนัก บนรถม้ามีคนนั่งอยู่สามคน คนแรกคือคนควบมาอีกสองคนนั้นเป็นทหารคุ้มกัน

คนควบม้านั้นมีท่าทางลับๆล่อๆ หลังจากที่มองดูรอบด้านแล้วก็พลันควบรถม้าออกไปอย่างรวดเร็ว

เซียวโธ๋มองเห็นแล้วดูน่าสงสัย แต่เขาก็ไม่ต้องเดาเลยว่า

ข้างบนรถม้านั้นต้องเป็นหลีโม่อย่างแน่นอน นางถูกกักตัวที่คุกใต้ดินมาถึงสองวัน คุกที่อับชื้นไม่มีแสงสว่างเล็ดลอดเข้าไปได้เลย จนนางไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ จนนางลืมที่ต้องกดเอากำไลออกไปชาร์จแบต จนตอนนี้แบตก็เกือบจะไม่เหลือแล้ว

ร่างของนางถูกมัดเอาไว้ รวมถึงปกก็ถูกปิดเอาไว้อย่างแน่น แล้วก็ถูกคนโยนขึ้นไปบนรถม้า แค่นางใช้หัวเข่าคิดก็รู้ว่าเป็นไท่เฟยที่ต้องการฆ่านางปิดปาก

หลังจากที่รถม้าวิ่งออกไปจากประตูด้านข้างแล้ว นางก็มองเห็นเซียวโธ่จากรูของผ้าม่าน แต่นางไม่สามารถร้องออกมาได้ เรื่องราวเริ่มขับขัน นางพยายามงอตัว แล้วพยายามยื่นสองเท้าที่ถูกมัดเอาไว้ออกไปตรงผ้าม่าน แล้วพยายามถอดรองเท้าออกเพื่อให้หล่นลงพื้นดิน เพื่อจะได้ทำให้เซียวโธ่เห็นเข้า

แต่ตอนที่รองเท้าหล่นงมานั้นเป็นตอนที่เซียวโธ่เอาผ้าม่านลงทันที แล้วกลับเข้ามาในรถม้า

หลีโม่เห็นแสงแดดจากด้านนอกก็พยายามใช้เท้าเขี่ยผ้าม่านออก เพื่อให้กำไลได้รับแสงแดด แล้วเรี่ยวแรงก็จะมีเยอะขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม