บทที่ 85 ตกเหว
เขาเริ่มจัดเตรียมการป้องกัน และก็จัดแจงทหารทุกฝ่าย
ซือถูจิ้งเดินออกมาพลันเช็ดน้ำตาออก:“สั่งการทหารแบบนี้ ไม่ใช่ว่ายิ่งทำให้คนอื่นรู้หรือ?”
“อาการของอาเย้น พวกเขาเองก็น่าจะรู้ดี ยอมให้พวกเขารู้ แต่ก็ยังดีกว่าให้มันจับได้ แล้วเอาไปป่าวประกาศให้คนอื่นรับรู้”อ๋องอานชินเป็นคนคิดการณ์ไกล ตั้งแต่ที่เขาไม่สนเรื่องงานของบ้านเมือง ทุกคนต่างก็คิดว่าเขาเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ แต่ว่าไม่มีใครที่จะสามารถทำให้ตระกูลซือถูจากเขาใต้หล้าของเขาแปดเปื้อนได้ ในตัวของเขาเองก็ยังมีเลือดของเชื้อพระวงศ์เสมอยู่ด้วย
ซือถูจิ้งพูดขึ้น:“ต้องเชิญท่านย่ามามั้ย?”
อ๋องอานชินครุ่นคิด แล้วก็ส่ายหัวเบาๆ“ไม่ได้ ช่วงนี้อย่าพึ่งไปยุ่งกับท่านเลย และตอนนี้ก็ไม่รู้ด้วยว่าท่านอยู่ที่ไหน ตอนนี้ข้าคิดว่า.....”
สิ่งที่อ๋องอานชินคิดอยู่ในใจตอนนี้คือ เขาเองก็ยังมีความหวังอยู่นิดหน่อย ความหวังนั้นก็คือการฝังเข็มของหลีโม่ตอนที่อยู่ในจวนแม่ทัพที่เป็นความหวังอันน้อยนิดนั้น
เขากลับเอาแต่คิดว่า ที่หลีโม่ทำลงไปแบบนั้นนางต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างแน่นอน
แต่นี่ก็เป็นเพียงลางสังหรณ์ของเขาเท่านั้น ถ้าหากว่าหลีโม่ไม่ได้มีแผนสำรองไว้ละก็ งั้นหลังจากนี้ท่านอาหญิงก็คงจะหมดหวังแล้ว
ซือถูจิ้งที่โศกเศร้าอยู่นั้น ก็รู้สึกสงสัยอยู่“ทำไมไท่เฟยถึงได้เปลี่ยนไปถึงขนาดนี้?เมื่อก่อนถึงข้าจะรู้สึกได้ว่านางเองก็ไม่ค่อยพอใจฮองไทเฮา แต่ว่านางก็ไม่เคยแสดงความไม่พอใจออกมาเลย อีกอย่างในวังหลังนางเองก็ถือว่าเป็นผู้ที่คอยดูแลอยู่ห่างๆ ทำไมถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ได้นะ?แล้วก็ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไป มันก็ยิ่งทำให้นางเกิดอันตรายอย่างแน่นอน นางเองก็คงรู้ดีอยู่ไม่ใช่หรือ?”
ในจุดนี้ก็ทำให้อ๋องอานชินไม่เข้าใจเหมือนกัน ถึงแม้จะบอกว่าเถาเด๋ออาจจะเป็นคนที่คอยวางแผนอยู่เบื้องหลัง แล้วก็ทำพิธีต่างๆให้นาง แต่ถ้ามองตามนิสัยที่ละเอียดรอบคอบของนางแล้ว นางไม่น่าจะเชื่อใจคนๆนึงได้ถึงเพียงนี้นะ
และอีกอย่าง นางเองก็กังวลเรื่องความเป็นความตายของอาเย้นขนาดนั้น แต่นางก็ยังให้เถาเด๋อทำพิธี วิธีนี้ก็ถือว่าเป็นการทำที่เหลวไหลอย่างมากเลยด้วย
จากการกระทำที่นางทำลงไปนั้น พูดได้คำเดียวก็คือ สิ้นคิดอย่างมาก
แต่ว่า คนที่คอยคุมไท่เฟยอยู่นั้นไม่ใช่คนที่โง่เขลา แต่เป็นคนที่ฉลาดมากๆเลย
ความน่าสงสัยทุกอย่างล้วนมากองรวมกันอยู่ในหัว อ๋องอานชินสงสัยว่า วัดเต๋าฝูเต๋อนั้นต้องมีการสืบประวัติอย่างละเอียด และอีกอย่างควรจะเริ่มจากคนข้างกายของกุ้ยไท่เฟยก่อน ต้องลองถามดูว่าช่วงนี้กุ้ยไท่เฟยคลุกคลีอยู่กับใครที่น่าสงสัยบ้าง
พอคิดได้แบบนี้ เขาก็หันไปพูดกับจ้วงจ้วง:“ท่านอา ท่านว่าถ้าหานางสนมคนนึง เข้าไปรับใช้ปรนณิบัติไท่เฟย แล้วหาทางลองถามนางว่างช่วงไม่กี่วันมานี้มีอะไรแปลกๆมั้ย?”
จ้วงจ้วงเงยหน้าขึ้นมาอย่างสงสัย“เจ้าสงสัยอะไรหรือ?”
“ลองไปถามดูก่อน แล้วเราค่อยลองมาปรึกษากันทีหลัง!”อ๋องอานชินพูดขึ้น
“อย่างงั้นก็ได้!”จ้วงจ้วงพยักหน้าตอบ แล้วก็พลันนึกถึงเรื่องของซือถูเย้น ในใจก็พลันเจ็บปวดขึ้นมาทันที จนไม่อาจจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้
รถม้าที่นำตัวหลีโม่ออกมานั้น ออกมาจากเมืองอย่างรวดเร็ว แล้วก็ตรงดิ่งไปยังนอกเมือง
เขาเฟยเทียนเป็นชื่อที่ไพเราะอย่างมาก ถ้าหากว่าไม่รู้จักก็คงคิดว่าที่นี่ต้องมีเทพ ธิดาสิงสถิตย์อยู่อย่างแน่นอน แต่สำหรับคนแถวนี้ที่รู้จักดีว่าอีกด้านหนึ่งของเขาเทียนชานนั้นเป็นสานที่รกร้าง
คนแถวนี้ต่างไม่มีใครกล้าไปที่นั่น เพราะเป็นสถานที่ที่อับแสง และบรรยากาศอึมครึมมาก ไม่ว่าใครผ่านมาตามถนนก็จะอึมครึมอย่างนั้นตลอด แต่ถ้าได้เข้าไปถึงข้างในสุสานนั้น ความอึมครึมทุกอย่างก็จะค่อยๆจางหายไป
รถม้าจอดข้างลงเขา ทหารสองนายนั้นก็พาตัวของหลีโม่ลงมา
ข้างล่างเขาแห่งนี้อึมครึมมากพอสมควร และตลบอบอวลไปด้วยความชั่วร้าย ถึงแม้ว่าหลีโม่จะถูกมัดตัวเอาไว้ แต่ว่านางก็ยังคงสามารถกดที่กำไลแขนของนางได้อยู่
แล้วถูกพาเดินไปบนทางขรุขระ หลีโม่ก็แกล้งทำเป็นว่ายังวิงเวียนอยู่ เหมือนกำคนที่กำลังจะตายไม่มีเรี่ยวแรง ดังนั้นนางจึงถูกพวกนั้นลากตัวขึ้นไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...