บทที่ 846 อู๋เยี่ยนจู่เป็นผู้สอดแนม
หลีโม่พลันรู้สึกเคารพยำเกรงในอู๋เยี่ยนจู่ขึ้นมาทันที จ้องมองผู้ที่แต่งตัวทำผมจัดจ้านดูฉูดฉาด โดยคิดไม่ถึงเลยว่า จะไม่มีลักษณะของคนในวัยรุ่นหนุ่มสาวเลยสักนิด เป็นบุคคลที่ให้การยกย่องต่ออาชีพของตนเช่นนี้ อีกทั้งยังยึดมั่นในหลักการ
ราวกับหลีโม่ตระหนักบางขึ้นมาได้ ในตอนที่นางตั้งใจจะก้าวข้ามเรื่องพวกนี้ไปแล้วนั้น อู๋เยี่ยนจู่ผู้นี้ก็ออกมาเตือนสตินางขึ้นในทันที
“อู๋เยี่ยนจู่ เจ้าทำให้ข้ารู้สึกชื่นชมยิ่งนัก เจ้าเป็นหมอที่พร้อมด้วยคุณสมบัติ”หลีโม่กล่าวขึ้นอย่างจริงใจ
อู๋เยี่ยนจู่จ้องมองไปที่หลีโม่ด้วยความสงสัย “เจ้าไม่ได้คิดเช่นนี้หรอกหรือ?แต่ข้าได้ยินพี่โหรวเหยาพูดเอาไว้ว่า ท่านบอกเอาไว้ว่าท่านเป็นอย่างที่ท่านหมอเวินยี่ต้องการได้”
หลีโม่ส่ายหน้าเบา ๆ “พูดน่ะมันง่าย แต่ให้ทำจริง ๆ น่ะมันช่างยากนัก”
อู๋เยี่ยนจู่ยังไม่เข้าใจ “มีอะไรยากกันหรือ?พวกเราเป็นหมอ สิ่งที่ต้องการก็ไม่ใช่เรื่องฝีมือทางการแพทย์ที่โดดเด่น ได้ช่วยเหลือคนให้มากยิ่งขึ้นอย่างนั้นหรือ?ถ้าหากว่าเพื่อใครคนหนึ่งแล้ว ต้องหยุดอยู่กับที่ไม่ยอมพัฒนา ปล่อยปละโอกาสที่จะช่วยเหลือผู้คนมากมาย มันช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”
เมื่อ อู๋เยี่ยนจู่เห็นว่านางนิ่งงันไม่ส่งเสียง ก็พูดต่อไปว่า “อีกทั้ง ข้าได้ยินพี่โหรวเหยาพูดเรื่องพิษท่งหมิง ตอนนี้ท่านยังไม่สามารถแก้พิษท่งหมิงให้กับท่านอ๋องได้ ถ้าหากว่าท่านล้มเลิกที่จะเป็นศิษย์ของท่านหมอเวินยี่ แล้วสมมติว่าท่านหมอเวินยี่มีวิธีที่ดีเล่า?”
ในตอนแรกเริ่มเลยหลีโม่รู้สึกประหลาดใจ ประหลาดใจก็ตรงที่ว่าทำไมโหรวเหยาถึงมีอะไรก็บอกเขาเสียทุกอย่าง?
ต่อมาคือความตกตะลึง ใช่ไม่ผิดหรอก ทำไมนางถึงคิดถึงจุดนี้ไม่ได้กันนะ?คิดให้มันยิ่งลึกกว่านี้ไปอีกขั้น เป็นไปได้ไหมว่านี่เป็นสิ่งที่หมอเวินยี่กำลังทดสอบนาง?
ถ้าหากว่านางช่วยฮ่องเต้ ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่านางทำตามข้อเรียกร้องของหมอเวินยี่ได้ หมอเวินยี่เองก็จะได้รับนางเป็นศิษย์
ถ้าหากว่านางไม่ช่วย แล้วล้มเลิกที่จะเรียกทางด้านการแพทย์กับหมอเวินยี่ เช่นนั้นนางก็ไม่มีทางที่จะแก้คำครหาของซุนฟางเอ้อร์เรื่องพิษไสยศาสตร์ได้ ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าไม่มีทางช่วยไอ้เจ็ดได้ โดยชั่วชีวิตนี้ของไอ้เจ็ดก็จะต้องถูกอ๋องหนานหวยชักจูงไปตลอด แต่ถ้าหากว่าเป็นการทดสอบ เช่นนั้น ไท่ฮองไท่เฮาจะต้องเข้ามาพันพัวอยู่ด้วยอย่างแน่นอน ด้วยสภาพที่คิดถึงได้ในเมื่อก่อน ถ้าหากว่าไท่ฮองไท่เฮาคิดอยากจะเห็นฮ่องเต้เสด็จสวรรคต เดิมก็ไม่ต้องใช้ตำรับยาเช่นนี้ แค่ดูอย่างเงียบ ๆ ไม่ให้ความช่วยเหลือก็เพียงพอแล้ว
ยังมีอีกว่า เรื่องที่อาซื่อกูกูพูดกับนางในวันนั้น ล้วนปรากฏขึ้นอยู่ในหัวในตอนนี้ อาซื่อกูกูพูดเอาไว้ว่าไท่ฮองไท่เฮามีพระชันษามากแล้ว ก็พระทัยอ่อน เริ่มจะอาลัยอาวรณ์
อาซื่อกูกูกำลังบอกนางเป็นนัย ๆ ว่าจริง ๆ แล้วไท่ฮองไท่เฮาทนเห็นฝ่าบาทเสด็จสวรรคตไปไม่ได้ แต่นางเองก็ไม่สามารถลงมือได้ตรง ๆ ดังนั้นถึงได้ให้ตำรับยาเช่นนี้กับนาง แสร้งทำเป็นบอกว่าหมอเวินยี่เป็นคนสั่ง จุดประสงค์ก็คือเพื่อช่วยฝ่าบาท
“ท่านอาจารย์” อู๋เยี่ยนจู่เห็นนางที่กำลังเหม่อลอยคิดถึงเรื่องอื่น มองนางแล้วถามขึ้น “ท่านเป็นอะไรไป?”
หลีโม่ดึงสติกลับมา “ไม่เป็นไร ข้าเพียงแค่รู้สึกระอาใจ เจ้าเหมาะที่จะเป็นหมอมากกว่าข้าเสียด้วยซ้ำ”ไม่ใช่แค่เขา กระทั่งโหรวเหยาเองก็ดูเชี่ยวชาญมากกว่านางด้วยเช่นเดียวกัน
“ท่านอาจารย์ถ่อมตน วิทยาการทางการแพทย์ของอาจารย์ยอดเยี่ยมเช่นนี้ อีกทั้งยังเชี่ยวชาญในศาสตร์การฝังเข็ม ไม่รู้ว่าช่วยคนไปตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่”
อู๋เยี่ยนจู่จ้องมองไปที่หลีโม่ กล่าวขึ้น “จริง ๆ แล้วข้ากลับรู้สึกว่าก็ไม่ได้เลือกยากเลยนะ ดูว่าท่านเองคิดอยากให้ตัวเองเป็นอย่างไร ถ้าท่านรู้สึกเพียงว่าตัวเองเป็นหมอ อย่างนั้น ก็ไม่มีใครที่จะช่วยไม่ได้”
หลีโม่คิดไม่ถึงว่า อู๋เยี่ยนจู่จะพูดกับนางด้วยถ้อยคำเช่นนี้ออกมาได้ ช่างมีหลักการยิ่งนัก
“ขอบใจเจ้านะ”หลีโม่กล่าวขึ้นด้วยความจริงใจ ถึงแม้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร แต่ทว่าคำพูดของอู๋เยี่ยนจู่นั้นก็ทำให้นางพอจะเห็นลู่ทางบางอย่าง อย่างน้อย ๆ นางก็จะได้ไปคิดทบทวนให้มันลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
อู๋เยี่ยนจู่หัวเราะขึ้นอย่างเปิดเผย “ไม่เป็นไร ช่วยท่านอาจารย์ได้ก็พอแล้ว แต่ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านอาจารย์จะกลายเป็นศิษย์ของท่านหมอเวินยี่ได้ เช่นนั้นแล้ว ข้าก็จะเป็นศิษย์ของศิษย์ท่านหมอเวินยี่ได้”
หลีโม่ยิ้มแล้วกล่าวขึ้น “จะพยายามก็แล้วกัน”
นางส่งให้ อู๋เยี่ยนจู่ ออกไป แล้วก็ผลัดเสื้อผ้า พาหลิงลี่และยอดฝีมืออีกสองคนไปยังติ่งเฟิง
โหรวเหยาอยู่ที่สำนักงานของหูฮวนซีดังที่คิดไว้จริง ๆ เมื่อหูฮวนซีเห็นนางมา ก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เร่งสาวเท้ายาว ๆ มาต้อนรับ “แขกที่พบยาก แขกที่พบยากนะเนี่ย!”
หลีโม่ยิ้มเลยเอ่ยขึ้น “ทำไมกัน?คิดถึงข้ามากหรอ?”
หูฮวนซีกระพริบตาปริบ ๆ “ก็ต้องคิดถึงเจ้าอย่างแน่นอนละ รีบนั่งลงก่อนเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...