พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 847

บทที่847 หลบก็ได้

หูฮวนซีกล่าวขึ้น “อู๋เยี่ยนจู่ผู้นี้ พวกเจ้าไม่ได้สำรวจให้แน่ชัดหรือ?ก็พากลับมาแบบนี้ด้วย?อันตรายมากเลยนะ”

หลีโม่กล่าว “ไอ้เจ็ดสั่งให้คนไปตรวจสอบแล้ว ตอนอยู่ชิงโจวเขาช่วยข้า เพราะมีบุญคุณที่ช่วยเหลือกันมา ดังนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรมากมาย”

“เจ้ากลับไปถามให้ดี ๆ ถ้าหากว่าเขามีปัญหาจริง ๆ พวกเจ้าก็เป็นอันตราย”หูฮวนซีกล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึม

“อื้ม ข้าจะรีบกลับไปถาม”หลีโม่ตอบ

โหรวเหยาเองก็รีบวางจดหมาย “เจ้ากลับไปพร้อมกับข้า หมอนั่นกล้าพูดว่าข้าบอกกับเขา ดูซิว่าข้าจะไม่หักขาเขา”

หลีโม่พาโหรวเหยากลับไปที่ตำหนัก เรียกให้มามารีบไปเรียกอู๋เยี่ยนจู่เข้ามา

แต่มามากลับถามขึ้น “หมออู๋หลังจากที่พระองค์เสด็จออกไปแล้ว ก็ตามออกไปด้วย นี่ยังไม่ได้กลับมาเลยนะเพคะ”

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าดู เขากลับมาเมื่อไหร่ก็เรียบให้เขามาพบข้า”หลีโม่กล่าว

“เกิดอะไรขึ้น?”มามาเมื่อเห็นว่านางกลับมาก็ไปหาอู๋เยี่ยนจู่ อีกทั้งด้วยสีหน้าที่ดูเคร่งขรึม จึงถามขึ้นด้วยความกังวล

“ข้ามีเรื่องจะพบเขาหน่อย ใช่แล้ว มามา ในช่วงหลายวันที่เขาอยู่ในตำหนักนี้ มีเหตุการณ์ผิดปกติอะไรบ้างไหม?เช่นว่า ไปเจอใคร หรือไม่ก็ไปถามอะไรกับใครบ้าง”หลีโม่ถาม

มามาลองคิดอยู่สักครู่ “ไม่มีนะเพคะ อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ได้ถามอะไรกับหม่อมฉัน มีแต่รั้งหวั่นจิ้งตลอดทั้งวัน ให้หวั่นจิ้งคิดบัญชีให้เขา หวั่นจิ้งเองก็ไม่ชอบเขา แต่รู้ว่าเป็นผู้มีพระคุณของพระชายา ดังนั้นถึงได้อดทนต่อเขายิ่งนัก”

“แค่เรียกให้หวั่นจิ้งคิดบัญชีให้เท่านั้นหรอ?”

“หม่อมฉันจะไปตามหวั่นจิ้งให้เข้ามา หวั่นจิ้งเป็นคนที่คุ้นเคยกับเขาที่สุด ตลอดกลางวันตัวติดกับหวั่นจิ้ง มีวันหนึ่งในตอนค่ำยังออกไปเที่ยวกับหวั่นจิ้งเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่า หวั่นจิ้งยังต่อสู้กับเขาไม่ได้”

“ได้ เจ้าเรียกหวั่นจิ้งให้เข้ามา”

หวั่นจิ้งที่ได้เข้ามายังตำหนักได้ไม่นาน แต่ยังคงต้องจัดการบัญชีในตำหนัก อู๋เยี่ยนจู่ผู้นี้ใครก็ไม่ยอมไปรั้ง มีแต่จะรั้งแค่หวั่นจิ้งเพียงคนเดียว เป็นไปได้ว่า อยากจะตรวจสอบ?

เพียงแค่ว่าบัญชีในตำหนักนั้นมีอะไรให้น่าค้นหา?บางทีหรือคิดว่าอยากจะตรวจสอบดูว่าไอ้เจ็ดมีคดโกงหรือไม่?ถ้ามีการทุจริตขึ้นมา รายการพวกนี้ไม่มีทางที่จะมาขึ้นอยู่ในบัญชีของตำหนักได้หรอก

อีกทั้ง ไอ้เจ็ดเองแต่ไหนก็ไม่เคยคิดทุจริต มีใครในราชวงศ์ต้าโจวนี้บ้างที่จะไม่รู้?ถ้าหากอยากจะได้ผลประโยชน์อะไรจริง ๆ ให้สุราชั้นดีกับเขาสักไหยังมีประโยชน์มากกว่าจะยัดเงินให้เขาเสียอีก

มามาหมุนกายออกไปตามหวั่นจิ้ง โหรวเหยาเมื่อเห็นนางออกไปแล้ว ก็พูดกับหลีโม่ว่า “พูดไปแล้วอู๋เยี่ยนจู่ผู้นี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก ในตอนที่อยู่ชิงโจวก็ช่วยรักษาเจ้า ต่อมาก็มอบตัวเป็นศิษย์กับเจ้าอีก ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป ถ้ารู้สถานะของเจ้าและไอ้เจ็ดแล้ว จะกล้ามาตามตอแยไม่ลดละได้อย่างไรกัน?แต่เขากลับไม่ใช่เช่นนั้น ตามตอแยมาขอร้องให้เป็นอาจารย์ ข้าจำได้ว่า ในตอนนั้นที่ข้าบอกว่าจะมอบตัวโดยให้เจ้าเป็นอาจารย์ ก็ไม่รู้ว่าเขาโผล่มาจากที่ไหน คุกเข่าลงขอให้เป็นอาจารย์ เจ้าไม่ยอมรับเขา ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะไปซื้อลาแล้วติดตามพวกเรากลับมายังเมืองหลวง ตอนนี้พอคิดกลับไป ช่างไม่น่าอายจริง ๆ”

ถึงแม้ว่าหลีโม่จะรู้สึกสงสัยต่อ อู๋เยี่ยนจู่ แต่พอคิดถึงสิ่งที่เขาทำต่าง ๆ ก็ไม่ได้มีประสงค์ร้ายอะไร กระทั่งว่า วันนี้ที่เขาได้พูดแบบนั้นกับตัวเองมา ดูเหมือนกับว่ามีจุดประสงค์เป็นตัวชี้นำ “ไม่ต้องไปหาข้อสรุปก่อน รอให้หวั่นจิ้งมาแล้วค่อยถามให้แน่ชัด”ถ้าหากว่าเขามีแผนที่จะเข้าใกล้หวั่นจิ้ง จะต้องถามถึงเรื่องในบัญชีแน่ ๆ หรือไม่ก็ต้องสอบถามหวั่นจิ้งเกี่ยวกับเรื่องในตำหนักจนละเอียด เพียงแค่ว่า แม้กระทั่งหวั่นจิ้งเองไม่รู้เรื่องพิษท่งหมิง แรกเริ่มเขามายังเมืองหลวง ก็ล้วนเป็นคนแปลกหน้ากันมาก่อน แล้วไปรู้เรื่องพิษท่งหมิงได้อย่างไร?

มามานำหวั่นจิ้งให้เข้ามา บัดนี้หวั่นจิ้งยิ่งดูเรียบง่ายมากขึ้น แต่งกายด้วยชุดเหมือนกับเด็กสาวในตำหนัก พอเข้ามาแล้วก็ย่อกาย “พระชายา พระองค์ทรงเรียกหาหม่อมฉันหรือเพคะ?”

“หวั่นจิ้ง เจ้าคุ้นเคยกันดีกับหมออู๋ไหม?”หลีโม่ถาม

ใบหน้าของหวั่นจิ้งฉายแววกระอักกระอ่วนและวุ่นวายใจออกมา “กราบทูลพระชายา ไม่นับว่าคุ้นเคยเพคะ”

“มามาบอกกับข้า ว่าเจ้าเคยออกไปเที่ยวกับเขามาก่อน ถ้าหากว่าไม่คุ้นเคย หญิงชายที่โสดออกไปด้วยกัน ไม่เกรงว่าจะถูกคนครหาหรือ?”หลีโม่ยกแก้วชาขึ้น ค่อย ๆเขย่าฟองในชา ดวงตาทั้งคู่กลับจดจ้องอยู่ที่หวั่นจิ้ง

หวั่นจิ้งกัดฟันแน่น นัยน์ตามีหยาดน้ำตาเอ่อขึ้นคลอเบ้า “หม่อมฉันเองก็ไม่ได้เต็มใจจะออกไปกับเขา เพียงแต่ว่า เขา……”

“เขาทำไมหรอ?”หลีโม่รู้สึกฉงนสงสัย เมื่อเห็นท่าทางของหวั่นจิ้งที่น้อยอกน้อยใจเช่นนี้ หรือว่าบางทีอู๋เยี่ยนจู่ผู้นี้จะบังคับให้นางออกไป?

หวั่นจิ้งกล่าว “เขาบอก……เขาบอกว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณของพระชายา หม่อมฉันเป็นนางกำนัลในวัง พระชายาไม่สามารถตอบแทนบุญคุณ ก็เรียกให้หม่อมฉันเป็นผู้ตอบแทนบุญคุณ”

โหรวเหยาหัวรัดฟัดเหวี่ยง “คนเหยาะแหยะแบบนั้น เขาทำอะไรกับเจ้า?”

หวั่นจิ้งรีบพยักหน้า “ท่านเจ้าเมืองหายโกรธ เช่นนั้นก็ไม่มี เพียงแค่เรียกให้หม่อมฉันออกไปเป็นเพื่อนเขา เขาบอกว่าอยากจะทำความคุ้นเคยกับเมืองหลวงเพคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม