พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 850

สรุปบท บทที่ 850 อยากแสดงท่าทีความรู้สึกในใจ: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

สรุปตอน บทที่ 850 อยากแสดงท่าทีความรู้สึกในใจ – จากเรื่อง พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง

ตอน บทที่ 850 อยากแสดงท่าทีความรู้สึกในใจ ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดยนักเขียน ใบไม้แดง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 850 อยากแสดงท่าทีความรู้สึกในใจ

เมื่อได้ผ่านการต่อว่าฮ่องเต้และหมุยกุ้ยเฟยมาในครั้งก่อนแล้ว เมื่อต้องเผชิญกับความสงสัยของฮ่องเต้ในครั้งนี้ หลีโม่รู้สึกว่าจิตใจของตนเองยิ่งใหญ่อย่างไม่มีอะไรเสมอเหมือน แข็งแกร่งมากเสียงจนไม่ได้สนใจว่าเขาจะพูดอะไร

บรรพบุรุษกล่าวเอาไว้ถูกต้องแล้ว ให้ใช้ท่าทีของผู้ชนะในการเผชิญหน้าต่อเขา เพราะไม่ว่าจะน้อยอกน้อยใจเพียงแค่ไหน คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้กระทำต่อพวกเขาอย่างมีเยื่อใยด้วยเช่นเดียวกัน

อ๋องหลี่ชินด้วยว่าไม่สามารถไปยังแคว้นต้าเหลียงเพื่อเจรจาเรื่องการแต่งงาน ดังนั้นความคิดจึงไปกองอยู่ที่เรื่องการแต่งงานขององค์หญิงและเซียวเซียว

ราชวงศ์ต้าโจว ราชบุตรเขยที่ได้อภิเษกกับองค์หญิงเข้ามาไม่ได้ยกย่องอะไร นอกจากว่ามีสถานะยิ่งใหญ่ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นเซียวเซียวจึงนับว่าเป็นราชบุตรเขยกรณียกเว้นของราชวงศ์ต้าโจว

ในมือของเขาไม่ได้มีเพียงแค่อำนาจทางทหาร ซือถูเย้นได้สถาปนาให้เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เจิ้นโก๋ ซึ่งเป็นยศที่สูงที่สุดทางการทหาร เพราะว่าเดิมทีตระกูลเซียวเองก็มีโหวเจว๋ที่ได้รับสืบทอดกันมา ดังนั้นจึงไม่ใช่อำนาจนอกเหนืออะไร เซียวเซียวเองก็เป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง ซึ่งไม่จำเป็นเลย

เซียวเซียวชายที่อภิเษกกับองค์หญิงผู้นี้ ซือถูเย้นกับอ๋องหลี่ชินเองก็ได้ตระเตรียมข้าวของเครื่องใช้ของฝ่ายหญิงเอาไว้อย่างครบครัน จะบอกว่าทุกอย่างอุดมสมบูรณ์พรั่งพร้อมก็ไม่มากเกินไป

ซือถูจิ้งเดิมทีก็มีทรัพย์สินที่มั่งคั่ง บวกกับตระกูลของนางที่สูงส่ง พระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ก็ได้มอบให้นางอีกมา โดยเฉพาะอ๋องเย่ตงเองก็ได้มอบข้าวของเครื่องใช้เครื่องประดับตกแต่งอย่างมากมายขนไปในเมืองด้วยรถเป็นคัน ๆ

ก็น้องคนหนึ่งที่ได้ตบแต่งออกไป อ๋องเย่ตงใช้ข้าวของเครื่องใช้มากมายนี้เพื่อเป็นการแสดงถึงความรักที่มีต่อน้องสาว

องค์หญิงองค์โตได้รับความรับมากมายมหาศาล ต่อให้ฮ่องเต้ที่ไม่ชอบเรื่องแบบนี้ ก็ยังต้องมีรับสั่งให้ฮองเฮาหูฮวนหลิงมอบของให้นางเพิ่มอีก

ถึงแม้ว่าเซียวเซียวยังมอบตำหนักอีกที่ให้ และซือถูจิ้งเองก็มีตำหนักองค์หญิง แต่ทว่าเมื่อตกแต่งชายาใหม่เข้ามาก็ต้องกลับไปยังจวนจิ้งโก๋วเหาก่อน

ก่อนหน้าในวันแต่งงานหลายวัน หญิงท้องอย่างหลีโม่และหูฮวนซีเองก็วุ่นวายอยู่ตลอดทั้งวัน

สำคัญเลยก็คืออ๋องหลี่ชินไม่เชื่อถือคนรอบข้าง ธุระมากมายก็ล้วนต้องให้คนของตัวเองวิ่งไปทำให้

หูฮวนซีหาแม่มงคลมาหลายคนให้อ๋องหลี่ชินดูตัว แต่อ๋องหลี่ชินก็ไม่พอพระทัย เขาคิดว่าซือถูจิ้งตบแต่งออกไป แม่มงคลที่ดีที่สุดคือคนที่อยู่ในทั้งห้ายุคสมัย อีกทั้งในตระกูลทั้งสามรุ่นยังไม่มีผู้เสียชีวิตหรือมีใครตายก่อนวัยอันควรที่ปรากฏ

ภายในสามรุ่นนี่ก็นับว่ายากแล้ว โดยปกติแล้วตระกูลใหญ่ จะไม่มีเรื่องไม่ดีได้อย่างไรกันล่ะ?

นี่เป็นเรื่องที่สร้างความลำบากให้กับหูฮวนซี นางวิ่งหาไปยังสำนักทะเบียน ตรวจสอบอย่างละเอียดจนในที่สุดก็เลือกผู้เฒ่าอายุยืนยาวคนหนึ่งมาได้ ผู้เฒ่าอายุยืนยาวช่างเยี่ยมยอดเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่อยู่มาในห้ายุคห้าสมัย แต่เป็นถึงหกสมัย บัดนี้ก็มีอายุได้หนึ่งร้อยเจ็ดปี ร่างกายยังมีกำลังวังชา

แม่เฒ่าหลี่ผู้นี้ได้ยินว่าต้องแต่งตัวให้กับองค์หญิงใหญ่ ก็รู้สึกยินดีเป็นที่สุด จึงได้ตอบรับในตอนนั้น

ตัวเลือกที่เอามาเป็นผู้หวีผมมีอยู่เรียบร้อยแล้ว ส่วนคนที่จะเอามาแต่งหน้าก็ยังไม่มี อีกทั้งเขาเองก็ไม่เอาคนที่อยู่ในวังหลวงมาแต่งหน้าให้ซือถูจิ้ง โดยบอกว่าในวังหลวงมีเรื่องสกปรกมากมาย ซึ่งพวกเขาล้วนแต่แปดเปื้อนไปด้วยความโชคร้าย

หลีโม่เองก็ได้หาร้านแต่งหน้าในเมืองมามากมาย และก็ให้อ๋องหลี่ชินทอดพระเนตรเห็นถึงฝีมือของผู้อื่น ในมือของผู้เชี่ยวชาญในการตกแต่งนั้น ต่อให้หน้าตาอย่างไรก็แปลงโฉมจนสวยได้ แต่อ๋องหลี่ชินก็ยังไม่พอพระทัย

เขาบอกว่า สาวน้อยหน้าตาสะสวยอยู่แล้ว ไม่ต้องปกปิดอะไร เพียงแค่ทำให้ความงามของซือถูจิ้งโดดเด่นออกมาก็พอ

ในท้ายที่สุดหลีโม่ก็โดนบีบบังคับ ส่งหลิงลี่ไปให้อ๋องหลี่ชิน “ไม่ได้จริง ๆ ก็ใช้หลิงลี่ของพวกเรานี่แหละ”

เมื่อพูดจบ นางทรุดกายนั่งลงตรงหน้าหลิงลี่ หลิงลี่แสดงฝีมือสักตั้ง ราวกับหลีโม่เปลี่ยนไปเป็นอีกคน สวยงามจนจำแทบไม่ได้

อ๋องหลี่ชินมองนิ่งไปพัก แล้วก็มองหลิงลี่อยู่อีกสักพัก “ยอดฝีมือจริง ๆ แม้กระทั่งหลีโม่ที่มีหน้าตาน่าเกลียดก็แต่งออกมาเสียจนสวยงามขนาดนี้ได้”

หลีโม่แทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด แต่ทว่านางก็อดทน อย่างน้อย ๆ ก็จัดแจงเรื่องคนไปได้แล้ว

ซือถูเย้นถอนหายใจ คิ้วขมวดขึ้น “ฝ่าบาทเองก็พระราชทานสิ่งของมาให้ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะควรเข้าไปถวายแสดงความขอบคุณหรือไม่”

โหรวเหยาตกตะลึงไป “นี่ถ้านับกันตามกฎแล้ว เจ้าควรจะเข้าวังไปแสดงความขอบคุณ แต่ว่า ถ้าหากว่าเจ้าไม่อยากไป ก็ไม่มีใครต่อว่า คิดดูเถอะ เขาเองก็เกรงใจที่จะต่อว่าเจ้าด้วยเช่นกัน”

“พูดเช่นนี้ แต่ทว่า ข้าเองก็หวังว่าจะได้พูดกับเขาด้วยน้ำใสใจจริง ต่อไปถ้าเขาหายแล้ว มีกำลังทางการเมือง ถ้าหากยังมีใจคิดจะระวังต่อเซียวเซียว ต่อไปก็จะไม่ได้ใช้ชีวิตง่าย ๆ พวกเราไม่เหมือนกับหลีโม่ หลีโม่ต่อไปจะหลีกหนีไปยังแดนหนานกั๋ว แต่ตระกูลเซียวเป็นตระกูลใหญ่โต จะไปที่ไหนกันได้?”

หลีโม่เอ่ย “ฮ่องเต้บัดนี้ ต่อให้เจ้าควักเอาหัวใจมาวางไว้ตรงหน้าพระพักตร์ ก็ไม่มีทางเชื่อใจเจ้า”

หลีโม่เองก็มีสัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง เมื่อสองวันมานี้ที่เข้าวังไปฝังเข็ม เขาเองก็ใช้สายตาที่ไม่เป็นมิตรจ้องมองนาง จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่เชื่อว่าต้องใช้เวลาเป็นปีในการรักษาเขาคิดว่าหลีโม่กำลังเตะถ่วงเวลาการรักษาให้ล่าช้าออกไป

“เขาจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม คำพูดนี้ข้ามักจะพูดเอาไว้ก่อนแล้ว ถ้าหากเขารู้สึกว่าตระกูลเซียวมีใจคิดเล่ห์มากเกินไป เซียวเซียวก็จะออกจากกองทัพ ก็จะทำให้เขาวางใจลงได้”

“เซียวเซียวเต็มใจหรอ?”หูฮวนซีถามขึ้น

“ข้าคุยกับเซียวเซียวมาก่อน เขาหวังว่าต่อไปจะสามารถใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบได้ ไม่ได้คิดอยากจะเคลือบแคลงสงสัยคนอื่นอีก”

หลีโม่ส่ายหน้า “เกรงว่าจะไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าเขาจะหวาดกลัวเซียวเซียว แต่จะไม่ใช้เซียวเซียวก็ไม่ได้เช่นกัน บัดนี้ในราชสำนักมีแม่ทัพใหญ่คนไหนที่เทียบกับเซียวเซียวได้?ไอ้เจ็ด?เขายิ่งไม่ใช้ไปกันใหญ่”

“ทั้งกลัว ทั้งใช้ไปด้วย นี่มันนับว่าเป็นเรื่องอันใดกัน?”หลิ่วหลิ่วขมวดคิ้วในตอนที่ถาม

“เป็นฮ่องเต้ก็แบบนี้ล่ะ แผนการมากมาย ในตอนสุดท้ายก็ต้องสงสัยคนนั้นคนนี้ ”หูฮวนซีหัวเราะ “จริง ๆ พวกเราก็เหมือนกับเป็นเถ้าแก่ของธุรกิจเหมือนกันนะ ถึงแม้จะบอกว่าคนที่ใช้ไม่สงสัย คนที่สงสัยก็จะไม่ใช่ แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องถลกหนังกันออกมาดู ใครจะรู้ว่าคนไหนเชื่อได้บ้างล่ะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม