บทที่ 852 ไม่จำเป็นว่าจะต้องรักษาชีวิตเอาไว้ได้
ซือถูจิ้งย้ายกลับมาที่ในวัง แต่งงานอยู่ในวัง
เพราะว่าหลังจากนั้นนางต้องกลับมาอยู่ที่ตำหนักองค์หญิง จัดงานอภิเษกขึ้นที่ตำหนักองค์หญิงไม่ค่อยเหมาะสม ดังนั้นจึงเลือกที่จะกลับวังหลวง
อ๋องหลี่ชินไม่เห็นด้วย ก็เหมือนกับท่าทางนั้นของเขาในเมื่อก่อนที่พูดมา รู้สึกว่าในวังดูโชคไม่ดี สถานะเป็นคนในราชวงศ์ที่รังเกียจครอบครัวตัวเองแบบนี้ ก็จำต้องเป็นเขาแล้ว
แต่ทว่าจากมารยาทแล้ว ซือถูจิ้งกลับมารออภิเษก ก็นับว่าสมเหตุสมผล ในเมื่อสมเหตุสมผล อ๋องหลี่ชินก็ไม่มีเหตุผลที่จะมาคัดค้าน
นางอยู่ที่ตำหนักอีหลัน ซึ่งที่นี่ก็เป็นตำหนักที่นางอยู่อาศัยมาก่อน นางออกจากวังไปแล้ว ซุนไท่เฮาก็ไม่ยอมให้ใครเข้าไปอีกเลย ในตอนนั้นซือถูจิ้งยังหัวเราะไปแล้วพูดไปว่ากลัวว่าต่อไปนางจะแต่งออกไปไม่ได้ใช่ไหม ถึงจะต้องกลับมาอยู่ในวังในบั้นปลาย
ซุนไท่เฮาในตอนนั้นหัวเราะจนท้องขดท้องแข็ง บอกกับซือถูจิ้งไปว่า “ไม่ว่าอย่างไรในวังก็เป็นบ้านของเจ้า ถ้าหากว่าเจ้าอยู่ข้างนอกแล้วได้รับความทุกข์ใจ ก็ให้กลับมาบ้าน พี่สะใภ้จะรอเจ้าอยู่ที่นี่”
บัดนี้ คนจากไปแล้วยังอบอวลไปด้วยความหลังในวันวาน
ซือถูจิ้งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า ซุนไท่เฮายังไม่นับว่าพระชันษามาก อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ใช่อายุที่ควรจะแก่ตายไป จากไปแบบนี้ ในใจของนางก็รู้สึกขมขื่น
“องค์หญิง คิดอะไรหรือ?”ฉินจือเห็นนางลูบไล้ไปตามฉากบังลมที่ทำจากไม้จันทร์อย่างไร้สติ ก็ถามขึ้น
ซือถูจิ้งดึงสติกลับมา ยิ้มน้อย ๆ “ฉากบังลมนี้ เจ้าจำได้ไหมว่าใครเป็นคนมอบให้”
“จำได้อย่างแน่นอน ฮองไทเฮามอบให้ รู้ว่าองค์หญิงทรงชอบดอกโบตั๋ว ก็เลยรับสั่งให้ช่างแกะสลักลายดอกโบตั๋น ดูสิเพคะ ลวดลายดูมีชีวิตชีวา ช่างงดงามยิ่งนัก”ฉินจือจ้องมองที่ดอกโบตั๋นบนฉากกั้นลม ยื่นมือออกไปลูบไล้ ก็รู้สึกเศร้าใจ
ซือถูจิ้งถอนหายใจ “นางตั้งตารอว่าข้าจะตบแต่งออกไปได้ บัดนี้ข้าจะแต่งงาน แต่นางกลับไม่อยู่แล้ว”
พี่สะใภ้คนโตเป็นดั่งแม่ บิดาและมารดาของนางต่างจากไป พี่สะใภ้ก็เป็นดั่งมารดาของนาง
“องค์หญิงอย่าได้โทมนัส ไทเฮาทรงรับรู้ว่าพระองค์มีความสุข ก็จะสบายพระทัยเป็นอย่างมาก”ฉินจือปลอบโยน
ซือถูจิ้งเก็บอารมณ์ท่าที “มีความสุข?ไม่รู้สิ เพียงแค่ มีเขาอยู่ ต่อให้ตาย ก็เพียงพอแล้ว”
ถ้าหากว่าไม่มีคนขัดขวาง พวกเขาก็จะมีความสุขเป็นอย่างมาก เพียงแค่บัดนี้ฝ่าบาท……
นางถอนหายใจอีก “เก็บของเสร็จแล้ว ตามข้าไปตำหนักซีเวย”
“องค์หญิง!”โฉงหวาเข้ามา “พระองค์จะเสด็จไปพบฝ่าบาทจริง ๆ หรือ?”
“ก็ต้องไปพบสิ”
“แต่ เหมือนพระชายาจะบอกว่า บัดนี้ฝ่าบาทไม่ไว้พระทัยใครหน้าไหน พระองค์เสด็จไป เกรงว่าจะเปลืองคำพูดไปก็เท่านั้น ถ้าหากว่าฝ่าบาทได้มีรับสั่งอะไรทำให้พระองค์ไม่สบายพระทัย อีกทั้งยังกระทบต่อสถานการณ์ของตนเองด้วย”โฉงหวาหวั่นเกรงว่าฝ่าบาทองค์นั้น ในปีนั้น ถ้าไม่ใช่เขาทัดทาน เกรงว่าลูกขององค์หญิงจะเติบใหญ่กันไปมากแล้วด้วยซ้ำ
บัดนี้องค์หญิงทำอะไรก็ระมัดระวังตัว พวกนางเหล่านี้เป็นทาสรับใช้ที่ติดตามข้างกาย ก็ต้องพลอยระวังตัวไปด้วย กลัวเพียงอย่างเดียวก็คือเรื่องนอกเหนือความคาดหมาย……เฮ้อ คิดก็ไม่กล้าจะคิด กลัวว่าจะคิด ๆ ไปแล้วจะกลายเป็นจริง
ซือถูจิ้งปรับท่าทางขึ้น “ไม่สน พูดในสิ่งที่ควรพูด เขาอยากจะคิดอะไรมันก็เรื่องของเขา”
ฉินจือรู้ดีว่าโน้มน้าวนางไม่ได้ และก็รู้ว่าในใจของนางตอนนี้กำลังหวาดกลัวเป็นอย่างมาก องค์หญิงเฝ้ารอวันนี้มานาน นางกลัวคำว่าถ้าเป็นอย่างมาก ดังนั้น นางจึงพยายามที่จะรักษาความสุขของตัวเอง แม้จะรู้ว่าการทำแบบนี้อาจจะไร้ผล
จัดเก็บอย่างง่าย ๆ สักพัก ทั้งสองคนก็ติดตามนางไป
วันนี้หลีโม่เข้าวังมาฝังเจ็ม ในตอนที่ซือถูจิ้งเข้ามา หลีโม่เองก็เพิ่งสั่งยาตำรับใหม่ ถึงแม้ว่าจะมีตัวยาอยู่สองตัว แต่ต้องรู้เลยว่าฤทธิ์ยาพวกนั้นส่งผลดีมาก ยังต้องลองให้มีความชัดเจน
วันนี้หมุยกุ้ยเฟยเองก็เสด็จมา อยากจะมาพูดคุยกับหลีโม่ แต่หลีโม่ไม่สนใจนาง นางจึงรออยู่ข้าง ๆ อย่างกระมิดกระเมี้ยน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...