พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 853

สรุปบท บทที่853 จนถึงที่สุดเจ้าก็ไม่เชื่อใคร: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

ตอน บทที่853 จนถึงที่สุดเจ้าก็ไม่เชื่อใคร จาก พิษรักองค์ชายโฉมงาม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่853 จนถึงที่สุดเจ้าก็ไม่เชื่อใคร คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ที่เขียนโดย ใบไม้แดง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่853 จนถึงที่สุดเจ้าก็ไม่เชื่อใคร

ในห้องบรรทม อบอวลไปด้วยกลิ่นไอของยา

ซือถูจิ้งนั่งอยู่ด้านหน้าของเตียง ในมือถือยาที่มีไอร้อนระอุพวยพุ่ง ถ้วยยาสีแดงอิฐที่ไม่มีลวดลายสลัก ซือถูจิ้งหยิบเอาช้อนขึ้นมาคนเบา ๆ แล้วก็ค่อย ๆ เป่าสักพัก ถามขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ฝ่าบาททรงรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วหรือไม่?”

ฝ่าบาทนับตั้งแต่ซือถูจิ้งเข้ามาในตำหนัก พลันก็เอนอยู่ที่เตียงแล้วหลับตา ในตอนที่ซือถูจิ้งนั่งลงนั้น เขาก็ไม่ได้ลืมขึ้น เพียงแค่แข็งขืนตัวขึ้นเล็กน้อย ราวกับตื่นตัวระแวดระวังรอบกาย

ในตอนนี้ที่ซือถูจิ้งส่งเสียงขึ้น เขาถึงค่อย ๆ ลืมตา โดยที่ไม่ได้มองไปทางซือถูจิ้ง เพียงแค่จ้องมองถ้วยยาสีแดงอิฐที่อยู่ในมือของนาง “ดีขึ้นมากแล้ว เสี่ยวกูกูช่างมีน้ำใจ”

ซือถูจิ้งส่งเสียงตอบอืม “เช่นนั้นก็ดีแล้ว”

นางหยิบช้อน ยกชามจ่ออยู่ตรงริมฝีปากเขา “ยาเย็นแล้ว เสวยก่อนเถอะเพคะ”

นางไม่ได้เอาช้อนป้อนให้เขา นางคิดอยากจะทำท่าทีสนิทสนม อยากจะยกเอาอำนาจบัญชาสวรรค์ยกออกไปไว้ข้าง ๆ ก่อน พูดแค่เพียงเรื่องความสัมพันธ์ฉันสายโลหิต แต่ในท้ายที่สุดแล้วนางเองก็ทำไม่ได้เสียก่อน

ฮ่องเต้ไปตามมือของนาง เอายาขึ้นดื่มจนหมด จากนั้นก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ

ซือถูจิ้งหยิบเอาผ้าเช็ดหน้า ส่งให้กับเขา ฝ่าบาทรับเอามา เช็ดตรงมุมปากด้วยตัวเอง เอ่ยขึ้นกับตัวเองอย่างเย้ยหยัน “เสี่ยวกูกูวางตัวห่างเหินกับข้า ถ้าหากว่าเป็นเมื่อก่อน เสี่ยวกูกูจะต้องเช็ดให้แทนข้า”

ซือถูจิ้งเองก็หัวเราะสักพัก “เพคะ ดูห่างเหิน เมื่อก่อน หม่อมฉันชอบตามหลังของฝ่าบาทมากที่สุด”

ฮ่องเต้จ้องมองนาง “แค่ชั่วพริบตา เจ้าก็โตแล้ว ช่างคิดถึงเมื่อก่อนจริง ๆ”

“ไม่ใช่ว่าโตหรอกเพคะ แก่แล้วต่างหาก”ซือถูจิ้งมีรอยยิ้มประดับเอาไว้ เพียงแค่ว่ารอยยิ้มนั้นดูจางลง มองเห็นความทุกข์ระทมได้อย่างราง ๆ

ฮ่องเต้สะดุดชะงักไปเล็กน้อย ยื่นมือจับเอาผ้าห่ม ค่อย ๆ ดึงขึ้นมา แล้วก็ถอนหายใจ “เมื่อครู่ข้ารับใช้บอกว่าวันนี้น่าจะฝนตก ไม่รู้ว่าวันที่ท่านแต่งงาน จะฝนตกไหมนะ”

สายตาของเขามองข้ามผ่านซือถูจิ้งไป ราวกับกำลังมองไปทางด้านนอก แต่ ผ้าม่านหนัก ๆ ประตูตำหนักที่ปิดสนิท จะมองเห็นด้านนอกกันเสียที่ไหน?

เห็นได้ชัดเลยว่ามีความประหม่าหวั่นเกรง

“ฝนจะตกหรือไม่ตก ก็ไม่ได้สำคัญอะไร”

“นั่นสินะ ไม่ได้สำคัญอะไร เจ้าแต่งกับเซียวเซียว ก็เป็นเพราะความเต็มใจ ข้ารู้สึกมีความสุขแทนท่านจริง ๆ”ฮ่องเต้เอ่ย

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”ซือถูจิ้งจ้องมองที่เขา “เพียงแค่ หม่อมฉันหวังว่าฝ่าบาทจะรับสั่งจากใจจริง”

ฮ่องเต้ค่อย ๆ เก็บงำสายตาลง แล้วหยุดลงอยู่ที่ใบหน้าของซือถูจิ้ง นำพาไว้ด้วยการประเมินตัดสิน “ท่านรู้สึกว่า ตัวข้าไม่จริงใจรึ?”

ซือถูจิ้งยิ้ม ด้วยใจที่ไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวโดยตลอด แต่ในตอนที่สงสัยเขาอยู่นั้น เขาก็รีบดึงเอาหนามรอบตัวขึ้นในทันที

“ไม่ใช่ว่าหม่อมฉันรู้สึก แต่เป็นด้วยหม่อมฉันหวังว่า”ซือถูจิ้งค่อย ๆ หุบยิ้ม พูดขึ้นด้วยความจริงจัง “หม่อมฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับคำอวยพรจากพระองค์ ในพระทัยพระองค์ควรจะเข้าใจ ว่าหม่อมฉันใส่ใจต่อพระองค์ กระทั่งว่ามากกว่าไอ้เจ็ดมากกว่าเจ้าสองเจ้าสาม”

ฮ่องเต้แย้มพระสรวล “ใช่สิ นับตั้งแต่เล็กท่านชอบมาเกาะติดกับข้า และไม่ยอมใกล้ชิดกับคนอื่น ทำเอาเสียจนไอ้เจ็ดก็ชอบมาเกาะติดอยู่กับข้า ในตอนนั้น ท่านค่อนข้างให้ความสำคัญกับข้า เพียงแค่เมื่อค่อย ๆ เติบโตขึ้น ท่านก็สนิทสนมกับไอ้เจ็ด”

ซือถูจิ้งเช็ดใบหน้า พลันเอ่ยขึ้นทันทีว่า “เพราะว่าหลังจากที่พระองค์หายแล้ว ก็ยังเป็นฮ่องเต้ พระองค์ยังมีอำนาจที่จะสังหารหม่อมฉันกับเซียวเซียวได้ หม่อมฉันอยากจะมาพูดกับพระองค์ ว่าเซียวเซียวไม่มีวันกบฏ ถ้าหากว่าเขาคิดกบฏ หม่อมฉันจะเป็นคนสังหารเขาก่อนเอง แล้วค่อยฆ่าตัวตาย แต่พระองค์ทรงเชื่อที่หม่อมฉันพูดสิ่งเหล่านี้หรือไม่?หม่อมฉันแต่งให้กับเซียวเซียว แต่ว่าหม่อมฉันเป็นคนของตระกูลซือถู เพราะอะไรพระองค์ถึงรู้สึกว่าหม่อมฉันรักเซียวเซียว ถึงจะสามารถอดทนที่เขาจะช่วงชิงดินแดนไปจากตระกูลซือถูได้”

ฮ่องเต้จดจ้องอยู่ที่นาง ราวกับกำลังแยกแยะความจริงความเท็จในคำพูดของนาง ซึ่งเหมือนกับกำลังสำรวจความจริงใจของนางไปด้วย

“ฝ่าบาทยังทรงไม่เชื่อหม่อมฉัน ใช่หรือไม่?ซือถูจิ้งยิ้มออกมาอย่างเสียใจ “หม่อมฉันหลงคิดไปว่า อย่างน้อย ๆ พระองค์ควรจะเข้าใจหม่อมฉัน พระองค์เห็นหม่อมฉันโตมาไงเล่า””

ฮ่องเต้จ้องมองที่นาง “อภิเษกกับเซียวเซียว สำหรับท่านแล้วสำคัญถึงเพียงนั้น?ท่านชอบพูดว่าข้าไม่สามารถเข้าใจท่านได้ แล้วท่านเล่าเคยเข้าใจข้าหรือไม่?มีประโยคหนึ่งที่ท่านพูดเอาไว้ดีมาก ว่าท่านเป็นคนของตระกูลซือถู ดินแดนนี้ก็มีส่วนหนึ่งที่เป็นของท่าน แต่ท่านไม่สามารถคิดแทนตระกูลซือถูได้หรือ?ในตอนที่ข้ายังอยู่ ยังสามารถควบคุมตระกูลเซียวได้ ถ้าหากว่าข้าไม่อยู่ล่ะ?ตระกูลเซียวยิ่งใหญ่ขึ้น ต่อให้เซียวเซียวและเซียวโธ่ไม่มีใจทะเยอทะยาน แต่ก็ยากที่จะรับรองถึงต่อไป เสี่ยวกูกู ท่านเข้าใจไหม?ว่าข้าคิดแทนให้กับดินแดนแคว้นตาโจว”

ซือถูจิ้งถอนหายใจออกมาเบา ๆ ช้อนตาขึ้นมองที่เขา “พระองค์ก็ยังไม่เต็มพระทัยที่จะอวยพรหม่อมฉันใช่หรือไม่?”

ฮ่องเต้คิดอยู่ครู่หนึ่ง จ้องมองนางอย่างพิจารณาแล้วถามว่า “เมื่อครู่ที่เจ้าบอกว่า เมื่อข้าหายดีแล้วจะควบคุมการเมืองใหม่ ใครบอกกับเจ้ากัน?”

ซือถูจิ้งยิ้มขึ้นอย่างเย้ยหยัน ยากที่จะปิดบังความเสียใจในดวงตา “ฝ่าบาททรงไม่เชื่อว่าหลีโม่จะรักษาพระองค์ได้ ไม่เชื่อว่าไอ้เจ็ดจะกลับมาหาพระองค์?”

ฮ่องเต้ไม่ตรัสตอบ ความเป็นจริงแล้ว เขาไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น

ทุกคนล้วนคิดว่าเขาลำเอียง แต่ว่าใครกันจะสามารถรับรู้ถึงความทุกข์ใจของเขาได้?

นั่นสิ เขาเห็นแก่ตัวจริง ๆ แต่ว่า ก็ล้วนมีคนเห็นแก่ตัวประเภทนี้ ใครบ้างเต็มใจจะไปตาย?ใครบ้างที่จะไม่ยึดติดในอำนาจ?เขาอยู่ในช่วงวัยกลางคน ยังมีความทะเยอทะยานของเขาอีกหลายอย่างที่ยังไม่กลายเป็นความจริง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม