พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 890

สรุปบท บทที่ 890 ต้าฉินของฉินโจว: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

สรุปตอน บทที่ 890 ต้าฉินของฉินโจว – จากเรื่อง พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง

ตอน บทที่ 890 ต้าฉินของฉินโจว ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดยนักเขียน ใบไม้แดง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 890 ต้าฉินของฉินโจว

หูฮวนซีรู้ว่าเขาน่าจะไปแล้ว ดังนั้นจึงได้บอกให้ซือถูจิ้งให้รู้ก่อน

ซือถูจิ้งกับเซียวเซียวไปห้ามเขาไว้ ไม่ให้เขาออกไปเร่รอนอีก หาแบบไม่มีความหวังเช่นนี้ จะต้องตามหาไปถึงเมื่อไหร่?

“เจ้าไม่ต้องไปอีกแล้ว แผ่นดินประเทศนี้ เจ้าจะทอดทิ้งเพื่อหลีโม่จริงๆหรือ? ตอนนี้อำนาจของฮ่องเต้ยังไม่เข้มแข็งพอ เสด็จพี่กับขุนนางหลี่ก็อายุมากแล้ว อ๋องเย่ก็เป็นคนรักอิสระคนหนึ่ง จะให้พึ่งใครได้อีก?” ซือถูจิ้งพูดออกมาจากใจอย่างขมขื่น

ซือถูเย้นเก็บข้าวของของหลีโม่ แม้แต่เครื่องสำอางที่หลีโม่เคยใช้ก่อนหน้านี้ เขาล้วนเก็บรักษาไว้อย่างดี ฟังคำพูดของซือถูจิ้งแล้ว สีหน้าของเขาไม่แสดงอาการใดๆ พูดอย่างเรียบเฉยว่า “ฮ่องเต้ไม่มีข้า ก็ยังมีขุนนางที่ดีที่คอยช่วยเหลืออีกมากมาย”

ซือถูจิ้งดึงแขนเสื้อของเขาไว้ พูดขอร้องว่า “เจ้าอย่าไปเลย เจ้าไปแล้ว ถ้ายังต้องเป็นห่วงเจ้าอีก หลีโม่ไม่มีทางกลับมาแล้ว เจ้าไม่ต้องไปตามหาแล้ว ดีไหม?”

เซียวเซียวมองดูซือถูจิ้ง แล้วพูดว่าเสียงเบาว่า “ช่างเถอะ ให้เขาไปเถอะ”

พวกเขาต่างก็รู้ ว่ามีความทุกข์อย่างหนึ่ง ต่อให้ใช้ทั้งหัวใจที่มีไปอดกลั้น แต่สุดท้ายก็จะมีวันที่จากพังทลาย เขาเดินอยู่บนเส้นทาง อย่างน้อยในใจก็ยังก็ยังมีความหวัง

ปล่อยวางแล้ว ก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว

ซือถูจิ้งร้องไห้จนใจแทบขาด “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? หลีโม่ไปที่ไหนแล้วกันแน่? หากเจ้าตายแล้ว เจ้ายังมีวิญญาณอยู่ไหม? สามารถมองเห็นไหมว่าไอ้เจ็ดบ้าเพื่อเจ้าไปแล้ว?หากเจ้ายังไม่ตาย แล้วเจ้าอยู่ที่ไหน?”

เสียงที่ตอบนาง มีเพียงเสียงลม ยังมีสีหน้าหมดหวังของซือถูเย้นใบนั้น

ในที่สุดซือถูเย้นก็จะไปอีกแล้ว มามามาส่งเขาที่หน้าประตู เสียงเท้าม้าดังขึ้นพร้อมฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย ไม่รู้ว่าน้ำตาคลอทำให้ตามัวหรือสายตัวของเขามัว

นางยืนอยู่ที่หน้าประตูจวนนานมาก จนหวั่นจิ้งออกมาดึงนางเข้าไป นางถึงค่อยๆเดินกลับไป

ปีนี้มามาอายุหกสิบแล้ว ปีที่แล้วหกล้มไปหนึ่งครั้ง เดินเหินจึงไม่ค่อยสะดวก นางเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ก็รู้สึกเข่าอ่อน นั่งลงตรงหน้าระเบียง

เนิ่นนาน นางค่อยพูดกับหวั่นจิ้งว่า “แม่นมในจวน ล้วนไล่กลับไปเถอะ”

แม่นมหลายคนนั้น นางคัดเลือกมาเองกับมือในก่อนหน้านี้ เลือกไว้อยู่ตลอด ถึงแม้หลีโม่จะหายตัวไปจนถึงตอนนี้ผ่านไปสองปีแล้ว นางก็ยังคงเก็บไว้อยู่

หวั่นจิ้งตกใจเล็กน้อย “มามา ท่านคิดว่าพระชายาจะไม่กลับมาอีกแล้วหรือ?”

มามามองดูท้องฟ้ายามรุ่งอรุณ “นางจะกลับมา แต่อ๋องซื่อจือสองขวบแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีแม่นมแล้ว”

เงียบไปสักพัก นางก็พูดอีกว่า “ยังมี เสื้อผ้าผืนเล็กที่ข้าทำไว้ให้อ๋องซื่อจือ ก็เอาไปเก็บไว้ในตู้ก่อน ผ้าห่อตัวพวกนั้นล้วนไม่ได้ใช้แล้ว พรุ่งนี้ข้าจะทำใหม่ รอพระชายากับอ๋องซื่อจือกลับมา”

หวั่นจิ้งเงียบไม่พูดอะไร ยังไงนางก็ยังมีสติอยู่ คิดว่าพระชายาคงสิ้นไปแล้ว

แต่ทุกคนต่างก็ไม่คุยถึงเรื่องนี้กัน แม้แต่อู๋เยี่ยนจู่ก็ไม่คุย

“เสี่ยวเตาก็ไปแล้วสองปี ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?” หวั่นจิ้งถาม

มามาถอนหายใจ “หากเท้าของข้าแข็งแรงดี ข้าก็อยากออกไปตามหา ข้าไม่เชื่อว่า คนดีๆคนหนึ่ง บอกว่าไม่มีก็ไม่มีแล้วหรือ”

แต่คนพวกนั้นไม่ใช่พระชายา พระชายาไม่มีทางจากไปง่ายๆแบบนี้ ในใจของนางพระชายาเป็นคนพิเศษ นางเข้าวังไปตั้งแต่อายุยังน้อย ช่วงวัยที่ดีที่สุดล้วนใช้อยู่ในวังนั่น เดิมมีโอกาสออกจากวัง แต่ตอนนั้นฮองเฮาเพิ่งเข้าไปอยู่ในวัง จึงเหลือนางไว้อยู่รับใช้

ถึงแม้ฮองเฮาจะเอ็นดูนาง แต่ในสายตาฮองเฮา นางก็เป็นแค่คนรับใช้ที่ดีเท่านั้น

มีเพียงพระชายา ที่เห็นนางก็เป็นคน

นางเป็นแค่บ่าวใช้คนหนึ่ง แต่พระชายาให้เกียรตินาง

พวกเขาที่เป็นบ่าวใช้นี้ อายุถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ขาดเงินอยู่แล้ว สิ่งที่ขาดคือความสนิทสนมกับความได้รับการให้เกียรติ

เด็กคนนั้น นางอุตส่าห์ขอมาจากเจ้าแม่กวนอิมตั้งเนิ่นนาน ไม่เชื่อว่าจะสูญสิ้นไปกับพระชายาแบบนี้

“หวั่นจิ้ง ช่วงนี้ในใจข้าอึดอัดมาก ข้ากลัวว่าข้าอายุมากแล้ว ร่างกายไปแข็งแรง รอไม่ถึงวันที่พระชายากลับมา และก็ไม่ได้เจอหน้าอ๋องซื่อจือ”

ดังนั้น ตอนที่ฉินโจวจะแต่งตั้งนางเป็นองค์หญิงเจิ้นโก๋ของแคว้นฉิน นางจึงปฏิเสธ

นางอยากมีชีวิตที่ปกติธรรมดา

หลังจากงานอภิเษกของอ๋องเหลียงผ่านพ้นไปแล้ว จิ่งได้พาโหรวเหยากลับมารับตำแหน่งที่แคว้นฉิน

เข้าวังพบฉินโจวแล้ว โหรวเหยาก็ได้พูดถึงเรื่องที่ซือถูเย้นกลับมายังเมืองหลวง

สองปีมานี้ ฉินโจวหาคนที่จะพูดถึงนางไม่ได้สักคน ตลอดจนคนหรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนาง

โหรวเหยาพูดขึ้นมา ฉินโจวรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลก

“เขายังคงไม่ยอมปล่อยวาง” ฟังโหรวเหยาพูดว่า ฉินโจวถอนหายใจหนึ่งที

ชุดของฮ่องเต้เป็นสีเหลืองประกายแวววาว บนหัวปักด้วยปิ่นหยก สีหน้ายิ่งเยือกเย็นสง่า เผยให้เห็นถึงความเป็นฮ่องเต้อย่างหาที่สุดไม่ได้

โหรวเหยามองดูคนตรงหน้าคนนี้ มีความรู้สึกเหมือนว่า นางเป็นผู้ชาย

“จะปล่อยวางง่ายๆได้อย่างไร?” ฉินโจวพูดขึ้นอย่างโศกเศร้า ดวงตาเยือกเย็น

“อย่าว่าแต่เขา ข้าเองเมื่อไหร่ที่คิดถึงหลีโม่ ในใจก็เจ็บปวดมาก” โหรวเหยาพูดขึ้น

“ใช่ เจ็บปวดมาก” ฉินโจวก็พูดขึ้น

ความรู้สึกแบบนั้น คนที่ไม่เคยเป็น จะรู้ได้อย่างไร?

คนต่างก็พูดว่า เวลาเป็นสิ่งที่ไร้เยื่อใยที่สุด กลับวันเวลาที่ผ่านไป ความเจ็บปวดอะไรก็จะถูกกลบกลื่อน

แต่นางกลับคิดว่า เวลาที่ไร้เยื่อใยที่สุดจริงๆ แต่กลับวันเวลาที่ผ่านไป ความเจ็บปวดบางอย่าง กลับยิ่งอยู่ยิ่งชัดเจน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม