พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 892

บทที่ 892 เด็กน้อยหู่เถา

ฉินโจวไม่ค่อยอยากเข้าไป อยากที่จะไปนั่งตรงร้านตรงข้ามมากกว่า มองดูคนในสำนักงานเข้าออก

ดังนั้น นางพูดว่า “เจ้าดูคนอื่นมีผู้ป่วยเยอะขนาดนี้ แสดงว่าท่านหมอท่านนี้น่าจะเก่งมาก ข้าว่าพวกเราอย่าเข้าไปเลย”

ที่จริงโหรวเหยาก็อยากที่จะถอยทัพแล้ว ที่สำคัญคือนางรู้ฝีมือทางการแพทย์ของตัวเองดี ตัวเองยังด้อยความสามารถแต่คิดจะไปสั่งสอนคนอื่น ตอนแรกที่มาก็เพราะโกรธที่สูตรถูกเปลี่ยน ตอนนี้เห็นคนอื่นพอมีฝีมือ ก็ไม่กล้าเข้าไปแล้ว

ฉินโจวพูดเช่นนี้อีก พอดีกับที่นางก็ไม่อยากไปแล้ว จึงพูดว่า “งั้นก็ช่างเถอะ ครั้งหน้าค่อยมา วันนี้ผู้ป่วยเยอะ ว่าเขาต่อหน้าผู้ป่วยก็ไม่ค่อยดี”

จิ่งรู้จักนางดี ได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็หัวเราะพูดขึ้นว่า “ไหนๆก็มาแล้ว เราเข้าไปดูหน่อยไหม จะได้ให้ท่านหมอหยุ่นเอ๋อคนนั้นช่วยตรวจชีพจรให้เจ้าด้วย”

“ก็ดี” โหรวเหยาอยากที่จะรู้จักจริงๆ หากไม่ใช่เป็นการให้นางไปหาเรื่อง เข้าไปดูเฉยๆนางพอใจอย่างมาก

ฉินโจวพูดว่า “งั้นพวกเจ้าเข้าไปเถอะ ข้าไปนั่งรอที่ร้านชาด้านข้าง”

“ได้” โหรวเหยาดึงมือจิ่งแล้วก็เดินเข้าไป

ในเป่าหยวนถังมีหมอหลายคน ตรงหน้าหมอแต่ละคนล้วนมีคนต่อแถวอยู่ จิ่งกับโหรวเหยาไม่รู้ว่าคนไหนเป็นท่านหมอหยุ่นเอ๋อ

มองดูแล้ว จิ่งจึงถามผู้ป่วยด้านข้างว่า “ท่านหมอหยุ่นเอ๋ออยู่ที่ไหน?”

ผู้ป่วยคนนั้นมองดูเขา รู้ว่าเขามาจากที่อื่น จึงพูดว่า “ปกติหมอหยุ่นเอ๋อจะมารักษาตอนกลางคืน”

“นี่ตอนกลางคืนยังมีหมอรักษาอยู่?” โหรวเหยาตกใจ หมอของโรงหมอปกติ ตอนกลางคืนต่างก็ปิดทำการกัน แล้วให้เด็กเก็บยาหรือลูกศิษย์อยู่เฝ้าร้าน เพื่อป้องกันตอนกลางคืนมีคนมาขโมยยา

ส่วนหมอ นอกจากมีผู้ป่วยฉุกเฉิน ถึงจะมาโรงหมอ ไม่อย่างนั้นหากต้องการพบ ก็ต้องไปหาถึงที่บ้านหมอ มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ค่ารักษาฉุกเฉินแพงกว่าการมารักษาตามเวลาปกติหลายเท่า

“ใช่ ท่านหมอหยุ่นเอ๋ออยู่รักษาตอนกลางคืน”

ในเมื่อท่านหมอหยุ่นเอ๋อไม่อยู่ จิ่งกับโหรวเหยาจึงไม่ดูแล้ว ไปหาฉินโจวที่โรงน้ำชา

ทั้งสองคนเพิ่งออกมาจากประตู ก็เห็นเด็กอายุประมาณสองขวบกำลังเดินผ่านมา เด็กคนนั้นหน้าตาดีมาก ผิวขาวนุ่มนวล ดวงตากลมโต ขนตางอนยาวเหมือนดั่งพัด มือน้อยอ้วนๆของเขากำหมัดแน่น เดินอย่างตั้งใจมาก

ด้านหลังเด็กคนนี้ไม่มีใครตามมาด้วย โหรวเหยามองดูรอบๆแล้ว จึงถามว่า “เด็กน้อย แม่ของเจ้าล่ะ?”

เด็กคนนั้นก็ไม่กลัวคนแปลกหน้า เงยหน้ามองดูโหรวเหยา ส่ายหัว “อาเหนียงไม่รู้”

เดินยังไม่ค่อยคล่อง แต่พูดจากลับชัดเจนมาก

โหรวเหยาชอบใจมาก จึงพูดว่า “เจ้าเดินออกมาเองหรือ?”

“หาอาเหนียง” เด็กคนนั้นพูดขึ้นอีก

โหรวเหยามองดูผู้คนที่เดินไปมา และก็ไม่เห็นมีใครออกมาตามหาเด็ก จึงกำลังอยู่ว่าแม่คนไหนกันที่พาลูกมาเดิน แล้วปล่อยลูกทิ้งๆขว้างๆไว้ตามถนนจนหายแบบนี้

“ไม่ได้ จะตามไปตามหาแม่ของเขา” โหรวเหยาพูดกับจิ่งว่า “มีคนเดินไปมาเต็มไปหมด ยังมีรถม้า หากเด็กคนนี้วิ่งไปที่ถนนใหญ่ อาจจะบาดเจ็บได้ หากพวกขี้ขโมยเห็นเข้า แล้วคิดร้ายขึ้นมา เด็กคนนี้ก็จะโชคร้าย”

พูดเสร็จ นางจึงอุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมา แล้วถามว่า “อาเหนียงอยู่ที่ไหน เจ้ารู้ไหม?”

เด็กน้อยชี้ไปที่ด้านหลัง “อาเหนียงอยู่ที่นั่น”

โหรวเหยาพูดว่า “งั้นก็ดี เดี๋ยวน้าพาเจ้าไปหาอาเหนียง”

เด็กน้อยก็ไม่ดื้อ มือน้อยอ้วนๆกอดคอโหรวเหยาไว้ โหรวเหยายิ้มพูดว่า “เจ้าอ้วนน้อยนี่ หนักจริงๆ”

จิ่งได้ยินแล้วจึงพูดว่า “ข้ามาอุ้มเอง”

เด็กคนนั้นกลับไม่ยอม หัวหน้าไปทางอื่น แล้วซบไหล่โหรวเหยาไว้ “ไม่เอาคุณลุงมีหนวด”

โหรวเหยาหัวเราะชอบใจ “ได้ พวกเรารังเกียจคุณลุงมาหนวด”

จิ่งลูบคางของตัวเอง เขามีหนวดที่ไหนกัน? แค่หลายวันนี้เดินทางมาตลอดไม่ได้โกนหนวดเฉยๆ และก็ยาวมานิดเดียวเอง ไม่น่ากลัวเลยสักนิด

เด็กคนนี้ช่างใจเสาะจริงๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม