บทที่ 906 แก้แค้นแทนลูกสาวของข้า
ก่อนที่หลีโม่จะออกจากบ้าน ซือถูเย้นได้ให้โหรวเหยาไปตามเตาเหล่าต้ามา
เพราะหลีโม่ยังไม่เคยเห็นเตาเหล่าต้า ดังนั้นจึงให้เตาเหล่าต้าสะกดรอยตาม ยังไงเขาก็ยังไม่วางใจ
ตั้งแต่เตาเหล่าต้ารู้ว่าหลีโม่ยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่เคยเห็นเขา ตอนที่โหรวเหยาไปบอกให้เขาสะกดรอยตามหลีโม่ เขาดีใจอย่างที่สุด เตรียมตัวเรียบร้อยแล้วก็ขี่ม้าไปทันที
เตาเหล่าต้าไปแล้ว เขาก็ตามไปด้วย แต่ระยะห่างระหว่างเขากับหลีโม่ค่อนข้างห่างไกล
โหรวเหยาบอกกับเขาว่าพระชายาจะพาฉู่จิ้งไปกราบไหว้หลุมศพคนคนหนึ่ง แต่เมื่อพวกเขามาถึงตีนดอย หลีโม่ก็ให้คนปล่อยฉู่จิ้งลงมา แล้วสั่งให้เอาฉู่จิ้งโยนขึ้นไปบนหลังม้า แล้วตัวนางเองจูงม้าไปคนเดียว ค่อยๆเดินขึ้นเขา
เตาเหล่าต้ารู้สึกแปลกใจ โหรวเหยาบอกว่า พระชายาเห็นฉู่จิ้งเป็นพ่อ แต่โยนขึ้นไปบนหลังม้าแบบนี้ ไม่กลัวเขาเจ็บหรือ?
เตาเหล่าต้ามองอยู่ไกลๆ ก็รู้สึกว่าฉู่จิ้งก็ดูเหมือนจะไม่เจ็บอะไร เพราะไม่ได้ยินเสียงเขาพูดอะไร แม้แต่ใบหน้าก็ไม่แสดงอาการใดๆ
มุ่งหน้าเดินเข้าไปในเขาลึก เตาเหล่าต้ายิ่งรู้สึกหวาดกลัว
ในที่สุดนางก็หยุดฝีเท้า
เตาเหล่าต้ามองไปรอบๆ บนพื้นนี้มีรอยเท้าของสัตว์ร้าย สถานที่นี้ เสือ หมาป่าน่าจะมีไม่น้อย
พระชายาพาฉู่จิ้งมากราบไหว้หลุมศพใครหรือ?
เขาซ่อนตัวไว้อย่างดี หมอบอยู่หลังดอยเล็กๆ โผล่เพียงดวงตากับหัวมองดูอยู่ แต่ยังไงระยะห่างก็ค่อนข้างไกล มีก้อนหินขนาดใหญ่บดบังอยู่ เขาจึงมองเห็นไม่ค่อยชัดเจน และก็ไม่ได้ยินความเคลื่อนไหวตรงนั้น
ซือถูเย้นเห็นเตาเหล่าต้าหยุดฝีเท้า เขาก็หยุดฝีเท้า แต่เขาอยู่ด้านล่างลงมาหน่อย มองไม่เห็นสถานการณ์ด้านบน
อยากเข้าไปดู แต่เตาเหล่าต้ามีท่าทีตกอกตกใจ กลัวว่าเขาเห็นแล้วเขาจะส่งเสียงดัง จึงใช้วิชาตัวเบาขึ้นไปบนต้นไม้ สามารถมองเห็นม้า แต่มองไม่เห็นหลีโม่กับฉู่จิ้ง เขารู้ว่าหลีโม่พาฉู่จิ้งไปไหนไม่ได้ น่าจะหยุดนั่งพักผ่อนกัน
หลีโม่ปล่อยฉู่จิ้งลงอย่างรุนแรง ผลักเขาตกลงมาจากหลังม้า ฉู่จิ้งตกกลิ้งลงบนพื้นไปสองรอบ ส่วนหัวชนใส่ต้นไม้หนึ่งต้น ส่งเสียงร้องอย่างดัง
เมื่อวานตอนกลางคืน ฝนตกลงมาอย่างหนัก ใบไม้บนพื้นที่หนาเปียกชื้นอยู่ แสงแดดส่องไม่ถึงในป่าทึบ ฉู่จิ้งกลิ้งลงไปทำให้ชุดเสื้อคลุมของเขาเปียกไปหมด
หลีโม่ค่อยๆคุกเข่าลง ประคองเขาขึ้นมา แล้วหยิบกระเป๋าเข็มออกมา คลายสะกดจุดให้เขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย
ฉู่จิ้งอัดอั้นอยู่นาน เมื่อร่างกายเป็นอิสระแล้ว ก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? เจ้าอยากทำอะไรกันแน่?”
สีหน้าหลีโม่นิ่งเฉย หยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมาจากบนหลังม้า โยนซองมีดสั้นลงกับพื้น หันกลับไปมองฉู่จิ้ง พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ข้าเคยบอกแล้ว ความทุกข์ทรมานที่ลูกสาวของข้าได้รับ เจ้าจะต้องชดใช้ร้อยพันเท่า”
“เจ้าไม่เอาชีวิตแล้วหรือ?” ฉู่จิ้งรู้ขึ้นมาทันทีว่านางจะทำอะไร “ล่อฝูงหมาป่ามาแล้ว เจ้าก็ไม่สามารถมีชีวิตรอดไปได้”
หลีโม่หัวเราะอย่างเยือกเย็น “ข้าจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม? ข้าไม่มีทางเดินแล้ว เจ้าให้ข้าได้มีทางเดินหรือ? แต่เจ้าวางใจ ข้าจะต้องเห็นกับตาว่าหมาป่ากัดกินเจ้าจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก แล้วค่อยตาย”
นางใช้มีดสั้นตวัดเสื้อผ้าของเขา เผยให้เห็นหน้าอกอันผอมแห้ง
หลีโม่ส่ายหัว เหมือนกับผิดหวังมาก “เจ้าขอร้องข้าหรือ? อย่า เจ้าอย่าขอร้องข้าเด็ดขาด ข้ายังหวังอยากเห็นเจ้าเผชิญหน้ากับการถูกฝูงหมาป่ากัดกินอย่างกล้าหาญ เจ้ายังจำที่เจ้ากัดขาของหู่เถาไหม? ข้าอยากเห็นเจ้ามีความโหดเหี้ยมแบบนั้น ความโหดเหี้ยมแบบนั้น ยังมี เจ้าคิดดู ลูกสาวของข้าคนนั้นที่เพิ่งคลอด นางยังเล็กขนาดนั้น ร่างกายอ่อนนุ่มขนาดนั้น เจ้าได้ยินเสียงนางร้องไห้ไหม? ตอนที่เจ้าปล่อยนางทิ้ง สูงหมาป่าก็อยู่ใกล้ๆ เจ้าจะต้องได้ยินเสียงนางร้องไห้แน่ ใช่ไหม?”
นางพูดไปด้วย แล้วก็หัวเราะขึ้นมา แต่หัวเราะได้ไม่น่าฟังอย่างมาก ไม่น่าฟังยิ่งกว่าร้องไห้ ในดวงตาของนางมีน้ำตา ค่อยๆไหลลงมาทางหางตา เหมือนดั่งคนบ้า
ฉู่จิ้งมองดูนางอย่างหวาดกลัว สติของนางดูเหมือนจะบ้าไปแล้ว ในใจเขาคิดขึ้นมาได้ว่า แย่แล้ว คำสาปแช่ง คำสาปแช่งสำฤทธิ์ผลแล้ว นางไม่เอาชีวิตแล้ว
“ไม่ เจ้าปล่อยข้า ปล่อยข้า ข้ารับปากว่าตลอดชีวิตนี้จะไม่เป็นศัตรูกับฉินโจว เจ้าอยากได้อะไร ถ้าข้ามีข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง”
“ข้าจะเอาชีวิตลูกสาวของข้ากลับคืนมา เจ้าทำได้ไหม?” หลีโม่ก้มหัวลง กัดฟันพูดข้างหูของเขา น้ำตาไหลลงบนใบหูของฉู่จิ้ง นอกจากน้ำตาแล้ว ยังมีเลือด นางกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดไหล นางพยายามระงับตัวเองไว้
ทางด้านนั้น เตาเหล่าต้าถามซือถูเย้นอย่างแปลกใจว่า “ท่านอ๋อง ได้ยินพวกเขาพูดอะไรกันไหม?”
ซือถูเย้นกำลังคิดอยู่ ได้ยินเตาเหล่าต้าถาม เขาส่ายหัว “ได้ยินไม่ชัด พวกเราอยู่ต้นลมพอดี และหลีโม่ก็จาเสียงเบามาก”
“ใช่ ไม่รู้ว่าพูดอะไรอยู่ แล้วก็เห็นไม่ชัดว่าพวกเขาทำอะไรอยู่ เฮ้อ อยากย้ายก้อนหินก้อนนั้นจริงๆ” เตาเหล่าต้าพูดอย่างร้อนใจ
ซือถูเย้นครุ่นคิด เตาเหล่าต้าพูดว่า “เจ้าเฝ้าดูให้ดี ข้าจะใช้ญาณฟังดู”
พูดเสร็จ เขาก็นั่งขัดสมาธิ หลับตาทั้งคู่ สงบจิตใจ พยายามฟังว่าทางด้านนั้นพูดอะไรกัน
“ได้” เตาเหล่าต้ารู้ว่าเขามีพลังจิตที่สูง หากตั้งใจฟัง อย่างน้อยก็ต้องสามารถได้ยินอะไรบ้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...