บทที่ 909 คนตัดไม้ไม่ยอมปล่อยเทียนอืน
ตอนที่กาวเฟิ่งเทียนมาถึงแคว้นเป่ยอาน ก็ได้สั่งคนไปสืบประวัติของเด็กหญิงคนนั้น
พวกเพื่อนบ้านต่างก็บอกว่าไม่เคยเห็นนางตั้งครรภ์ อยู่มาวันหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ ถึงได้รู้ว่านางคลอดลูก
ทุกคนต่างก็ไม่สงสัย เพราะภรรยาของคนตัดไม้ตอนนั้นค่อนข้างอ้วน มีบางคนเวลาตั้งครรภ์จะมองไม่ค่อยเห็น เมื่อตั้งท้องจริงๆแล้วก็มองไม่ออก
แต่แบบนี้ที่น่าสงสัยก็คือ ไม่เคยเห็นบ้านของเขาเชิญหมอตำแยมา หมอตำแยในหมู่บ้านต่างก็ถามมาหมดแล้ว ไม่มีใครได้ไปทำคลอดให้กับภรรยาของคนตัดไม้
คนตัดไม้สองสามีภรรยากลับยืนยันว่า เด็กคนนี้เป็นลูกแท้ๆของพวกเขา
จึงทำให้เกิดสถานการณ์ที่ค่อนข้างลำบากใจ
กาวเฟิ่งเทียนเคยลองใช้วิธีใช้เงินทองมากมายหลอกล่อให้พวกเขาพูดความจริง แต่ก็ไม่ได้ผลอะไรกับพวกเขา กลับเป็นการทำให้ต้องโกรธกาวเฟิ่งเทียนว่าใช้เงินซื้อลูกสาวของพวกเขา พวกเขาจะไม่ขายลูกสาวกิน
ความรักที่พวกเขามีต่อเทียนอืน ทำให้เทียนอืนรู้สึกว่าเทียนอืนอาจจะเป็นลูกสาวของพวกเขาจริงๆ
ฐานะครอบครัวของคนตัดไม้ค่อนข้างยากจน หากเป็นลูกสาวที่เก็บมาเลี้ยง ให้เงินมากมายขนาดนั้น ทำไมถึงไม่อยากได้ล่ะ?
มีเพียงลูกแท้ๆของตัวเอง ถึงจะไม่ถูกเงินทองครอบงำ
แต่ก็มีข้อสงสัยอย่างหนึ่ง นั่นก็คือไม่มีใครมาทำคลอดให้นาง
แล้วก็แบบนี้ กาวเฟิ่งเทียนวิ่งไปมาอยู่ที่บ้านคนตัดไม้ ถึงแม้คนตัดไม้สองสามีภรรยาจะไม่ไว้หน้าเขาอย่างไร เขาก็ทนอยู่ไม่ยอมไป
สุดท้ายคนตัดไม้สองสามีภรรยาไปแจ้งความ เจ้าหน้าที่สำนักงานเอาทะเบียนบ้านมาให้กาวเฟิ่งเทียนดู บันทึกไว้ว่าเป็นลูกสาวของคนอื่นเขาจริงๆ
กาวเฟิ่งเทียนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว แต่ก็ไม่ยอมปล่อยวาง จึงต้องยังอยู่ในแคว้นเป่ยอาน ค่อยหาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีกไหม
วันนี้ เขาก็ยังคงเหมือนเดิม ไปยังสุดซอยหมู่บ้าน
ทุกครั้งที่มา ในมือของเขาซ้ายถือไก่มาหนึ่งตัว ขวาถือเป็ดมาหนึ่งตัว ถึงแม้จะถูกโยนออกไปทุกครั้ง แต่เขาเชื่อว่า คนเรายังไงก็ต้านทานความอดทนไม่ได้
มองเห็นภายในบ้านคนตัดไม้ มีคนอยู่มากมาย จึงเข้าไปสอบถาม ถึงรู้ว่าเกิดเรื่องกับคนตัดไม้
ที่แท้เช้าวันนี้ตอนที่ไปตัดไม้บนเขา ได้เจอกับกระต่ายป่า จึงคิดอยากที่จะเอากลับมาเป็นกับข้าว กลับคิดไม่ถึงว่าข้อเท้าพลิกกลิ้งลงมาจากภูเขา ถึงแม้จะไม่เป็นอันตรายแก่ชีวิต แต่ขาได้รับบาดเจ็บ ได้เชิญหมอชาวบ้านมาดู บอกว่าขาไม่สามารถรักษาได้แล้ว ต่อไปคงจะยืนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เพื่อนบ้านต่างก็แสดงความเห็นใจ แต่ก็ล้วนเป็นบ้านที่ยากจน ไม่มีเงินไปเชิญหมอใหญ่มา
กาวเฟิ่งเทียนมาถึง ให้รู้ถึงสถานการณ์แล้ว ก็ได้สั่งคนไปเชิญหมอมา
คนตัดไม้ไม่ยอมให้หมอที่เขาเชิญมารักษา ได้ไล่คนเขาออกไป
ภรรยาของคนตัดไม้ร้องไห้ขอร้องเขา ถึงค่อยยอมให้หมอเข้ามาตรวจดู
เพียงแต่ หมอบอกผลการตรวจไม่แตกต่างอะไรกับที่หมอชาวบ้านบอก หากจะรักษา ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก และหลังจากที่จ่ายเงินแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถยืนขึ้นมาได้อีกไหม จะดีกว่าตอนนี้บ้างเท่านั้นเอง
ภรรยาคนตัดไม้ถามค่าใช้จ่ายในการรักษา หมอชูมือขึ้นหนึ่งฝ่ามือ “ประมาณห้าสิบตำลึง แต่ก็ต้องลองดูเท่านั้น”
ภรรยาคนตัดไม้ล้มนั่งลงบนเก้าอี้ ห้าสิบตำลึง? แม้แต่ห้าตำลึงนางก็ยังไม่มี นางร้องไห้ขอร้องหมอคนนั้น “ลดให้บ้างหน่อยได้ไหม? ให้ข้าทำอะไรเพื่อท่านก็ได้”
หมอก็ยังคงไม่ยอม “ไม่ได้ ยาแพงมาก”
ภรรยาคนตัดไม้มองดูเทียนอืน แววตามีความรู้สึกที่ซับซ้อน
เนิ่นนาน นางค่อยถามขึ้นว่า “เจ้ากับผู้ชายคนนั้นที่เคยมาที่นี่ก่อนหน้านี้เป็นอะไรกัน? เขาบอกว่าเทียนอืนเหมือนภรรยาของเขามาก”
“ความจริงแล้ว เขาคืออ๋องซื่อเจิ้งประเทศต้าโจวซือถูเย้น ส่วนภรรยาของเขา พระชายาซื่อเจิ้งเสี้ยหลีโม่ บอกเจ้าของไม่เคยได้ยิน...”
ภรรยาคนตัดไม้อึ้ง “เสี้ยหลีโม่? เจ้าหมายถึงตอนที่เกิดโรคระบาดแล้วมาจากประเทศต้าโจวเพื่อช่วยเหลือรักษาให้คนเป่ยม่อ...แคว้นฉินคนนั้นหรือ?”
กาวเฟิ่งเทียนวางตะเกียบลง “พวกเจ้าก็รู้จักนางด้วยหรือ?”
คนตัดไม้พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งครึ่งหนึ่ง ท่าทีค่อนข้างตื่นเต้น “รู้จัก รู้จักนาง ในแคว้นฉินมีใครไม่รู้จักนางบ้าง? นางเป็นคนมีบุญคุณของแคว้นฉินเรา หากไม่ใช่เพราะนาง โรคระบาดในครั้งนั้นไม่รู้ว่าจะต้องมีคนตายมากมายเท่าไหร่ โชคดีที่นางคิดค้นยารักษามาได้ ช่วยเหลือชีวิตคนไว้มากมาย ตอนนั้นคนของพวกเราที่นี่ก็มีหลายคนที่ติดโรคระบาด ตอนที่สูตรยามาถึง ก็มีคนตายไปแล้วหลายคน และก็ติดต่อกันแล้วมากมาย ต่อมาได้ทานยา ต่างก็หายดีแล้ว”
“พวกเจ้าที่นี่ก็มีโรคระบาด?” กาวเฟิ่งเทียนหวนกลับไปคิด สถานที่ที่เกิดโรคระบาด ดูเหมือนจะไม่มีแคว้นเป่ยอาน
“มี ตอนที่เกิดโรคระบาด คนในหมู่บ้านเรามีหลายคนทำงานอยู่ในเมืองหลวง ต่อมากกลัวติดโรคระบาด จึงต่างก็กลับมา กลับคิดไม่ถึงว่า มีสองคนได้ป่วยอยู่ระหว่างทางแล้ว กลับมาถึงที่นี่ ก็ติดต่อแล้วหลายคน” คนตัดไม้พูด
“ใช่ ลูกชายสองคนของป้าสวีด้านข้างเรานี้ก็ติดโรคแล้ว ต่อมาได้ทานยาแล้วถึงค่อยดีขึ้น ใช่ แล้วท่านหมอเสี้ยเป็นอะไร?” ภรรยาคนตัดไม้พูด
กาวเฟิ่งเทียนถอนหายใจ “พูดได้เพียงว่าคนดีไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดี นางทำเพื่อประชาชนตั้งมากมายขนาดนี้ ตัวเองกลับถูกทำร้ายอย่างทุกข์ทรมาน....”
กาวเฟิ่งเทียนได้เล่าเรื่องหลังจากที่หลีโม่ถูกจับไปแล้วให้กับคนตัดไม้สองสามีภรรยาฟัง แต่ไม่ได้เปิดเผยสถานะของฉู่จิ้ง พูดเพียงว่าตอนที่นางมารักษาโรคระบาดในเมืองหลวง ได้ทำให้คนบางคนสูญเสียผลประโยชน์ ทำให้คนพวกนั้นไม่พอใจ คนพวกนี้จึงต้องการแก้แค้นนาง
“เกิดเรื่องกับนางในพื้นที่ชายแดนระหว่างแคว้นฉินกับประเทศต้าโจว ฮ่องเต้ให้ความสำคัญมาก ถึงแม้จะหาตัวเจอท่านหมอเสี้ยแล้ว แต่เพราะความเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียลูกสาวที่เป็นที่รัก จึงค่อนข้างเสียสติไปแล้ว เฮ้อ ฟ้าสวรรค์ช่างไม่เห็นใจคนดีเลย”
พูดเสร็จ เขามองดูคนตัดไม้สองสามีภรรยา “ที่จริงที่มาในวันนี้ ข้ายังมีเรื่องหนึ่งอยากขอร้อง แต่พวกเจ้าวางใจได้ เราจะไม่พาตัวเทียนอืนไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...