พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 910

บทที่ 910 ไปทำการรักษาก่อน

คนตัดต้นไม้สองสามีภรรยามองตากัน “เจ้าพูด”

กาวเฟิ่งเทียนพูดว่า “ตอนนี้ฮ่องเต้กำลังพาพระชายากับอ๋องซื่อเจิ้งมาแคว้นเป่ยอาน เมื่อมาถึง ขอพวกเจ้าช่วยบอกกับพระชายาว่า เทียนอืนถูกเก็บได้มาจากเหมียวเจียง แต่เจ้าบอกว่าเจ้ากับเทียนอืนผูกพันกันมากแล้ว ไม่อยากให้เทียนอืนไป รับปากว่าจะดูแลเทียนอืนเป็นอย่างดี พระชายาใจดี นางจะไม่แย่งเทียนอืนไป ขอเพียงให้นางรู้ว่าลูกสาวของนางยังมีชีวิตอยู่ ก็พอแล้ว ถึงแม้พวกเราจะรู้ว่าเทียนอืนไม่ใช่”

ภรรยาคนตัดไม้เงียบไปสักพัก มองดูเทียนอืน แววตายิ่งดูซับซ้อน

คนตัดไม้ก็ไม่พูดอะไร สุดท้ายเขาพูดว่า “ได้...”

เขาดูเหมือนจะอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายแล้วก็หยุด

กาวเฟิ่งเทียนคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะตอบตกลงได้เร็วขนาดนี้ จึงรีบพูดขอบคุณว่า “ขอบคุณทั้งสอง ขอบคุณที่ทั้งสองมีน้ำใจ ยอมช่วยเหลือพระชายา”

หลังจากที่กาวเฟิ่งเทียนไปแล้ว คนตัดไม้ทั้งสองสามีภรรยาก็กลุ้มใจมาก

“เมีย หากเทียนอืนเป็นลูกสาวของพระชายาจริงๆ” คนตัดไม้เงียบไปสักพัก แล้วพูดว่า ฟังจากที่กาวเฟิ่งเทียนพูด เวลากับสถานที่ต่างก็ตรงกัน

คนตัดไม้ทั้งสองสามีภรรยารีบเงยหน้าขึ้น แล้วน้ำตาก็ไหล “ข้ารู้ แต่ข้าทำใจไม่ได้ อีกอย่าง ข้าต้องเห็นพระชายาก่อน มั่นใจว่าเขาพูดความจริง”

“ใช่ ตอนนี้จะยังเชื่อถือง่ายๆไม่ได้” คนตัดไม้พูด

ภรรยาคนตัดไม้ร้องไห้อยู่สักพัก “หากเป็นลูกสาวของพระชายาจริง ยังไงพวกเราต้องคืนให้คนอื่นเขา เทียนอืนมีพ่อแม่ที่แท้จริง ตอนนั้นที่พวกเราไม่ยอมรับ เพราะโกรธที่พ่อแม่เทียนอืนโดนนางทิ้งอย่างโหดเหี้ยม กลับคิดไม่ถึงว่า ระหว่างนั้นจะเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ พระชายาก็เพราะมารักษาให้กับคนเป่ยม่อเรา ถึงได้ถูกคนอื่นเกลียดแค้นทำร้าย ข้าเข้าใจหลักการนี้ดี ข้าแค่ทำใจให้เทียนอืนไปไม่ได้”

“ไม่เป็นไร เจ้าควรที่จะดีใจแทนเทียนอืน เทียนอืนไปอยู่กับพ่อแม่ที่แท้จริงของนาง ยังไงก็ดีกว่าอยู่กับพวกเรา พวกเรา... หามื้อกินมื้อ ตอนนี้ข้าก็เป็นแบบนี้ พูดตามจริง หากเทียนอืน ไม่ใช่ลูกสาวของพระชายา ข้าก็หวังอยากให้พวกเขารับเทียนอืนไปเลี้ยง หมอบอกว่าขาของข้าไม่มีทางหายดีแล้ว”

ภรรยาคนตัดไม้ร้องไห้หนักยิ่งกว่านี้ “ไม่ จะต้องหายดี จ่ายเงินไปตั้งเยอะขนาดนั้นแล้วทำไมจะไม่หาย?”

คนตัดไม้เห็นนางร้องไห้อย่างเจ็บปวด จึงบอกกับนางทุกอย่างว่า “ที่จริงหมอได้แอบบอกข้าแล้ว ขาด้านขวาของข้ายังดีหน่อย ขาซ้ายน่าจะขยับไม่ได้อีกแล้ว ต่อไปถึงจะสามารถลุกขึ้นยืนใหม่ได้ ก็ต้องใช้ไม้ค้ำยันในการช่วยเดิน ข้าเป็นแบบนี้ก็ไม่แตกต่างอะไรกับคนพิการแล้ว เจ้าเองก็ไปหาคนที่ดีๆเถอะ?”

“เจ้าหุบปาก” ภรรยาคนตัดไม้พูดด่าอย่างโกรธเคืองว่า “ข้าแต่งงานเข้าตระกูลเจ้าแล้ว มีชีวิตอยู่ก็เป็นคนของตระกูลเจ้า ตายไปแล้วก็เป็นผีตระกูลเจ้า ให้ข้าไปแต่งงานใหม่ ต่อให้ต้องตายก็เป็นไปไม่ได้”

คนตัดไม้มองดูนางอย่างซาบซึ้งและสงสาร “เฮ้อ ช่างเป็นเวรเป็นกรรมจริงๆ”

กาวเฟิ่งเทียนกลับไปเล่าสถานการณ์ทั้งหมดให้จิ่งที่มาถึงเมื่อวานฟัง คำขอร้องในวันนี้ ก็เป็นจิ่งบอกกับกาวเฟิ่งเทียน

“อยู่ที่นี่เสียเวลากว่าหนึ่งเดือน ยังไม่สามารถพูดให้พวกเขาใจอ่อนได้ ตอนนี้เมื่อพูดถึงพระชายา พวกเขากลับยอมตกลงแล้ว รู้แบบนี้ ข้าจะเล่าสถานการณ์ทุกอย่างให้พวกเขาฟังแต่แรกแล้ว”

กาวเฟิ่งเทียน รู้สึกว่าหนึ่งเดือนกว่านี้เสียเวลาอย่างมาก

จิ่งถามว่า “เทียนอืนไม่ใช่ลูกสาวของพระชายาจริงๆหรือ?”

กาวเฟิ่งเทียนพูดว่า “ไม่แน่ใจ เพราะพวกเขายืนยันว่าเป็นลูกสาวแท้ๆของพวกเขา แต่เพื่อนบ้านต่างก็พูดว่าไม่เคยเห็นนางตั้งครรภ์ แต่อาจจะท้องแล้วไม่ได้บอกคนอื่นก็เป็นได้ เพราะภรรยาของเขาไม่ค่อยออกจากบ้าน และก่อนหน้านี้ก็ค่อนข้างอ้วน ต่อให้ท้องแล้วดูไม่ออกก็มีความเป็นไปได้”

“ก็หมายความว่า ความจริงของเรื่องนี้ มีเพียงพวกเขาสองสามีภรรยาที่รู้?” จิ่งเครียดหนัก ทางด้านนั้นยอมตกลงว่าจะช่วยโกหกพระชายา แต่เมื่อคิดถึงว่าเด็กคนนั้นถูกหมาป่ากินไปแล้วจริงๆ ในใจจิ่งก็ทรมานมาก

“เอาแบบนี้ก่อน อย่าเพิ่งคิดมาก ทำให้พระชายาอาการดีขึ้นถึงจะเป็นเรื่องสำคัญ นางมีบุญคุณกับแคว้นฉินเรา สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้มีไม่มาก อะไรที่สามารถทำได้ก็พยายามทำให้ดีที่สุด” กาวเฟิ่งเทียนพูด

จิ่งพยักหัวพูดว่า “ใช่ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว”

หลังจากนั้นสามวันซือถูเย้นกับทุกคนก็มาถึงแคว้นเป่ยอาน หลังจากเข้าพักที่ยี่กว่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉินโจวก็ถามสถานการณ์จากกาวเฟิ่งเทียน กาวเฟิ่งเทียนก็เล่าความจริงให้ฟัง

ฉินโจวเห็นว่าขาของคนตัดไม้ได้รับบาดเจ็บ จริงออกความคิดเห็นว่า “ตอนนี้พระชายายังยอมที่จะช่วยเหลือรักษาคนไข้อยู่ อย่างอื่นไม่สนใจสักอย่าง และก็ไม่ฟังพวกเราพูด เอาแบบนี้ เรียกให้นางไปช่วยรักษาให้กับคนตัดไม้คนนั้นก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีให้นางได้เจอกับเทียนอืน”

“ก็ได้ ฮ่องเต้จัดการได้เลย” กาวเฟิ่งเทียนพูด

ฉินโจวจึงไปปรึกษากับซือถูเย้น ซือถูเย้นเองก็เห็นด้วยกับฉินโจว เพราะหลีโม่ไม่เชื่อพวกเขาเลยว่าการมาในครั้งนี้จะสามารถได้เจอกับลูกสาว จึงวางแผนให้นางไปรักษาอาการบาดเจ็บก่อน เมื่อเบี่ยงเบนความสนใจของนางแล้ว สามารถฟังอะไรได้บ้างแล้ว ค่อยเรียกเทียนอืนออกมา ถึงตอนนั้น น่าจะพูดกันได้เข้าใจ

แล้วก็แบบนี้ กาวเฟิ่งเทียนมาหาหลีโม่ บอกว่าตรงสุดซอยหมู่บ้านมีคนคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บที่ขา เป็นเสาหลักของบ้าน ในบ้านยังมีลูกน้อยกลับภรรยา หากเขายืนขึ้นมาไม่ได้ บ้านหลังนี้ก็จะอยู่กันไม่รอดแล้ว

ตอนนี้นอกจากรักษาคนไข้แล้วหลีโม่ไม่สนใจอะไรเลย และไม่มีเรื่องอะไรที่จะสามารถพูดกับนางได้ หากบอกว่าพานางไปเจอเทียนอืน นางก็จะไม่ไป เพราะนางคิดว่าลูกสาวตายแล้ว ความรู้สึกแบบนี้ เป็นเหมือนดั่งเหล็กฝั่งอยู่ในหัวใจเบื้องลึกของนาง ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

หลีโม่ยอมตกลงที่จะไปช่วยรักษาคนตัดไม้คนนั้น

ซือถูเย้นเตรียมการเหมือนดั่งจะออกไปรบ กำชับโหรวเหยาว่าจะต้องพกกระเป๋าเข็มเตรียมพร้อมไว้ตลอด หากมีอะไรผิดปกติ ก็ให้ฝังเข็มก่อน

ฉินโจวไม่ตามไปด้วยอยู่แล้ว แค่ไปดูคนไข้พากันไปเป็นโขยง จะเหมือนอะไร?

ฉินโจวไม่ได้ไปกับหลีโม่ แต่กลับเรียกกาวเฟิ่งเทียนมานำทาง ติดตามอยู่ด้านหลัง

กาวเฟิ่งเทียนแจ้งคนในบ้านคนตัดไม้รู้เรื่องแต่แรกแล้ว บอกว่ายังไม่ต้องพูดถึงเรื่องของเทียนอืน เพียงแค่ให้พระชายาช่วยดูอาการให้กับคนตัดไม้ก่อน แล้วค่อยวางแผนให้เทียนอืนออกมาทีหลัง

ดังนั้น ภรรยาคนตัดไม้จึงได้พาเทียนอืนไปฝากไว้กับป้าสวีที่อยู่ด้านข้าง รอรักษาเสร็จแล้วค่อยไปรับ

ตอนที่หลีโม่ไปถึง ก็เป็นช่วงเที่ยงพอดี ภรรยาคนตัดไม้ได้รออยู่ที่หน้าประตูสักพักแล้ว ในที่สุดก็เห็นรถม้ามา นางรีบวิ่งไปด้วยหัวใจที่เต้นรุนแรง

วันนี้กาวเฟิ่งเทียนทำหน้าที่เป็นคนขับรถม้า หลังจากที่ลงรถแล้วก็เปิดม่านออก

ภรรยาคนตัดไม้เห็นซือถูเย้น ก็จำขึ้นมาได้แล้ว แต่ตามที่กาวเฟิ่งเทียนสั่งไว้ นางจึงทำเป็นไม่รู้จัก

โหรวเหยาประคองหลีโม่ลงมา แววตาหลีโม่ยังคงโศกเศร้า แต่เมื่อเห็นภรรยาคนตัดไม้ นางก็พยายามมีสติ ยิ้มพยักหัวให้กับนาง

ภรรยาคนตัดไม้รู้ว่านางคือท่านหมอเสี้ย เมื่อเห็นนางแล้ว ตาก็แดงขึ้นมาพร้อมรีบพูดว่า “ท่านหมอ ลำบากท่านแล้วที่ต้องมาตั้งไกล”

หลีโม่เห็นนางตาแดง สถานการณ์แบบนี้ก็เคยเห็นแล้วไม่น้อย บ้านไหนที่เคยมีคนป่วยหนัก เมื่อเห็นหมอ ต่างก็ตาแดงหรือน้ำตาไหลก่อน

หญิงคนนี้ยังนับว่าระงับได้บ้างอยู่

หลีโม่พูดว่า “พาข้าไปหาคนไข้เถอะ”

ภรรยาคนตัดไม้จึงรีบพานางเข้าไป ได้เตรียมน้ำชาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่หลีโม่ไม่ดื่ม พูดว่าจะไปตรวจดูอาการคนไข้เลย

ภรรยาคนตัดไม้จึงพานางเข้าไป คนตัดไม้เห็นนางมาถึงแล้ว ก็พยายามที่จะลุกขึ้น ทำความเคารพ

หลีโม่มองดูเขา แล้วพูดว่า “เจ้าไม่ต้องขยับ นอนไว้"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม