พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 101

“ว้าย...”

เสียงกรีดร้องของสาวน้อยดังกึกก้องไปทั่ว

สีหน้าของเซียวปี้เฉิงเปลี่ยนเล็กน้อย ท่าทีกลับรวดเร็ว รีบคว้าตัวสาวน้อยก่อนจะตกลงพื้น หลังจากยืนมั่นแล้วก็รีบปล่อยมือทันควัน

เฟิงจิ่งเหวยยืนนิ่งแต่ยังไม่วายประหวั่น เหลือบตาแลดูเซียวปี้เฉิง ฉับพลันก็ให้ตะลึงแน่นิ่งไม่อาจละสายตาไปได้

เซียวปี้เฉิงแอบขมวดคิ้ว สาวน้อยเบื้องหน้ารูปโฉมงามล้ำ แทบไม่ด้อยกว่าฉู่อวิ๋นหาน หากแต่สายตานั้นทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

เขาถอยห่างโดยอัตโนมัติ ขมวดคิ้วและกล่าวเสียงทุ้มว่า “เจ้าเป็นธิดาบ้านไหนกัน ไฉนจึงมาปีนป่ายในจวนรุ่ยอ๋องตามอำเภอใจเช่นนี้”

เฟิงจิ่งเหวยเพิ่งตั้งสติได้ กระพริบตาพราว สีหน้าเกิดอาการเขินอาย “ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือ ข้าปล่อยไก่เสียแล้ว เมื่อครู่เห็นใต้ต้นไม้มีลูกนกตกมา จึงคิดวางกลับไปที่รังของมัน”

เซียวปี้เฉิงพยักหน้า มองดูนกน้อยในมือของนางพลางกล่าวว่า “ให้ข้าช่วยเถอะ”

เฟิงจิ่งเหวยพยักหน้าอย่างเขินอาย มองดูเขาเหาะขึ้นไปจับกิ่งไม้ พร้อมกับวางลูกนกที่ตกใจใส่กลับเข้าไปในรังเหมือนเดิม

“งานเลี้ยงได้เริ่มแล้ว ไม่ควรมาอยู่แถวนี้”

ในอุทยานด้านหลังมีคนผ่านไปมา เซียวปี้เฉิงไม่ต้องการอยู่ตามลำพังกับสาวน้อยที่ยังไม่ออกเรือน เห็นนางยังคงจ้องมองตนเองอย่างตกตะลึงก็แอบขมวดคิ้ว พูดทิ้งท้ายแล้วเดินจากไป

ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ยากจะบรรยาย

หญิงผู้นี้ก็คล้ายกับอวิ๋นหลิง ซึ่งมีรูปโฉมที่สะคราญยิ่ง แต่ที่แตกต่างคือ แววตาของสาวน้อยผู้นี้มีความเปิดเผยและไม่สำรวม เห็นแล้วไม่สู้สบายนัก

รอจบแผ่นหลังของเซียวปี้เฉิงลับหายไปจากสายตา เฟิงจิ่งเหวยจึงค่อยดึงสติกลับมา สองตาเป็นประกาย น้ำเสียงลิงโลดพลางเอ่ยปาก

“ปี้ลั่ว เจ้ารู้มั้ยว่าชายหนุ่มเมื่อครู่นี้เป็นใครกัน?”

สาวใช้นามปี้ลั่วก้มหน้าตอบเสียงเบา “คุณหนู นั่นคือท่านจิ้งอ๋องน่ะเจ้าค่ะ”

“จิ้งอ๋อง?” เฟิงจิ่งเหวยมีสีหน้าตกใจ พลางขมวดคิ้ว “เซียวปี้เฉิงที่แต่งงานกับหญิงอัปลักษณ์ฉู่อวิ๋นหลิงนั่นน่ะหรือ?”

เห็นความสนใจในแววตาของเฟิงจิ่งเหวยไม่ได้ลดน้อยลง ปี้ลั่วจึงอดไม่ได้ที่จะตักเตือนเบา ๆ “คุณหนู เมืองหลวงไม่เหมือนกับเจียงหนาน ท่านจะเอาแต่ใจไม่ได้นะ”

เฟิงจิ่งเหวยขยิบตาใส่นางเบา ๆ สีหน้าท่าทางไร้ซึ่งความเกรงกลัวใด ๆ “พี่ชายเคยบอกว่า เมืองหลวงกว่าครึ่งเป็นของสกุลเฟิงเรา ข้าจะทำอะไรก็ย่อมได้”

หวนนึกถึงชายหนุ่มที่ทำให้ตะลึงงันผู้นั้น นางก็ฉีกรอยยิ้มละไม “ผู้ชายคนนี้ ข้าต้องครอบครองให้จงได้”

ข่าวลือระหว่างจิ้งอ๋องกับฉู่อวิ๋นหลิงนั้น นางเคยได้ยินมาไม่น้อย มีหรือจะสู้หญิงขี้ริ้วผู้นั้นไม่ได้

ฉับพลันหูก็แว่วยินเสียงลูกนกเรียกหาแม่นก ความสนใจของเฟิงจิ่งเหวยจึงกลับไปยังลูกนกที่อยู่ในรังอีกครั้ง แววตาปรากฏรอยขุ่นเคือง

“เจ้านกตัวนี้ เมื่อครู่เกือบทำให้ข้าอับอาย ขอหน้าไม้มาให้ข้า”

ปี้ลั่วไม่กล้าถกเถียง พลางหยิบหน้าไม้ที่ทำด้วยความวิจิตรออกมา เห็นเข้าก็รู้ว่าสำหรับให้ผู้หญิงได้ใช้

เฟิงจิ่งเหวยรับเอาหน้าไม้มา เพียงพริบตา ลูกนกในรังก็สิ้นเสียงร้องไป

แววตาปี้ลั่วฉายแววเวทนานัก เมื่อครู่เฟิงจิ่งเหวยไม่ได้จะส่งลูกนกกลับรังหรอก นางจะปีนต้นไม้จับลูกนกมาเล่นต่างหาก

แม้จะรู้สึกว่าโหดร้าย แต่นางก็หากล้าส่งเสียงไม่

ดีเหมือนกัน ตายอย่างไม่ต้องเจ็บปวดนัก ย่อมดีกว่าถูกทรมานจนเหมือนตายทั้งเป็น

เหมือนบรรดาหนุ่มรูปงามที่เคยตกอยู่ในเงื้อมมือของคุณหนูใหญ่

......

ตอนที่เซียวปี้เฉิงกลับมา อวิ๋นหลิงได้อำลาเจิ้นกั๋วกงฮูหยิน เพราะรุ่ยอ๋องใกล้จะเข้าพิธีกับหรงฉาน เจิ้นกั๋วกง ฮูหยินต้องเป็นผู้ใหญ่ที่รับการคารวะ

“เมื่อกี้เจิ้นกั๋วกงฮูหยินพูดคุยอะไรกับเจ้า?”

อวิ๋นหลิงตอบเสียงเบาว่า “นางถามว่าพอมีวิธีรักษาโรคหัวใจของหรงจั้นหรือไม่ ข้าจึงตรวจดูให้เล็กน้อย อาจจะยุ่งยากหน่อย แต่ก็ใช่ว่าหมดทางเยียวยา”

เซียวปี้เฉิงหน้าบึ้งลงทันควัน สีหน้าก็เหมือนจะคล้ำลง “เจ้าเลยรับปากงั้นหรือ?”

อวิ๋นหลิงพยักหน้ากล่าวยิ้ม ๆ ว่า “ท่านเคยบอกว่าเจิ้นกั๋วกงฮูหยินเป็นธิดาเจ้ากรมอาญามิใช่หรือ นางเป็นคนฉลาด เมื่อรับน้ำใจจากข้าแล้ว ยังไงก็ต้องดูแลพี่ใหญ่ให้ดีล่ะ”

เซียวปี้เฉิงแม้จะเข้าใจเหตุผลนี้ แต่ในใจก็ยังไม่สู้สบายนัก นั่นมิเท่ากับว่าหรงจั้นต้องมาตรวจรักษาบ่อย ๆ หรอกหรือ?

“คำนับกันและกัน เสร็จพิธี!”

ในห้องโถงนั้น รุ่ยอ๋องกับหรงฉานเสร็จจากงานพิธี บรรยากาศในจวนอ๋องก็เริ่มคึกคักโดยพลัน หากแต่เจ้าบ่าวหมาด ๆ อย่างรุ่ยอ๋องนั้นกลับมีรอยยิ้มเหมือนจำฝืน

ตัวเอกในงานนี้ย่อมไม่พ้นหรงฉานอย่างแน่นอน เกี้ยวของฉู่อวิ๋นหานก็รออยู่หน้าจวนเนิ่นนาน รอจนหรงฉานถูกส่งเข้าเรือนหอไปแล้ว เกี้ยวหลังน้อยค่อยถูกหามเข้าทางประตูเล็กอย่างรีบเร่ง

รุ่ยอ๋องแค่ออกไปรับเกี้ยวเจ้าสาวด้วยตนเอง จากนั้นก็กลับสู่งานเลี้ยงด้วยความอาลัยอาวรณ์

ตามกฎหมายของต้าโจวนั้น ผู้เป็นอนุภรรยาจะเข้าพิธีแต่งงานไม่ได้

แต่งพร้อมกันสองหญิงแท้ ๆ ฉู่อวิ๋นหานกลับรู้สึกเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้

เห็นสภาพอันอ้างว้างของนางแล้ว อวิ๋นหลิงก็ให้ส่ายหน้าพลางถอนใจ “อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องใส่ตัวโดยแท้ ยังไม่สู้ตอนข้าแต่งงานกับท่านเลย”

ตอนนั้นแม้ฉู่อวิ๋นหลิงจะถูกรุมประณามเพียงไหน ก็ยังได้รับเกียรติแต่งเข้าจวนจิ้งอ๋องอย่างสมฐานะ

ไม่บอกก็รู้ คืนนี้รุ่ยอ๋องคงจะไม่ไปหานางที่ห้อง ฉู่อวิ๋นหานต้องเฝ้าเรือนหอโดดเดี่ยวเป็นแน่แท้

มองดูฉู่อวิ๋นหานที่หมดสภาพเช่นนี้ ใครเลยจะคาดคิด ว่าหลายเดือนก่อนนางยังเป็นสาวงามผู้ปราดเปรื่องที่ผู้คนยกย่องเสียด้วยซ้ำ

พอได้ยินชื่อฉู่อวิ๋นหาน เซียวปี้เฉิงก็แทบจะหน้าบึ้งในทันควัน “ทุกอย่างที่เกิดเพราะนางรนหาที่ทั้งนั้น หากไม่เพราะความโลภมากไม่รู้จักพอ ไหนเลยจะมีสภาพอย่างวันนี้ได้”

เดิมทีนางอาจเป็นชายารองแห่งรุ่ยอ๋องได้ แต่จำเพาะต้องมาแกล้งตาย ได้ผลเสียมากกว่าผลดี

เซียวปี้เฉิงไม่นึกเห็นใจนางเลยแม้แต่น้อย

เที่ยงคืนงานเลี้ยงเลิกรา แขกเหรื่อจรจาก เซียวปี้เฉิงกับอวิ๋นหลิงก็ไม่ได้อยู่นานเช่นกัน

ในที่สุดฉู่อวิ๋นหานก็ได้ออกเรือนไป นับแต่นี้จะไม่มีโอกาสมาระรานนางให้ขวางหูขวางตาอีก อวิ๋นหลิงกลับรู้สึกสบายใจมากขึ้น

ไหน ๆ สองวันนี้ว่างอยู่ นางจึงเริ่มศึกษาเรื่องเครื่องหอมและยารักษาต่อ ในที่สุดก็สามารถผลิตธูปหอมคลายอารมณ์ที่นำมาจากเรือสำราญได้สำเร็จ

ณ. ศาลาหูซินนั้น นางจุดก้านธูปหอมพลางสูดดมเบา ๆ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

“แปลกจริง ส่วนผสมที่วิเคราะห์ออกมาก็ไม่ผิด แต่ทำไมดมแล้วกลิ่นยังไม่เหมือนกันนะ?”

อวิ๋นหลิงเชื่อมั่นในความสามารถของตนเสมอ นางสามารถใช้พลังจิตในการดมกลิ่น บวกกับความรู้และประสบการณ์ที่มีมา แยกแยะส่วนผสมของธูปหอมคลายอารมณ์สูตรดั้งเดิมได้อย่างแม่นยำ

แต่ธูปหอมที่นางเลียนแบบออกมานั้น แม้ดมแล้วกลิ่นจะคล้ายคลึง แต่ยังไงก็ขาดความหอมหวานละมุนเทียบเท่ากับของเดิม

อวิ๋นหลิงนั่งอยู่ในศาลา มองดูสมุนไพรสิบกว่าชนิดและเครื่องหอมที่รายล้อมอยู่เบื้องหน้า ท้าวคางใช้ความคิดหนัก

ขณะที่นางกำลังขบคิดว่าปัญหาเกิดจากไหนนั้น ตงชิงก็พาสีหน้ายิ้มแย้มมารายงาน “พระชายา อู่อันกงกลับมาแล้ว กำลังมายังเรือนหลันชิงของเราพร้อมกับท่านอ๋อง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ