เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1013

ตอนนี้เป็นช่วงต้นเดือนสอง และวันเปิดภาคเรียนในฤดูใบไม้ผลิของสำนักศึกษาชิงอี้ก็อยู่ช่วงปลายเดือน

ฤดูหนาวนี้หิมะมาเร็วกว่าปกติ และหยุดตกค่อนข้างช้า จนตอนนี้ยังคงมีหิมะตกโปรยปรายอยู่เรื่อยๆ

พวกเฟิงหยางที่เดินทางกลับเมืองหลวงถูกหิมะในฤดูหนาวทำให้เสียเวลา ระยะทางที่เดิมทีใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งเดือน กลับต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนครึ่ง

ในเมืองหลวงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน ทำให้ดอกเหมยในสวนที่ทนทานต่อความหนาวเหน็บดูสวยงามเป็นพิเศษ

งานแต่งงานของเฟิงอู๋จีกับหลี่เมิ่งชู ถูกจัดขึ้นอย่างคึกคักในฤดูหิมะนี้

วันแต่งงานอย่างเป็นทางการของทั้งสองคนถูกกำหนดไว้หลังจากนี้สิบห้าวัน นี่เป็นเพราะเฟิงหยางที่เร่งเดินทางกลับจากเซียวโจวจะได้มาทันงานเลี้ยงแต่งงาน

ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไม่นาน ความสัมพันธ์ระหว่างกันก็ไม่ถือว่าสนิทสนม แต่หลังจากนี้ต่างก็ต้องเป็นเสาหลักของตระกูลเฟิงแล้ว เสนาบดีซ้ายเฟิงย่อมไม่สามารถให้เฟิงหยางพลาดโอกาสที่สำคัญเช่นนี้ได้

เพื่อคำนึงถึงการแต่งงานของลูกศิษย์ทั้งสองคน เซียวปี้เฉิงยังไม่คิดที่จะเปิดเผยความคลุมเครือเรื่องชาติกำเนิดของเฟิงหยางในเร็วๆนี้

หลังจากที่เปิดเผยเรื่องนี้แล้ว ต้องทำให้ตระกูลเฟิงและตระกูลจวงเกิดความสั่นคลอนแน่ๆ ถึงเวลาหากกระทบเรื่องการแต่งงานคงไม่ดี

เวลาที่ลูกศิษย์ทั้งสองคนแต่งงานกระชั้นชิดอยู่บ้าง หลังจากไหว้ฟ้าดินเสร็จแล้ว เวลาที่เหลือในช่วงวันหยุดฤดูหนาวเพียงพอที่จะให้หลี่เมิ่งชูกลับบ้านสักครั้ง ดีที่เตรียมตัวล่วงหน้าไว้พอสมควร ไม่ได้ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด

เทียบเชิญงานแต่ง อนุญาตให้ว่าที่สามีภรรยาทั้งสองไปส่งที่ตำหนักบูรพาด้วยตนเอง เป็นถึงหัวเรี่ยวหัวแรงของสภานักเรียนในสำนักศึกษาชิงอี้ พวกเขาสามารถใช้ป้ายคำสั่งพิเศษตรงเข้าไปยังตำหนักบูรพาได้

อวิ๋นหลิงให้คนเตรียมน้ำชาไว้ต้อนรับพวกเขา พร้อมทั้งเอ่ยอนุญาตให้พวกเขามีวันหยุดช่วงแต่งงานเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งสัปดาห์ เพราะวันหยุดช่วงแต่งงานที่สำนักศึกษาชิงอี้กำหนดเอาไว้มีเพียงห้าวันเท่านั้น

แต่ว่าที่สามีภรรยาทั้งสองคนส่ายหน้าพร้อมกัน ยืนยันว่าหลังจากแต่งงานแล้วจะกลับไปเรียนต่อ

นางอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อว่า “โธ่ อู๋จีก็แล้วไปเถอะ แล้วเมิ่งชูเป็นอะไรไป เมื่อก่อนเกียจคร้านมาก ตอนนี้แต่งงานแล้ว ทำไมจึงมุมานะขึ้นมาซะได้”

หลี่เมิ่งชูยิ้มขมพลางพูดว่า “ท่านอย่าล้อข้าเลย บทเรียนของสำนักศึกษายากขึ้นทุกภาคเรียน ถ้าขืนข้ายังเกียจคร้านต่อไป เกรงว่าแม้แต่การสอบเพื่อจบการศึกษาก็คงจะไม่ผ่าน วันหยุดแต่งงานครึ่งเดือนยาวนานเกินไป เกรงว่าถ้ากลับไปแล้วจะตามเพื่อนคนอื่นไม่ทัน ถ้าหากฟังสิ่งที่อาจารย์พูดไม่เข้าใจคงลำบากแน่ๆ”

สอบจบการศึกษาไม่ผ่าน เช่นนั้นก็ต้องซ้ำชั้นหนึ่งปี

ถึงเวลาเสียหน้ามากไม่ว่า ถ้าหากเฟิงอู๋จีถูกส่งออกไปทำงานก่อน นางยังคงอยู่ในเมืองหลวง ไม่เท่ากับว่าสองสามีภรรยาต้องแยกกันอยู่คนละที่หรอกหรือ

มองดูนางที่หน้านิ่วคิ้วขมวดเพราะถูกทรมานจากการเรียน อวิ๋นหลิงก็แอบยิ้มอยู่ในใจ “พยายามตอนนี้ก็ยังไม่สาย”

วิชาของอาจารย์ผู้เฒ่าเหล่านั้นยังดี ไม่แตกต่างกับการศึกษาที่พวกเขาได้รับมาตั้งแต่เด็กสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นหนังสือเรียนที่จัดพิมพ์โดยตำหนักบูรพาโดยเฉพาะ เนื้อหาในหนังสือทำให้นักเรียนต่างก็รู้สึกตาลายจริงๆ

โดยเฉพาะวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์สองวิชานี้ ในแง่ของเนื้อหาที่มีความสมบูรณ์และความยาก เลื่อนขั้นขึ้นมาจากช่วงปีแรกหลายระดับมาก

แม้ว่าไม่ถึงกับให้นักเรียนในยุคสมัยนี้ท่องสมการทางเคมี แค่เนื้อหาคณิตศาสตร์ที่ลึกซึ้งเข้าใจยาก ก็เพียงพอที่จะทำให้คนมากมายรู้สึกยากเหลือกำลังแล้ว

วิชา《วิทยาศาสตร์พื้นฐาน》ในปีแรก ในปีที่สองก็กลายเป็นวิชาขั้นสูงอย่าง《ความรู้ทางวิทยาศาสตร์》

ในหนังสือได้รวบรวมหลักการของปรากฏการณ์ต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และดาราศาสตร์ ทั้งหมดล้วนช่วยให้นักเรียนเข้าใจโลกมากขึ้นอีกขั้น เมื่อพบกับเรื่องราวที่เหลือเชื่อ ก็จะไม่เหมารวมว่าเรื่องของผีหรือเทพเจ้า หรือว่าถูกผู้อื่นปิดบังอำพราง

แม้ว่าจะไม่มีโจทย์คณิตศาสตร์ แต่ครอบคลุมประเด็นความรู้ที่ซับซ้อนไว้มากมาย อยากจะทำความเข้าใจให้ถี่ถ้วนพร้อมทั้งจดจำทั้งหมด ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“เอ๋ ทำไมจึงคิดเช่นนั้นเล่า” อวิ๋นหลิงถามทั้งๆที่รู้ดี

เฟิงอู๋จีตอบอย่างไม่ลังเลว่า “ถ้าเรียนภาษาทูเจวีย ภายหน้าต้องถูกส่งตัวไปทำงานนอกพื้นที่อยู่ใกล้กับเมืองสุยแน่ แต่ถ้าหากเรียนภาษาตะวันตก เช่นนั้นแปดในสิบต้องถูกให้อยู่ต่อในเมืองหลวง”

อวิ๋นหลิงยิ้มพลางพยักหน้า จุดประสงค์ที่นางเพิ่มหลักสูตรนี้ขึ้นมา ก็เพื่อที่จะเสริมสร้างการสื่อสารระหว่างแคว้นต้าโจวกับทูเจวีย ก่อนหน้านี้เหมาเหมาเคยบอกว่าจะก่อตั้งสำนักศึกษาชิงเฉ่าที่เมืองสุย นางต้องจัดเตรียมคนที่มีความสามารถไว้ล่วงหน้า

“แล้วเจ้าล่ะ ทำไมจู่ๆแม้แต่เรื่องของพวกถังจูซิงเจ้าก็นินทาขึ้นมาได้”

เฟิงอู๋จีใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที เป็นถึงชายแท้อกสามศอก กลับแสดงออกว่าสนใจในคู่ของชายรักชายเช่นนี้ ช่างทำให้รู้สึกน่าประหลาดใจจริงๆ

เขารีบอธิบายว่า “แค่ก......เพราะช่วงนี้ได้ยินมาว่าตระกูลเฟิงอยากจะดองกับตระกูลถัง จึงอดไม่ได้ที่จะให้ความสนใจพวกเขาเพิ่มขึ้น”

“ดองญาติ”

เฟิงอู๋จีพยักหน้ารับ “เป็นลูกพี่ลูกน้องของศิษย์เฟิงหยาง เขาอายุครบยี่สิบสามปีแล้ว ตอนนี้ยังไม่แต่งงาน สองวันก่อนได้ยินท่านพ่อข้าบอกว่า ท่านลุงมีความคิดจะสู่ขอลูกสาวของตระกูลถุงให้เขา”

ที่เล็งเอาไว้ก็คือน้องสาวของถังจูซิง ลูกสาวคนเล็กของครอบครัวลูกชายคนรอง

ลุงของเฟิงอู๋จี นั่นก็คือท่านพ่อแท้ๆของเฟิงหยางมิใช่หรือ

รอยยิ้มของอวิ๋นหลิงค่อยๆจางหายไป เอ่ยอย่างไม่เรียบเฉยว่า “ยี่สิบกว่าปีมาแล้วที่ไม่เคยสนใจพี่ชายของเจ้า ตอนนี้จู่ๆก็นึกขึ้นได้ว่ามีลูกชายอย่างนั้นหรือ”

ใช้หัวแม่เท้าคิดก็รู้ แปดในสิบส่วนคือเสนาบดีซ้ายเฟิงกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะก่อเรื่องแล้ว ตาแก่คนนี้ใช้ทุกโอกาสให้เป็นประโยชน์จริงๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ