เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1015

ยากมากที่วันนี้หิมะจะหยุดตก แสงแดดสาดส่องไปบนพื้นดินเปล่งประกายอบอุ่น หิมะบนทางหลวงนอกเมืองหลวงเริ่มละลายแล้ว

ขบวนทหารประมาณสามพันนายกำลังเดินอยู่บนถนนอย่างยิ่งใหญ่ ธงปลิวสะบัดไปตามลม ดูน่าเกรงขาม

ทหารม้าร้อยกว่านายคุ้มกันรถม้าแบบเก่าสองคัน ข้างในมีลูกสาวแท้ๆขององค์หญิงอี๋อันชื่อโม่อี้เนี่ยนนั่งอยู่ รวมไปถึงบ่าวรับใช้ที่ติดตามรับใช้นาง

ด้านหน้าสุดของขบวน บนหลังม้าสีน้ำตาลแดงมีชายรูปร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามผู้หนึ่งนั่งอยู่ มีหมวกเกราะปิดบังใบหน้ามองเห็นรูปลักษณ์ไม่ชัดเจน

ข้างกายเขามีม้าสีดำแผงคอสีขาวประกบอยู่ บนหลังม้าที่หนุ่มน้อยคนหนึ่งกำลังกวาดมองไปทั่ว อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

“ไม่กลับมาแค่ห้าปีเท่านั้น เมืองหลวงเปลี่ยนแปลงไปขนาดนี้เชียว ถ้าหากไม่ใช่ท่านเป็นผู้นำทัพกลับมา ข้าคงคิดว่าตัวเองจำทางผิดเสียแล้ว”

“ดูถนนหลวงนี่ซิ ข้าจำไม่ได้แล้วว่าไม่ได้เดินเหินบนถนนที่เรียบเช่นนี้มานานเท่าไหร่แล้ว ผู้สูงส่งในตำหนักบูรพาไม่เสียแรงที่เป็นคนที่ประชาชนต้องการ”

เฟิงหยางมองทัศนียภาพอันงดงามรอบตัว สีหน้าแฝงแววทอดถอนใจ

“ใช่แล้ว เปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ......”

ตั้งแต่เข้าสู่กองทัพตอนอายุสิบห้าปี เขาอยู่นอกด่านมาเป็นเวลาแปดปีเต็ม ไม่เคยกลับเมืองหลวงเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ไม่เพียงแต่ทิวทัศน์ตรงหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปมาก คนในความทรงจำก็กลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว

หากเป็นเมื่อแปดปีก่อน เขายากจะจินตนาการ หญิงสาวคนนั้นที่เคยถูกผู้คนรังเกียจทอดทิ้งให้โดดเดี่ยวเหมือนกับเขา ถูกบีบบังคับให้กอดกับเขาเพื่อความอบอุ่นในตอนนั้น คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นพระชายารัชทายาทแห่งซีโจวที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว

ก็ไม่รู้ว่า ตอนนี้นางมีหน้าตาเป็นอย่างไร แล้วยังจำเขาได้หรือไม่

ได้ยินมาว่านางมีฝีมือทางการแพทย์ไร้เทียมทาน ปานดำบนใบหน้าก็ถูกกำจัดไปหมดแล้ว เหล่าลูกศิษย์ในเมืองหลวงไม่มีใครไม่เขียนบทกลอนยกย่องว่านางเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงามล่มเมือง

แต่สำหรับคนคนนั้น ความทรงจำของเฟิงหยางยังคงหยุดอยู่ในอดีตอันแสนยาวนาน

……

ขณะนั้นนางอายุเท่าไหร่

เหมือนเพิ่งจะหกขวบกระมัง

เด็กหญิงที่สวมชุดกระโปรงสีชมพูมัดมวยผมคู่ ร้องไห้สะอึกสะอื้น “แบะแบะ ไม่มีใครอยากเล่นกับข้า พวกเขาต่างก็ไปหาน้องสาวแล้ว ยังบอกว่าข้าเป็นตัวอัปลักษณ์ที่น่าเกลียดที่สุด”

ตอนที่นางร้องไห้ ปานแดงครึ่งใบหน้าก็บิดเบี้ยวขึ้นมา ดูแล้วน่าตกใจยิ่งนัก

เฟิงหยางก็เพิ่งจะอายุเก้าขวบ กลับสามารถปลอบใจนางได้อย่างสุขุมแล้ว ชี้ที่ใบหน้าของตนเอง “อะไรกัน เจ้าดูหน้าข้า ข้าต่างหากที่เป็นตัวอัปลักษณ์น่าเกลียดที่สุด พวกเขาสายตาไม่ดี เจ้าไม่ต้องสนใจพวกเขา”

ว่าแล้ว เขาก็จงใจทำหน้าผี รอยแผลที่เพิ่งตกสะเก็ดได้ไม่นานคล้ายกับหนอนสีแดงที่กำลังดิ้นไปมา

บวกกับดวงตาสีเขียว สามารถทำให้เด็กคนอื่นๆตกใจจนร้องไห้ได้อย่างแน่นอน

“เจ้าดูซิ ข้าอัปลักษณ์ใช่หรือไม่ ไม่เชื่อละก็ประเดี๋ยวข้าจะไปทำให้พวกเขาตกใจให้เจ้าดู”

สาวน้อยตกใจสะดุ้งโหยง จากนั้นก็ยิ้มทั้งน้ำตา “โห แบะแบะเจ้าช่างน่าเกลียดจริงๆ”

คำพูดของเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสา เฟิงหยางก็ไม่ได้ใส่ใจ แม้ว่าการใช้แรงทำหน้าผีจะทำให้เขารู้สึกเจ็บที่แผล เพียงแต่เมื่อเห็นเพื่อนคนเดียวของเขาไม่ร้องไห้แล้ว เขาก็รู้สึกพอใจมาก

เฟิงหยางยิ้ม จากนั้นก็ถามนางอย่างไม่เข้าใจว่า “ทำไมเจ้าเอาแต่เรียกข้าว่าแบะแบะ ข้าหน้าตาเหมือนแกะหรือ”

“เจ้าบอกว่าตัวเองชื่อเฟิงหยางไม่ใช่หรือ” สาวน้อยตอบเขาอย่างฉะฉาน “แม่ข้าบอกว่าแกะมันร้องแบะแบะ อีกอย่างผมของเจ้าก็หยิก เหมือนลูกแกะ”

พูดจบ นางก็งอนิ้ววางไว้ข้างศีรษะสองฝั่งทำเป็นเขาของแกะ น่ารักมาก

ห้าปีแล้ว หญิงสาวที่เคียงข้างกันตอนนี้ก็อายุยี่สิบสองปีแล้ว คิดว่าการกลับเมืองหลวงครั้งนี้ ตระกูลเว่ยต้องจัดการเรื่องสำคัญอย่างการแต่งงานของนางเป็นแน่แท้

แม้ว่าก่อนหน้านี้ในเมืองหลวงจะมีจดหมายมาบอกว่า เสิ่นทัวประสบพบเจอกับเหตุการณ์พิเศษทำให้สูญเสียความทรงจำไป แต่ด้วยนิสัยมุ่งมั่นและดื้อรั้นของเว่ยยิง นางไม่น่าจะละทิ้งเสิ่นทัวกระมัง

เพราะนั่นเป็นพี่ชายที่นางชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก ยอมไปอยู่ที่ชายแดนอันแสนห่างไกลเพื่ออีกฝ่าย เมื่อปีที่แล้วก่อนทีจดหมายฉบับนั้นจะมาส่ง เว่ยยิงไม่เคยละทิ้งความคิดที่จะตามหาอีกฝ่าย

หลายปีมานี้ เขาเดินทางไปทั่วทุกหมู่บ้านในเมืองสุยเป็นเพื่อนเว่ยยิง กระทั่งแทรกซึมเข้าไปอยู่ในกองทัพของทูเจวียเพื่อตามหา รับรู้ถึงความแน่วแน่ที่นางมีต่อผู้ชายคนนั้นอยู่ลึกๆ

คนเรามาแล้วก็ไปเป็นเรื่องปกติ พลิกผันไปมาอยู่หลายปี ไม่ช้าเขาก็ต้องโดดเดี่ยวเดียวดายแล้ว

เหมือนแต่ก่อน

เว่ยยิงได้ยินเช่นนี้ สีหน้านิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า “อืม ตระกูลเสิ่นพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ข้าต้องไปเยี่ยมอาชิ่นแน่นอน ขอเพียงพวกเขามีชีวิตที่ดี ข้าก็สามารถวางใจได้แล้ว”

ระหว่างที่พูด สีหน้าของนางมีแววเลื่อนลอยและเศร้าใจอยู่หลายส่วน

คนที่ตามหามานานหลายปีในที่สุดก็หาเจอ แต่กลับลืมนางจนหมดสิ้นแล้ว ความรู้สึกนี้ทำให้ยากจะรับได้อยู่บ้าง

แต่ว่า เว่ยยิงพบว่าจิตใจของตนเองยังนับว่าสงบดี ไม่ได้ยากเกินจะทน

เว่ยยิงมองไปข้างหน้า พบว่าเข้าใกล้ประตูเมืองที่สูงสง่ามากขึ้นทุกทีแล้ว รู้ว่าในไม่ช้าจะต้องแยกย้ายคนละทางกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ

ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป นางจะกลับคืนสู่สถานะของการเป็นผู้หญิงอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่องครักษ์ประจำตัวของอีกฝ่ายอีกต่อไป ระหว่างกันมีความแตกต่างระหว่างชายหญิง

ชั่วขณะนั้น หัวใจของเว่ยยิงก็เกิดความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ รวมไปถึงความตื้อตันที่ยากจะอธิบายขึ้นมา

“พี่ใหญ่ หลายปีมานี้ขอบคุณที่ท่านช่วยดูแลข้า ถ้าหากไม่ได้ท่านละก็ ข้าคงจะตายอยู่ที่นั่นตั้งนานแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ