เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1016

ตั้งแต่เดือนแรกที่นางไปถึงค่ายทหาร เฟิงหยางก็ดูออกแล้วว่านางเป็นผู้หญิง แต่นางยังคงงี่เง่าคิดว่าตัวเองปลอมตัวได้ดีมาก กระทั่งผ่านไปนานมากกว่าจะพบว่าเขารู้ความจริงตั้งนานแล้ว

ต้องขอบคุณเฟิงหยางที่ให้นางไปทำหน้าที่องครักษ์ประจำตัวอยู่ข้างกายเขา จึงได้ช่วยนางปกปิดอย่างราบรื่นมาได้ถึงห้าปี

เพียงแต่รู้สึกกลุ้มใจกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวง เพราะนางต้องดูแลเนี่ยนเอ๋อร์ที่ร่างกายอ่อนแอไม่สบายอย่างใกล้ชิด ทำให้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงอย่างไม่ตั้งใจ

“ระหว่างเจ้ากับข้ายังต้องพูดขอบคุณอะไรอีก” เฟิงหยางพูด ชั่วพริบตาประตูเมืองก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว “เอาล่ะ ข้าต้องพาแม่นางเนี่ยนเอ๋อร์ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้ว เจ้ากับรองแม่ทัพพาเหล่าทหารไปฉลองที่ค่ายทหารเถอะ”

“คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เจ้าจะอยู่ในกองทัพแล้ว เล่นให้สนุกแล้วกัน ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องการสมัครเป็นทหารแทนพี่ชายของเจ้า ข้าจะอธิบายกับฝ่าบาทเอง”

กองทัพได้รับชัยชนะกลับมายังราชสำนัก ทางค่ายทหารได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ ไม่เพียงแต่มีเหล้าและอาหารที่จักรพรรดิประทานให้ ยังมีเงินรางวัลด้วย

ส่วนเฟิงหยางต้องรีบส่งโม่อี้เนี่ยนเข้าไปในวังโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการสรรเสริญความดีความชอบของเขาในหลายปีมานี้ ทางราชวงศ์ได้จัดงานเลี้ยงไว้ให้เขาโดยเฉพาะ

เว่ยยิงพยักหน้า ฐานะของนางไม่ได้สูงส่ง ถ้าไม่ได้รับราชโองการจากจักรพรรดิ ก็ไม่สามารถเข้าสู่วังหลวงได้

แม้จะอยากออกตัวยอมรับผิด ก็ยังไม่มีโอกาส

หลังจากที่ติดตามเฟิงหยางเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว พวกนายพลและรองแม่ทัพต่างก็ไปพักผ่อนในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

คนในวังมารออยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว ส่งมอบเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ต้องใส่ไปร่วมในงานเลี้ยงของวังด้วยตัวเอง

ส่วนสาวรับใช้และแม่นมอีกฝั่งก็รับผิดชอบแต่งตัวให้กับโม่อี้เนี่ยน เว่ยยิงกลับช่วยปรนนิบัติถอดชุดเกราะให้กับเฟิงหยางอย่างเคยชิน เก็บชุดเกราะที่หนาหนักของเขาอย่างระมัดระวัง

กระทั่งกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง เฟิงหยางได้เปลี่ยนเป็นชุดสีดำปักลายเมฆสีทองทั้งตัวแล้ว รูปร่างที่สูงใหญ่น่าเกรงขามแฝงไปด้วยความอบอุ่นและความสง่างามอยู่หลายส่วน

แม้จะมีรอยแผลเป็นที่พาดยาวไปครึ่งใบหน้า ยังคงไม่อาจห้ามความคิดของเว่ยยิงที่มองเขาว่าเป็นผู้กล้าที่ไม่ธรรมดาได้

เฟิ่งหยางหันไปทางด้านข้าง กำลังก้มหน้าตรวจดูบางสิ่งอย่างจริงจัง

เว่ยยิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า “ถึงว่าผู้คนมักจะบอกว่า ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง พอเปลี่ยนชุดใหม่ ข้ายังแทบจะจำพี่ใหญ่ไม่ได้แล้ว การกลับมาครั้งนี้ต้องมีข่าวดีเรื่องการแต่งงานแน่ๆ”

เฟิงหยางได้ยินเช่นนั้นก็หันมา เว่ยยิงเห็นสิ่งที่อยู่ในมือเขาชัดเจน

เป็นมีดสั้นที่ประดับด้วยทับทิมสีแดงคู่กายเล่มนั้นอีกแล้ว

เขาพกมีดสั้นเล่มนี้ไว้ข้างกายตั้งนานแล้ว แม้จะเป็นของเก่า แต่ก็ถูกขัดจนสวยงามและดูใหม่อยู่เสมอ แม้แต่ใบมีดยังสะท้อนแสงสีม่วงที่สวยงามให้เห็นอย่างเลือนราง เห็นได้ชัดว่าเจ้าของรักสิ่งนี้มาก

ทั้งๆที่เฟิงหยางชำนาญการยิงธนูมากที่สุด แต่ตอนที่เว่ยยิงอยู่ในค่ายทหาร กลับมีหลายครั้งที่พบว่าเขาทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้ได้มาซึ่งเนยที่เป็นของฟุ่มเฟือย เพียงเพื่อจะบำรุงรักษามีดสั้นเล่มนี้

มีดสั้นกะทัดรัดเล่มนี้เคยช่วยชีวิตเฟิงหยางในยามวิกฤติไว้ได้หลายครั้ง และเคยช่วยชีวิตนางไว้ด้วย

ต่อมา เว่ยหยางได้รับรู้จากองครักษ์ประจำตัวคนอื่น ถึงประวัติความเป็นมาของมีดสั้นเล่มนี้โดยบังเอิญ

“เจ้าอย่าล้อข้าเลย ข้าไม่กล้าหวังว่าจะมีกุลสตรีในเมืองหลวงที่ชื่นชอบคนหยาบอย่างข้า อีกอย่าง ตอนนี้ข้าก็ยังไม่คิดจะแต่งงาน”

เฟิงหยางยิ้ม นำมีดสั้นเก็บเข้าไปในฝักและเหน็บเอาไว้ที่เอว จากนั้นก็หมุนตัวไปรื้อค้นกล่องสัมภาระ

เว่ยยิงอดไม่ได้ที่จะเผลอคิด ไม่คิดจะแต่งงาน......เป็นเพราะคนในใจแต่งงานไปแล้วอย่างนั้นหรือ

“แล้วเจ้าล่ะ เป็นสาวเป็นแส้ใช้ชีวิตอยู่กับพวกผู้ชายในกองทัพมาห้าปี ต้องตากแดดตากลมทั้งวันไม่ว่า ปกติก็ไม่ได้มีโอกาสแต่งตัวดีๆเลย”

“ตอนนี้กลับเมืองหลวงแล้ว ควรจะทำตัวเป็นผู้หญิงได้แล้ว มิเช่นนั้นจะแต่งไม่ออก”

ความสนใจของเว่ยยิงถูกเสียงหัวเราะหยอกล้อของเฟิงหยางดึงกลับมา สายตามองไปยังกล่องไม้และห่อผ้าที่เขายื่นมาให้ แล้วก็นิ่งอึ้ง

ไป “นี่มัน......”

“เป็นของขวัญที่พี่ใหญ่เตรียมไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะ ระหว่างที่เดินทางกลับมาที่นี่ เจ้าดูซิว่าชอบหรือไม่”

เว่ยยิงรับกล่องไม้ไปเปิดออก ข้างในเป็นเครื่องประดับศีรษะชุดหนึ่งที่มีความประณีตสวยงามมาก ข้างกันยังมีตลับแป้งและชาดอีกหลายกล่อง

ส่วนในห่อผ้าเป็นกระโปรงครึ่งแขนใหม่เอี่ยมชุดหนึ่ง เป็นรูปแบบเรียบง่ายคล่องตัวที่นางชื่นชอบ เนื้อผ้าสีเขียวอ่อนเข้ากับสีผิว

นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยอย่างตื่นเต้นออกมาว่า “ย่อมต้องชอบอยู่แล้ว ขอบคุณพี่ใหญ่”

เขาคุกเข่าลงคำนับให้กับทุกคน จักรพรรดิจาวเหรินสะบัดแขนเสื้อพลางพูดว่า “ไม่ต้องมากพิธีลุกขึ้นมานั่งเถอะ”

ข้างกายขันทียังมีเด็กสาวตัวผอมแห้งอายุราวหกเจ็ดขวบคนหนึ่ง แต่งการทำผมเรียบร้อย ท่าทีอ่อนแอดูไม่สบาย ดวงตากลับเป็นประกายมีชีวิตชีวา

“ท่านแม่”

“เนี่ยนเอ๋อร์”

วินาทีที่เห็นลูกสาว หัวใจขององค์หญิงอี๋อันที่เป็นกังวลมานานจู่ๆก็ผ่อนคลายลง น้ำตาไหลรื้นออกมา รีบลุกขึ้นมากอดลูกสาวที่วิ่งเข้ามาหาเอาไว้

“ท่านแม่ เนี่ยนเอ๋อร์คิดถึงท่านมาก ท่านแม่”

“เนี่ยนเอ๋อร์......ลูกสาวคนดีของแม่ ครึ่งปีมานี้ลำบากเจ้าแล้ว ต้องโทษที่แม่ไม่เอาไหน ไม่สามารถพาเจ้ามาด้วยกันได้”

ต่อหน้าทุกคน องค์หญิงอี๋อันร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติ รีบพาเนี่ยนเอ๋อร์ไปทำความรู้จักทุกคน

“เนี่ยนเอ๋อร์ นี่คือเสด็จตาทวดของเจ้า นี่คือเสด็จตาของเจ้า”

ในขณะที่คนทั้งหมดกำลังห้อมล้อมจ้องมองนางหนูเนี่ยนเอ๋อร์ อวิ๋นหลิงกลับรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา

นางหันไปมองตามความรู้สึก ปะทะเข้ากับดวงตาสีเขียวคู่หนึ่ง

นั่นเป็นใบหน้าที่ถ้าหากอยู่ในยุคปัจจุบันคงหล่อเหลามาก เขาไม่ได้รับการถ่ายทอดสีผิวที่ค่อนข้างขาวจากบรรพบุรุษ หรือบางทีอาจเป็นเพราะตากแดดตากลมอยู่ที่ชายแดนมานานปี ผิวพรรณจึงเป็นสีทองแดงที่ดูสุขภาพดี

องคาพยพทั้งห้าโดดเด่น คิ้วดกดำดวงตาโตริมฝีปากหนา กลับไม่เหมือนลูกครึ่งอย่างเหมาเหมาที่ดูหยาบกระด้าง

แม้แต่รอยแผลเป็นบนใบหน้าก็ไม่ได้ทำให้เขาดูป่าเถื่อนโหดร้ายเลย กลับทำให้ดูแข็งแกร่งสง่าอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวฮั่น

รูปลักษณ์ของเขาน่ามองมาก แต่ก็แตกต่างจากความหล่อเหลาลึกล้ำในแบบโบราณของเซียวปี้เฉิง

ผมที่รวบขึ้นสูงเป็นหางม้ามีสีดำขลับราวกับหมึก ปลายผมม้วนงอเล็กน้อย บวกกับดวงตาสีเขียวอ่อนคู่นั้น เป็นชาวต่างชาติที่มีความงามแปลกใหม่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ