ตั้งแต่เดือนแรกที่นางไปถึงค่ายทหาร เฟิงหยางก็ดูออกแล้วว่านางเป็นผู้หญิง แต่นางยังคงงี่เง่าคิดว่าตัวเองปลอมตัวได้ดีมาก กระทั่งผ่านไปนานมากกว่าจะพบว่าเขารู้ความจริงตั้งนานแล้ว
ต้องขอบคุณเฟิงหยางที่ให้นางไปทำหน้าที่องครักษ์ประจำตัวอยู่ข้างกายเขา จึงได้ช่วยนางปกปิดอย่างราบรื่นมาได้ถึงห้าปี
เพียงแต่รู้สึกกลุ้มใจกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางกลับเมืองหลวง เพราะนางต้องดูแลเนี่ยนเอ๋อร์ที่ร่างกายอ่อนแอไม่สบายอย่างใกล้ชิด ทำให้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงอย่างไม่ตั้งใจ
“ระหว่างเจ้ากับข้ายังต้องพูดขอบคุณอะไรอีก” เฟิงหยางพูด ชั่วพริบตาประตูเมืองก็อยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว “เอาล่ะ ข้าต้องพาแม่นางเนี่ยนเอ๋อร์ไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้ว เจ้ากับรองแม่ทัพพาเหล่าทหารไปฉลองที่ค่ายทหารเถอะ”
“คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เจ้าจะอยู่ในกองทัพแล้ว เล่นให้สนุกแล้วกัน ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องการสมัครเป็นทหารแทนพี่ชายของเจ้า ข้าจะอธิบายกับฝ่าบาทเอง”
กองทัพได้รับชัยชนะกลับมายังราชสำนัก ทางค่ายทหารได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับ ไม่เพียงแต่มีเหล้าและอาหารที่จักรพรรดิประทานให้ ยังมีเงินรางวัลด้วย
ส่วนเฟิงหยางต้องรีบส่งโม่อี้เนี่ยนเข้าไปในวังโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการสรรเสริญความดีความชอบของเขาในหลายปีมานี้ ทางราชวงศ์ได้จัดงานเลี้ยงไว้ให้เขาโดยเฉพาะ
เว่ยยิงพยักหน้า ฐานะของนางไม่ได้สูงส่ง ถ้าไม่ได้รับราชโองการจากจักรพรรดิ ก็ไม่สามารถเข้าสู่วังหลวงได้
แม้จะอยากออกตัวยอมรับผิด ก็ยังไม่มีโอกาส
หลังจากที่ติดตามเฟิงหยางเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว พวกนายพลและรองแม่ทัพต่างก็ไปพักผ่อนในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
คนในวังมารออยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว ส่งมอบเสื้อผ้าชุดใหม่ที่ต้องใส่ไปร่วมในงานเลี้ยงของวังด้วยตัวเอง
ส่วนสาวรับใช้และแม่นมอีกฝั่งก็รับผิดชอบแต่งตัวให้กับโม่อี้เนี่ยน เว่ยยิงกลับช่วยปรนนิบัติถอดชุดเกราะให้กับเฟิงหยางอย่างเคยชิน เก็บชุดเกราะที่หนาหนักของเขาอย่างระมัดระวัง
กระทั่งกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง เฟิงหยางได้เปลี่ยนเป็นชุดสีดำปักลายเมฆสีทองทั้งตัวแล้ว รูปร่างที่สูงใหญ่น่าเกรงขามแฝงไปด้วยความอบอุ่นและความสง่างามอยู่หลายส่วน
แม้จะมีรอยแผลเป็นที่พาดยาวไปครึ่งใบหน้า ยังคงไม่อาจห้ามความคิดของเว่ยยิงที่มองเขาว่าเป็นผู้กล้าที่ไม่ธรรมดาได้
เฟิ่งหยางหันไปทางด้านข้าง กำลังก้มหน้าตรวจดูบางสิ่งอย่างจริงจัง
เว่ยยิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า “ถึงว่าผู้คนมักจะบอกว่า ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง พอเปลี่ยนชุดใหม่ ข้ายังแทบจะจำพี่ใหญ่ไม่ได้แล้ว การกลับมาครั้งนี้ต้องมีข่าวดีเรื่องการแต่งงานแน่ๆ”
เฟิงหยางได้ยินเช่นนั้นก็หันมา เว่ยยิงเห็นสิ่งที่อยู่ในมือเขาชัดเจน
เป็นมีดสั้นที่ประดับด้วยทับทิมสีแดงคู่กายเล่มนั้นอีกแล้ว
เขาพกมีดสั้นเล่มนี้ไว้ข้างกายตั้งนานแล้ว แม้จะเป็นของเก่า แต่ก็ถูกขัดจนสวยงามและดูใหม่อยู่เสมอ แม้แต่ใบมีดยังสะท้อนแสงสีม่วงที่สวยงามให้เห็นอย่างเลือนราง เห็นได้ชัดว่าเจ้าของรักสิ่งนี้มาก
ทั้งๆที่เฟิงหยางชำนาญการยิงธนูมากที่สุด แต่ตอนที่เว่ยยิงอยู่ในค่ายทหาร กลับมีหลายครั้งที่พบว่าเขาทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อให้ได้มาซึ่งเนยที่เป็นของฟุ่มเฟือย เพียงเพื่อจะบำรุงรักษามีดสั้นเล่มนี้
มีดสั้นกะทัดรัดเล่มนี้เคยช่วยชีวิตเฟิงหยางในยามวิกฤติไว้ได้หลายครั้ง และเคยช่วยชีวิตนางไว้ด้วย
ต่อมา เว่ยหยางได้รับรู้จากองครักษ์ประจำตัวคนอื่น ถึงประวัติความเป็นมาของมีดสั้นเล่มนี้โดยบังเอิญ
“เจ้าอย่าล้อข้าเลย ข้าไม่กล้าหวังว่าจะมีกุลสตรีในเมืองหลวงที่ชื่นชอบคนหยาบอย่างข้า อีกอย่าง ตอนนี้ข้าก็ยังไม่คิดจะแต่งงาน”
เฟิงหยางยิ้ม นำมีดสั้นเก็บเข้าไปในฝักและเหน็บเอาไว้ที่เอว จากนั้นก็หมุนตัวไปรื้อค้นกล่องสัมภาระ
เว่ยยิงอดไม่ได้ที่จะเผลอคิด ไม่คิดจะแต่งงาน......เป็นเพราะคนในใจแต่งงานไปแล้วอย่างนั้นหรือ
“แล้วเจ้าล่ะ เป็นสาวเป็นแส้ใช้ชีวิตอยู่กับพวกผู้ชายในกองทัพมาห้าปี ต้องตากแดดตากลมทั้งวันไม่ว่า ปกติก็ไม่ได้มีโอกาสแต่งตัวดีๆเลย”
“ตอนนี้กลับเมืองหลวงแล้ว ควรจะทำตัวเป็นผู้หญิงได้แล้ว มิเช่นนั้นจะแต่งไม่ออก”
ความสนใจของเว่ยยิงถูกเสียงหัวเราะหยอกล้อของเฟิงหยางดึงกลับมา สายตามองไปยังกล่องไม้และห่อผ้าที่เขายื่นมาให้ แล้วก็นิ่งอึ้ง
ไป “นี่มัน......”
“เป็นของขวัญที่พี่ใหญ่เตรียมไว้ให้เจ้าโดยเฉพาะ ระหว่างที่เดินทางกลับมาที่นี่ เจ้าดูซิว่าชอบหรือไม่”
เว่ยยิงรับกล่องไม้ไปเปิดออก ข้างในเป็นเครื่องประดับศีรษะชุดหนึ่งที่มีความประณีตสวยงามมาก ข้างกันยังมีตลับแป้งและชาดอีกหลายกล่อง
ส่วนในห่อผ้าเป็นกระโปรงครึ่งแขนใหม่เอี่ยมชุดหนึ่ง เป็นรูปแบบเรียบง่ายคล่องตัวที่นางชื่นชอบ เนื้อผ้าสีเขียวอ่อนเข้ากับสีผิว
นางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยอย่างตื่นเต้นออกมาว่า “ย่อมต้องชอบอยู่แล้ว ขอบคุณพี่ใหญ่”
เขาคุกเข่าลงคำนับให้กับทุกคน จักรพรรดิจาวเหรินสะบัดแขนเสื้อพลางพูดว่า “ไม่ต้องมากพิธีลุกขึ้นมานั่งเถอะ”
ข้างกายขันทียังมีเด็กสาวตัวผอมแห้งอายุราวหกเจ็ดขวบคนหนึ่ง แต่งการทำผมเรียบร้อย ท่าทีอ่อนแอดูไม่สบาย ดวงตากลับเป็นประกายมีชีวิตชีวา
“ท่านแม่”
“เนี่ยนเอ๋อร์”
วินาทีที่เห็นลูกสาว หัวใจขององค์หญิงอี๋อันที่เป็นกังวลมานานจู่ๆก็ผ่อนคลายลง น้ำตาไหลรื้นออกมา รีบลุกขึ้นมากอดลูกสาวที่วิ่งเข้ามาหาเอาไว้
“ท่านแม่ เนี่ยนเอ๋อร์คิดถึงท่านมาก ท่านแม่”
“เนี่ยนเอ๋อร์......ลูกสาวคนดีของแม่ ครึ่งปีมานี้ลำบากเจ้าแล้ว ต้องโทษที่แม่ไม่เอาไหน ไม่สามารถพาเจ้ามาด้วยกันได้”
ต่อหน้าทุกคน องค์หญิงอี๋อันร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติ รีบพาเนี่ยนเอ๋อร์ไปทำความรู้จักทุกคน
“เนี่ยนเอ๋อร์ นี่คือเสด็จตาทวดของเจ้า นี่คือเสด็จตาของเจ้า”
ในขณะที่คนทั้งหมดกำลังห้อมล้อมจ้องมองนางหนูเนี่ยนเอ๋อร์ อวิ๋นหลิงกลับรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองนางอย่างไม่ละสายตา
นางหันไปมองตามความรู้สึก ปะทะเข้ากับดวงตาสีเขียวคู่หนึ่ง
นั่นเป็นใบหน้าที่ถ้าหากอยู่ในยุคปัจจุบันคงหล่อเหลามาก เขาไม่ได้รับการถ่ายทอดสีผิวที่ค่อนข้างขาวจากบรรพบุรุษ หรือบางทีอาจเป็นเพราะตากแดดตากลมอยู่ที่ชายแดนมานานปี ผิวพรรณจึงเป็นสีทองแดงที่ดูสุขภาพดี
องคาพยพทั้งห้าโดดเด่น คิ้วดกดำดวงตาโตริมฝีปากหนา กลับไม่เหมือนลูกครึ่งอย่างเหมาเหมาที่ดูหยาบกระด้าง
แม้แต่รอยแผลเป็นบนใบหน้าก็ไม่ได้ทำให้เขาดูป่าเถื่อนโหดร้ายเลย กลับทำให้ดูแข็งแกร่งสง่าอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวฮั่น
รูปลักษณ์ของเขาน่ามองมาก แต่ก็แตกต่างจากความหล่อเหลาลึกล้ำในแบบโบราณของเซียวปี้เฉิง
ผมที่รวบขึ้นสูงเป็นหางม้ามีสีดำขลับราวกับหมึก ปลายผมม้วนงอเล็กน้อย บวกกับดวงตาสีเขียวอ่อนคู่นั้น เป็นชาวต่างชาติที่มีความงามแปลกใหม่

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...