เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1018

เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป ผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ในงานทุกคนต่างก็รู้สึกสงสารขึ้นมา

องค์หญิงอี๋อันเกือบจะร้องไห้ออกมา ใช้แขนเสื้อเช็ดที่หางตา น้ำเสียงเศร้าเสียใจ “ตั้งแต่เนี่ยนเอ๋อร์เกิดมา คนคนนั้นก็ไม่เคยอุ้มนางเลยแม้แต่ครั้งเดียว.....”

ตอนนี้ แม้แต่จักรพรรดิจาวเหรินก็อดไม่ได้ที่จะทั้งโกรธและสงสาร

เขาโบกมือทางเยี่ยนอ๋อง เป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายอุ้มเนี่ยนเอ๋อร์มา “เจ้าสี่ เข้าอุ้มเนี่ยนเอ๋อร์มาให้ข้า ลูกสาวของราชวงศ์เรามีคนรักถมไป เป็นเจ้าโจรกบฏคนนั้นที่ไร้วาสนา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก็ให้เนี่ยนเอ๋อร์เปลี่ยนเป็นแซ่เซียว”

จักรพรรดิจาวเหรินพูดอย่างฉะฉาน สายตามองไปทางองค์หญิงอี๋อันอย่างเคร่งขรึม

“ซูโยวเอ๋ย ข้าคิดเช่นนี้ ภายหน้าถ้าหากเจ้าจะแต่งงานอีก หากบ้านสามีมีเกียรติคุณ เช่นนั้นก็ให้เนี่ยนเอ๋อร์เปลี่ยนนามสกุลตามพ่อเลี้ยง เช่นนั้นข้าก็สามารถอาศัยเกียรติคุณของอีกฝ่าย แต่งตั้งให้เนี่ยนเอ๋อร์เป็นท่านหญิงได้”

“แต่ว่า ถ้าหากเจ้าไม่อยากจะแต่งงานอีก หรือแต่งงานกับบุรุษธรรมดา ก็ไม่เป็นไร เนี่ยนเอ๋อร์เป็นลูกสาวที่มีสายเลือดของราชวงศ์ ราชวงศ์จะเลี้ยงดูนางตลอดชีวิต คอยสนับสนุนนางตลอดไป”

หากพูดด้วยใจยุติธรรม ด้วยประสบการณ์และฐานะขององค์หญิงอี๋อัน นางอยากจะแต่งงานกับผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งสามารถพูดได้ว่าโอกาสน้อยมาก

แต่คำสัญญาของจักรพรรดิจาวเหริน ทำให้นางได้รับรู้ถึงความรักและความเอาใจใส่จากพ่ออย่างแท้จริง ชั่วขณะนั้นน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา

“เสด็จพ่อ......”

อวิ๋นหลิงรู้ดี จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกผิดขึ้นมาอีกแล้ว จึงอยากจะชดเชยให้แม่ลูกคู่นี้

แต่ว่าครั้งนี้ เขาได้ทำเรื่องที่ทำให้ทุกคนต่างก็รู้สึกสบายใจ

เพียงแต่ว่า เมื่อเทียบกันแล้วก็เป็นสองมาตรฐาน ตอนที่หรงฉานได้รับความลำบากใจ เขาคิดหาทุกวิถีทางในการห้ามไม่ให้ผู้อื่นหย่าขาดจากกัน

และเป็นอย่างที่คิด ลูกสาวอย่างไรเสียก็เป็นลูกของตัวเองวันยังค่ำ ลูกสะใภ้ที่สุดก็แค่คนนอก

ระหว่างที่ทุกคนพูดคุยกัน เฟิงหยางนั่งเงียบอยู่หน้าโต๊ะ ชำเลืองมองอวิ๋นหลิงอยู่เป็นระยะ

หน้าตาของนางในตอนนี้ช่างงดงามมากจริงๆ ไม่มีเค้าโครงใบหน้าสมัยเด็กเลยสักนิด ท่าทีเหินห่างมาก สายตาที่มองเขามีแววประหลาดใจแฝงความแปลกหน้า

ชั่วขณะนั้น เฟิงหยางไม่ค่อยมั่นใจ นางยังจำตนเองได้หรือไม่

เมื่อครู่นางกระซิบกระซาบกับองค์รัชทายาท เขาก็มองเห็น เห็นทีจะเป็นเหมือนในข่าวลือ ระหว่างสองสามีภรรยารักกันมั่นคง เป็นดั่งคู่รักจากสวรรค์

แล้วนางยังจำตนเองได้หรือไม่ ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดนั้นแล้ว

อีกฝ่ายมีชีวิตที่ดี เขาย่อมดีใจ

เซียวปี้เฉิงแอบสังเกตเฟิงหยางอย่างเงียบๆอยู่นาน สายตาของอีกฝ่ายกว่าร้อยละแปดสิบมักจะหยุดมองอยู่ที่อวิ๋นหลิง อีกทั้งยังมีอารมณ์บางอย่างที่คลุมเครือแฝงอยู่

ตอนนี้ทำให้เสียงแจ้งเตือนในใจเขาดังขึ้น หรือจะเป็นรักแรกพบ

แม้แต่หรงจั้นซึ่งเป็นผู้ชายที่ภายนอกดูอบอุ่น ภายในใจหยิ่งยโสยังถูกดึงดูดทันที เฟิงหยางเองก็ไม่น่าจะเป็นไปไม่ได้

เวลานี้เซียวปี้เฉิงแทบอยากจะให้ตนเองมีวิชาอ่านใจเหมือนหลงเย่ สำรวจสมองของอีกฝ่ายว่าคิดอะไรอยู่กันแน่

แต่เขาไม่มี ดังนั้นจึงได้แต่เลือกที่จะพยายามเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเฟิงหยาง

“เสด็จพ่อ ครั้งนี้เฟิงหยางเสี่ยงชีวิตแทรกซึมเข้าไปในจวนอ๋องไหวเซียงเพื่อช่วยเนี่ยนเอ๋อร์ ถือว่าได้ทำความดีความชอบครั้งใหญ่ สมควรได้รับการตอบแทน”

จักรพรรดิจาวเหรินเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้ “ใช่แล้ว ดูซิข้านี่เลอะเลือนไปแล้ว เกือบลืมว่านี่เป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อตอบแทนเฟิงหยาง”

สายตาของทุกคนย่อมต้องมองไปทางเฟิงหยาง เขาเก็บสายตาที่จ้องมองอวิ๋นหลิงกลับไปทันที ลุกขึ้นคำนับให้กับจักรพรรดิจาวเหริน

“ฮ่าๆๆ อย่าดูถูกตนเองมากเกินไป เจ้าคู่ควรกับรางวัลนี้แล้ว”

คนที่สามารถทำให้สองสามีภรรยาคู่นั้นพยักหน้าเห็นด้วยได้ เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นแน่ๆ

จักรพรรดิจาวเหรินลูบหนวด สายตาที่มองเฟิงหยางแฝงแววเมตตาเอ็นดู เมื่อเทียบกับเฟิงอู๋จี เขาย่อมชอบคนรุ่นหลังคนนี้มากกว่า

เฟิงอู๋จีเป็นลูกของภรรยาคนรอง พ่อของเขาก็เป็นลูกของอนุภรรยาของเสนาบดีซ้ายเฟิง มีความสัมพันธ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของรุ่ยอ๋อง และยังเป็นลูกศิษย์ของสองสามีภรรยาเจ้าสาม ย่อมใกล้ชิดกับพวกเขามากกว่า

แต่เฟิงหยางเป็นหลานคนโต ท่านพ่อของเขาเป็นพี่น้องร่วมมารดากับเสี่ยวเฟิง เป็นน้องชายของรุ่ยอ๋อง ถ้าหากเขายืนหยัดขึ้นมาได้ ตำแหน่งของรุ่ยอ๋องย่อมพลอยดีขึ้นมาด้วย

ไม่มีแม่ที่เป็นฮองเฮาแล้ว เป็นน้องชายของท่านโหวก็ยังดี วันหน้าหากอยู่ในเมืองหลวง ก็จะไม่มีใครดูถูกรุ่ยอ๋องเพียงเพราะเสี่ยวเฟิงอีกต่อไป

“อีกไม่กี่วัน ข้าจะสั่งให้คนนำราชโองการและรางวัลไปส่งที่บ้านตระกูลเฟิง”

เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เฟิงหยางย่อมไม่ปฏิเสธความหวังดีของจักรพรรดิจาวเหรินในทันที ยิ้มรับพระกรุณาธิคุณ แต่ในใจกลับไม่รู้สึกเศร้าหรือยินดี

จักรพรรดิจาวเหรินยังชวนเขาพูดคุยสัพเพเหระต่ออีกครู่หนึ่ง “ด้วยชาติกำเนิดของเจ้า ไปอยู่ที่ชายแดนกลับเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทะเลกว้างแล้วแต่ปลาจะว่าย ท้องฟ้าสูงแล้วแต่นกจะโบยบิน......ไม่รู้ว่าจะมีความสุขกว่าการอยู่ในเมืองหลวงตั้งกี่เท่า ถ้าหากจะบอกว่ามีอะไรที่น่าเสียใจ ก็คงจะเป็นการไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับท่านตาของเจ้า”

“แต่ข้าจะให้สิทธิพิเศษแก่เจ้า ขอเพียงเซียวโจวไร้สงคราม ทุกปีเจ้าสามารถกลับมาอยู่เมืองหลวงได้หนึ่งเดือน เพื่อเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องผองเพื่อน”

ผู้ที่เป็นแม่ทัพรักษาการณ์อย่างอ๋องไหวเซียง หากไม่ได้รับราชโองการของฮ่องเต้ สิบปีก็อย่าคิดว่าจะได้กลับเมืองหลวงสักครั้ง และนี่ก็เป็นเรื่องปกติของแม่ทัพรักษาการณ์ชายแดน เหมือนพวกพี่น้องคนอื่นๆของจักรพรรดิจาวเหริน สามปีจึงจะกลับเมืองหลวงครั้งหนึ่ง

แต่เฟิงหยางไม่ใช่ตัวละครประเภทที่ต้องระวัง ขังเขาเอาไว้ที่เซียวโจวกลับเป็นเรื่องไม่ดี อย่างไรเสียให้กลับมาผูกสัมพันธ์ในเมืองหลวงบ่อยๆ จึงจะสามารถส่งเสริมรุ่ยอ๋องได้

“อ๋อใช่แล้ว......ข้าเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ จนป่านนี้แล้วเหมือนเจ้าจะยังไม่แต่งงานใช่หรือไม่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ