เซียวปี้เฉิงถูกดุสั่งสอนใส่หน้าโครมๆ จนเวียนหัว เมื่อได้สติกลับมาก็เห็นว่าอวิ๋นหลิงไม่ได้สนใจกล้ามเนื้อหน้าท้องแต่อย่างใด เขาจึงรู้ทันทีว่าตนเป็นเพียงนกยูงรำแพนหางที่คิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว
เขาสะเทือนใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างยากจะยอมรับได้ว่า “ตอนแรกเจ้าไม่ได้พูดเช่นนี้หรอกหรือ ตอนนั้นเจ้าไม่ได้พูดหรอกหรือว่าชอบข้าที่เป็นแบบนี้ยามอยู่บนเตียงที่สุด”
อวิ๋นหลิงได้สอนกลเม็ดเด็ดพรายต่างๆ มากมายให้เขาด้วยตัวนางเอง เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาไม่น่าเบื่อ
อวิ๋นหลิงฟังแล้วก็งุนงงไปชั่วขณะ “วันนี้ท่านมีอาการชักหรือไม่”
เซียวปี้เฉิงสวมเสื้อตัวในเสร็จเรียบร้อยอย่างพาซื่อ ปากก็บ่นตัดพ้อ “ยามมองบุรุษอื่นก็ละสายตาไม่ได้ พอถึงทีข้าไม่เหลือบแลมองด้วยซ้ำ ทั้งที่เฟิงหยางดำกว่าข้าชัดๆ เจ้าก็ไม่รู้ว่าเขามีกล้ามเนื้อหน้าท้องกี่มัด ยังไปชมว่าเขาหล่อเหลาต่อหน้าข้าอีก”
สิ้นคำ อวิ๋นหลิงก็เข้าใจความหึงหวงและความกรุ่นโกรธของเขา
ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงเสียอกเสียใจได้ง่ายดายขนาดนี้ เมื่อชาติที่แล้วคงเคยเป็นต้นมะนาวมาก่อนแน่ๆ
อวิ๋นหลิงฝืนหาคำชมมาปลอบใจเขาด้วยใบหน้าขรึม “ไม่ว่าเฟิงหยางจะหล่อเหลาหรือไม่ก็เป็นความเห็นส่วนตัวของข้า ไม่ได้ขัดแย้งกับความรูปงามของท่านเลย”
“แล้วยามนี้เหตุใดเจ้าถึงไม่ยอมมองข้าสักแวบเล่า”
ทั้งที่เมื่อก่อนอวิ๋นหลิงชมชอบสัมผัสจากมือเขายิ่งนัก ซ้ำยังชมด้วยว่ารู้สึกดีแค่ไหน
“เราเป็นคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกันมานานแล้ว อีกอย่างต่อให้กินอาหารรสเลิศจากภูเขาและทะเลติดๆ กันหลายปี ความสดใหม่เหมือนครั้งแรกก็ไม่ย้อนกลับมาหรอก” อวิ๋นหลิงว่าพลางห่มผ้าห่มเข้านอน
ทั้งลูบไล้และขบเม้มก็ผ่านมาแล้วทั้งนั้น ลำพังเพียงใช้ตามองย่อมรู้สึกผ่อนคลายอยู่บ้าง
ที่สำคัญ การคลอดลูกเลี้ยงดูลูกเป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยจริงๆ ย่อมส่งผลต่อการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ถ้อยคำนี้ฟังดูคล้าย ‘ผู้ชายห่วยๆ’ ทำให้เซียวปี้เฉิงรู้สึกหมดอาลัยตายอยาก จากนั้นเขาก็พึมพำเสียงค่อย “ข้าว่าเจ้าคงเบื่อข้าแล้ว”
“เอาละ สามีมะนาวของข้า รีบดับตะเกียงเข้านอนกันเถอะ!”
อวิ๋นหลิงเอนตัวไปเป่าดับเทียนบนตั่งที่หัวเตียงทันที “ในยุคปัจจุบันข้ายังดูนายแบบเดินโชว์กล้ามบ่อยๆ เลย ทั้งเนื้อทั้งตัวพวกเขาสวมกางเกงในแค่ตัวเดียวเอง หากท่านเห็นเข้าคงไม่จมอยู่ในความอิจฉาตายหรอกหรือ”
หอนอนมืดสนิท แต่เซียวปี้เฉิงลืมตาโพลงอย่างกลัดกลุ้มใจ
เขาอยากจะบอกว่าที่เฟิงหยางและอวิ๋นหลิงพูดนั้นมันคนละเรื่องกันเลย
สายตาที่อีกฝ่ายมองนาง...อย่างไรก็ทำให้รู้สึกแปลกๆ เห็นชัดว่าเจืออารมณ์คลุมเครือบางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น
ในงานเลี้ยงตอนเย็น อวิ๋นหลิงไม่ได้สนใจเฟิงหยาง แต่เป็นเขาต่างหากที่สนใจนางอยู่ตลอด
สรุปแล้ว ชายผู้นี้ทำให้ในใจเขารู้สึกถึงวิกฤติ ดังนั้นจึงต้องระวัง!
……
วันรุ่งขึ้น การแต่งงานระหว่างตระกูลเฟิงกับตระกูลหลี่ก็เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
ปกติแล้วยามพลบค่ำ เจ้าบ่าวจะมารับเกี้ยวเจ้าสาวที่บ้านของนาง
พวกอวิ๋นหลิงมาถึงจวนเฟิงก่อนเวลาครึ่งชั่วโมง รอจนกระทั่งขบวนส่งเกี้ยวไปรับเจ้าสาวของเฟิงอู๋จีปรากฏขึ้น
ในวันธรรมดาเซียวปี้เฉิงจะยุ่งกับงานราชการ จึงไม่สนใจการแต่งกายและรูปร่างหน้าตามากนัก
วันนี้เขากลับพิถีพิถันแต่งตัวและรูปร่างหน้าตาเป็นพิเศษ ไม่เพียงให้นางกำนัลเล็มคิ้วกระบี่ให้เขา แต่ยังโกนหนวดเคราที่คางออกจนขาวหมดจดเรียบเนียนโดยไม่เหลือตอซังเลยสักนิด
เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็เป็นสไตล์ใหม่ล่าสุดที่สั่งทำจาก ‘ถนนทอผ้า’ อาภรณ์สีนิลเข้าคู่กับผ้าคาดเอวสีแดงเข้ม แขนเสื้อและชายเสื้อปักลวดลายหงส์แดงสีแดงเข้ม
หมวกเจ้าบ่าวสีแดงขลิบทองบนศีรษะขับดุนให้เขาดูหล่อหลากว่าปกติ
เขาลงจากหลังม้าแล้วเลิกผ้าคลุมหน้าสีแดงของหลี่เมิ่งชูขึ้น ก้าวข้ามกระถางไฟท่ามกลางเสียงดังคึกคัก แล้วเดินมุ่งหน้าไปยังโถงหน้าของจวนเสนาบดี
พวกอวิ๋นหลิงและแขกเหรื่อเดินตามไปเข้าร่วมพิธี เมื่อเดินเข้าไปในเรือนก็เห็นเสนาบดีซ้ายเฟิงดูภูมิใจยิ้มแย้มแจ่มใส
เซียวปี้เฉิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดเขาถึงมีความสุขนัก วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วหรือไร”
เขายังนึกว่าวันนี้เสนาบดีซ้ายเฟิงจะทำท่าฝืนยิ้ม อย่างไรเสียการแต่งงานครั้งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวัง
อวิ๋นหลิงเหลือบเห็นก็ลอบหัวเราะแล้วเอ่ยว่า “ท่าทีที่เขามีความสุขเช่นนี้ อาจเป็นเพราะได้เปรียบเรื่องชิงเจ้าสาวกับตระกูลหลี่”
“ชิงเจ้าสาว?”
เซียวปี้เฉิงหูผึ่ง สอบถามเรื่องราว จากนั้นก็รู้ว่าทั้งตระกูลเฟิงและตระกูลหลี่ต่างถูกใจคุณหนูตระกูลถัง
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ แต่...เห็นเขายิ้มอย่างมีความสุขเช่นนี้ คงยังไม่รู้เรื่องที่เฟิงหยางถูกจัดให้ไปเซียงโจวกระมัง รอเสด็จพ่อมีราชโองการลงมา ไม่รู้ว่าเขาจะแสดงสีหน้าอย่างไร”
มีคนดีใจก็ย่อมมีคนเศร้าใจ
ผู้ที่ตรงกันข้ามกับเสนาบดีซ้ายเฟิงอย่างสิ้นเชิง ก็คือเสนาบดีขวาหลี่ที่เดินมากับแขกเหรื่อในงานเลี้ยงฝ่ายหญิง
เห็นเขาก้มหน้าลง ใบหน้าเศร้าหมอง เมื่อเห็นเสนาบดีซ้ายเฟิง ทันใดนั้นสองตาที่ลุกวาวก็ลุกเป็นไฟทันที
เขารีบสาวเท้าเดินเข้าไปคว้าแขนเสื้อของอีกฝ่ายแล้วพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ตาเฒ่าเฟิง เจ้าช่างเป็นตาแก่หงำเหงือกที่ไร้ยางอายเสียจริง ถึงกับบังคับชักจูงให้ตระกูลถังยกเลิกการแต่งงานกับตระกูลหลี่!”
เสนาบดีซ้ายเฟิงพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “เช่นนั้นจะโทษข้าได้หรือ ไม่ใช่เพราะพวกเจ้าตระกูลหลี่ไม่เอาไหนเอง พวกรุ่นเยาว์แต่ละคนทำแต่เรื่องไม่เป็นโล้เป็นพาย ตระกูลถังล้มเลิกการแต่งงานกับพวกเจ้าก็นับว่าฉลาดเฉียบแหลม!”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...