อวิ๋นหลิงชะงักไป ถามอย่างนึกฉงน “ขอบคุณข้าหรือ”
นางคิดอยู่ครู่หนึ่ง จำไม่ได้ว่าตนเองเคยไปเกี่ยวข้องอะไรกับเขาหรือช่วยเหลือเขาในเรื่องใด
เฟิงหยางผงกศีรษะ พูดเสียงเข้ม “สามปีที่แล้ว ตอนที่ข้าถูกส่งไปประจำการที่ชายแดนเมืองสุย พวกทูเจวียมักจะใช้พิษควันดักซุ่มโจมตี พิษควันนั่นทำให้ม้าศึกท้องเสียได้ และทำให้เหล่าทหารไร้เรี่ยวแรง”
“ครั้งนั้นข้านำทัพออกไปสู้รบ ทนทุกข์ทรมานจากพวกเขามาไม่น้อย ดีที่ท่านค้นคว้ายาแก้พิษควัน ทั้งยังพัฒนาหน้าไม้ที่มีอานุภาพมหัศจรรย์ชุดหนึ่งแล้วส่งมาให้ที่ชายแดน จึงทำให้ทั้งข้าและเหล่าทหารสามารถต้านทานลูกไม้ของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย จนสู้ศึกชนะมาได้”
พูดตามตรง เฟิงหยางรู้สึกซาบซึ้งอวิ๋นหลิงจากก้นบึ้งหัวใจมาตลอด เขาสามารถฟันฝ่าเดินมาถึงทุกวันนี้ได้ ย่อมเกี่ยวข้องกับนางอย่างเลี่ยงไม่ได้
เขาจำได้ว่าสมัยเป็นเด็กเคยอ่านหนังสือมาบ้าง แต่ในด้านพิชัยสงครามกลับเทียบเซียวปี้เฉิงไม่ติด ถึงอย่างไรนั่นก็คือองค์ชายที่พระเจ้าหลวงเคยสั่งสอนด้วยตนเอง
หลังจากอีกฝ่ายต่อสู้จนตาบอด เขาก็ได้รับคำสั่งให้เข้าทำงานตำแหน่งของอีกฝ่ายในยามคับขัน ช่วงสองปีแรกนั้นก็ยากลำยากนัก ในสมรภูมิรบมีอันตรายมากมาย
จิ้งอ๋องได้รับบาดเจ็บต้องออกจากสนามรบ พวกทูเจวียก็รบพุ่งดุเดือดรุนแรง เมื่อเผชิญกับการจู่โจมและสถานการณ์การต่อสู้ที่ยากลำบากมากขึ้น เฟิงหยางถึงกับคิดว่าเขาอาจจะตายในสนามรบเข้าสักวันหนึ่ง
แต่ของสองอย่างที่อวิ๋นหลิงส่งมาให้นั้นเรียกได้ว่าเป็นความหวังสุดท้าย แทบจะพลิกกลับสถานการณ์ที่เดิมทีแคว้นต้าโจวเสียเปรียบได้ในชั่วพริบตา ช่วยบรรเทาความกดดันอันหนักหน่วงของเขาได้เป็นอย่างมาก
ต่อมาโรงยาโหยวเจียนในเมืองหลวงที่อยู่ในเครือของโรงหมอหลวง ก็มักจะปรับปรุงพัฒนายารักษาบาดแผลต่างๆ แล้วส่งไปยังแนวหน้า ทำให้เหล่าทหารที่ชายแดนไม่ต้องกังวล
อวิ๋นหลิงฟังแล้วก็เข้าใจในบัดดล “อ้อ...ข้าจำได้แล้ว ที่แท้ท่านกำลังพูดถึงเรื่องนี้นี่เอง!”
ตอนนั้นนางเพิ่งทะลุมิติมาที่นี่ มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริงๆ
เวลานั้นนางต้องการเปิดโรงยาหาเงิน เซียวปี้เฉิงสัญญาว่าจะช่วยเหลือนาง จึงขอให้นางช่วยพัฒนายาแก้พิษควัน
เดิมทีเป็นเพียงการค้าขายที่สุดแสนจะธรรมดา แต่ไม่คาดคิดว่ากลับทำให้เฟิงหยางคิดถึงเรื่องนี้มาตลอดสามปีเต็ม
ในใจอวิ๋นหลิงรู้สึกประทับใจ คลี่ยิ้มละไมให้เฟิงหยาง แล้วพูดอย่างเปิดเผย “ทุกคนเป็นสหายกัน ไม่มีอะไรต้องขอบคุณ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านั่นก็เป็นความรับผิดชอบของข้าด้วย เจ้าเกรงใจเกินไปแล้ว”
เดิมทีนางหมายความว่าสหายของปี้เฉิงก็คือสหายของนาง แต่ไม่รู้เลยว่าคำพูดนี้ทำให้เฟิงหยางใจสั่นเล็กน้อย
รอยยิ้มที่เป็นมิตรและสบายใจนี้ซ้อนทับกับภาพในความทรงจำจริงๆ ทำให้เขารู้สึกคล้ายๆ ว่าได้ย้อนเวลากลับไป
เฟิงหยางหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ใช่แล้ว ล้วนเป็นสหายกัน...ถึงจะไม่ได้เจอกันมาหลายปี แต่นิสัยของท่านก็ยังคล้ายกับเมื่อก่อนยิ่งนัก”
ฉับพลันนั้น ในสมองของเซียวปี้เฉิงก็ผุดเครื่องหมายปรัศนีขึ้นตัวแล้วตัวเล่า ใบหน้าฉายแววสับสนและประหลาดใจ
อวิ๋นหลิงยังเอียงศีรษะเบาๆ กะพริบตาปริบๆ “อ่า? ท่านพูดอะไร เมื่อก่อนอะไรกัน”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิงหยางก็ชะงักไป มองนางด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ท่าน...ท่าน...ที่แท้จำไม่ได้หรอกหรือ”
อวิ๋นหลิงใจเต้นระรัว เกิดอะไรขึ้น ไม่นึกว่าเจ้าของร่างเดิมกับเฟิงหยางจะเป็นคนรู้จักเก่ากัน?!
นับตั้งแต่นางมาถึง ความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเริ่มพร่าเลือนมากขึ้น เฉพาะบางครั้งที่นางสัมผัสของบางอย่างที่เกี่ยวกับความทรงจำ จู่ๆ ก็จะปรากฏขึ้นเองเพื่อให้นางรู้สึกตัว
นางคิดทบทวนความทรงจำที่เหลืออยู่ของร่างกายนี้ในหัวอย่างรวดเร็ว
มีภาพฉู่อวิ๋นหานที่ไร้เดียงสาแต่ร้ายลึกตั้งแต่อายุยังน้อยถูกหลอกใช้ มีฉากที่ถูกพ่อและพี่ชายเข้าใจผิดดุว่าจนนางไปซ่อนตัวร้องไห้อยู่ในห้อง มีฉากต่างๆ มากมายทั้งถูกยินถังเยาะเย้ยถากถางในที่สาธารณะระหว่างงานเลี้ยงชมดอกไม้ และมีภาพที่คิดถึงรุ่ยอ๋องทุกเมื่อเชื่อวัน
แต่ไม่มีร่องรอยของเฟิงหยางเลย
ยากนักที่อวิ๋นหลิงจะรู้สึกตึงเครียดเล็กน้อย ไม่คิดว่าผ่านไปนานถึงเพียงนี้ มีวันหนึ่งที่ยังต้องกังวลว่าเรื่องที่ไม่ใช่ตัวจริงนั้นจะถูกเปิดเผย
เขาโค้งคำนับด้วยความเคารพ จากนั้นก็รีบย่ำเท้าเดินไปเข้าร่วมพิธีกับขบวนของตระกูลเฟิง
อวิ๋นหลิงสังเกตว่าจู่ๆ การเรียกขานของเขาเริ่มห่างเหิน หวนนึกถึงรอยยิ้มผิดหวังที่ซ่อนไม่มิดเมื่อครู่ของเขาได้ ในใจก็รู้สึกผิดอย่างอธิบายไม่ถูก
“คำนับหนึ่งไหว้พ่อแม่!”
เสียงตะโกนของเจ้าหน้าที่พิธีการดังขึ้นแล้วในโถงด้านหน้า แต่อวิ๋นหลิงและเซียวปี้เฉิงกลับยืนมองหน้ากันอยู่ที่เดิม
นางกระซิบถามอย่างอดไม่ได้ “ฉู่อวิ๋นหลิงคนเดิมรู้จักเฟิงหยางด้วยหรือ ท่านรู้เรื่องของพวกเขามากน้อยแค่ไหน”
เซียวปี้เฉิงปากสั่นเล็กน้อย “เจ้าจำไม่ได้ แล้วข้าจะจำได้อย่างไร...”
เมื่อครู่เขาก็ตกใจเหมือนกันสินะ!
“เมื่อก่อนท่านสนิทกับหญิงมากเล่ห์อย่างฉู่อวิ๋นหาน ข้ายังนึกว่าท่านก็รู้เรื่องอะไรๆ ของฉู่อวิ๋นหลิงด้วย”
“...แต่ก่อนข้าไม่สนิทกับฉู่อวิ๋นหลิง เท่าที่จำได้ก็คือนางมีนิสัยแปลกๆ ชอบหลบหน้าผู้คนอยู่เสมอ”
เซียวปี้เฉิงหวนนึกถึงที่เฟิงหยางเพิ่งพูดไปว่านิสัยของอวิ๋นหลิงนั้นคล้ายกับฉู่อวิ๋นหลิงในอดีตมาก แต่ในความทรงจำของเขาไม่เคยเห็นท่าทีที่ร่าเริง ใจกว้างและยิ้มแย้มแจ่มใสของอีกฝ่ายเลย
ตอนที่พบกันครั้งแรก นิสัยและท่าทางของนางเริ่มแปลกประหลาดแล้ว นางมีสหายในเมืองหลวงไม่มากนัก
ครั้นเห็นว่าเจ้าสาวที่กำลังกราบไหว้ฟ้าดินจะถูกส่งไปเข้าห้องหอ ทั้งสองสามีภรรยาก็ถูกบีบให้เลิกพูดคุยกัน
อวิ๋นหลิงที่มีคำถามอัดแน่นอกถูกบรรดาญาติฝ่ายหญิงของตระกูลเฟิงรายล้อมด้วยความเคารพ ก่อนจะนั่งลงท่ามกลางรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกนาง

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...