เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1024

งานเลี้ยงแต่งงานของตระกูลเฟิงจะแบ่งแยกแขกชายหญิง โต๊ะจัดเลี้ยงก็จัดตั้งอยู่ในลานที่ต่างกันไปหลายแห่ง

โต๊ะกลมขนาดใหญ่นั่งได้สิบคน นอกจากอวิ๋นหลิงกับชายาของเชื้อพระวงศ์รวมห้าคนแล้ว บรรดาญาติผู้หญิงของตระกูลเฟิงก็นั่งอยู่อีกครึ่งหนึ่งของโต๊ะ

เวลานี้แม่ใหญ่ของเฟิงอู๋จีถูกหย่าร้างแล้ว ท่านพ่อเฟิงก็ไม่ได้แต่งงานใหม่ ทางด้านแขกสตรีได้รับการต้อนรับจากเหล่าผู้อาวุโสหญิงคนอื่นๆ ของจวนเฟิงเป็นการส่วนตัว

ภรรยาคนแรกของเสนาบดีซ้ายเฟิงเสียชีวิตไปนานแล้ว ดังนั้นโต๊ะนี้จึงเต็มไปด้วยบรรดาป้าจากห้องต่างๆ ของเฟิงอู๋จี ในหมู่สตรีวัยสี่สิบกว่าเหล่านี้ นางเสี่ยวหยางเป็นคนที่อายุน้อยและโดดเด่นที่สุด

อวิ๋นหลิงจำได้ว่านี่คือแม่เลี้ยงคนใหม่ของเฟิงหยาง ก็อดมองประเมินนางสองสามแวบไม่ได้

ลูกอนุของขุนนางขั้นห้า ดูเหมือนอายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปดปี อ่อนกว่านางไม่กี่ปี ยังดูหน้าเด็กอยู่เลย

มองแวบแรกไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะมีลูกชายวัยหนึ่งขวบแล้ว

เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายแต่งงานกับชายรุ่นราวคราวเดียวกับจักรพรรดิจาวเหริน อวิ๋นหลิงก็รู้สึกว่ากะหล่ำปลีดีๆ โดนหมูแย่งไปกิน นั่นคือผู้หญิงดีๆ มักโดนผู้ชายนิสัยไม่ดีทำลาย

นางเสี่ยวหยางดูว่านอนสอนง่าย ไม่มีพิษมีภัยและเชื่อฟังยิ่งนัก สองตาผลซิ่งเจือหยดน้ำแวววาวที่อยากพูดแต่ไม่กล้าพูด ดวงตาคล้ายจะยิ้มก็ไม่เชิง เป็นหญิงงามที่สวยสะคราญโดยแท้

หากประเมินนางจากมุมมองความงามสมัยใหม่ นางก็จะเป็นสาวผิวขาว อ่อนเยาว์ และผอมเพรียว เป็นสเปกที่ผู้ชายส่วนใหญ่ชื่นชอบ

แต่อวิ๋นหลิงไม่เชื่อว่าลูกอนุที่สามารถแต่งงานกับรองเสนาบดีกรมโยธาในฐานะแม่เลี้ยงจะเป็นเพียงกระต่ายขาวน้อยที่ไร้เดียงสาและไม่เป็นอันตราย

แวบแรกที่เห็นนางเสี่ยวหยาง อวิ๋นหลิงก็ไม่ชอบนาง มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ซ่อนอยู่ลึกลงไปในดวงตาคู่นั้น

ในงานเลี้ยงแต่งงานที่ครึกครื้นมีชีวิตชีวา จะไม่ยึดกฎที่ว่าเวลากินห้ามพูด บรรดาญาติผู้หญิงก็คีบอาหารกินอย่างสุภาพพลางพูดคุยหัวเราะกันเบาๆ

“ไฉนวันนี้พระชายารุ่ยอ๋องไม่พารัฐทายาทน้อยมาด้วยล่ะ”

“เสื้อผ้าของพระชายาจินอ๋องตัดเย็บฝีมือประณีตนัก! ได้ยินว่านางออกแบบเสื้อผ้าหลายชิ้นในร้านด้วยตนเอง ช่างมีหัวคิดยอดเยี่ยมที่ชวนให้น่าเลื่อมใสโดยแท้”

“ดอกไม้มุกของพระชายาเยียนอ๋องใช้ไข่มุกจากแคว้นตงฉู่ใช่หรือไม่ ช่างแตกต่างจากไข่มุกธรรมดาราวฟ้ากับดินจริงๆ”

“พระชายาอ๋องโม่ ได้ยินว่าช่วงนี้นางวางแผนจะเปิดร้านช่างไม้แห่งใหม่ ไม่รู้ว่าจะได้ฤกษ์งามยามดีเปิดวันไหน วันหลังข้าจะไปอุดหนุนสักหน่อย!”

ขณะที่พูดล้อเล่นกัน อวิ๋นหลิงรู้สึกได้ชัดเจนว่าญาติผู้หญิงตระกูลเฟิงให้ความเคารพยำเกรงต่อนางมากกว่าจะสนิทสนมด้วย

พวกนางยินดีจะพูดคุยกับพวกหรงฉานมากกว่า แต่ก็ไม่กล้าเมินเฉยกับนาง ดังนั้นจึงพูดแค่คำที่ประจบประแจง

ดูเหมือนบทเรียนเรื่องของเฟิงจิ่งเหวยและพี่ชายก่อนหน้านี้จะส่งผลกระทบต่อญาติผู้หญิงตระกูลเฟิงเป็นอย่างมาก

แต่เป็นนางเสี่ยวหยางที่อายุน้อยที่สุดและดูว่านอนสอนง่ายจะใจกล้าที่สุด ถึงกับกล้าเริ่มพูดคุยกับอวิ๋นหลิงก่อน และตักอาหารให้นางด้วย

“พระชายา อาหารจานนี้เป็นของหายาก ในงานมงคลสมรสวันนี้มีเพียงสองโต๊ะเท่านั้น ได้ยินว่าท่านและรัชทายาทชอบกินอาหารป่าตอนอยู่ในวัง ดังนั้นห้องครัวจึงเตรียมอาหารหายากเช่นนี้มาเป็นพิเศษ ท่านลองชิมดูสักหน่อยว่าถูกปากหรือไม่”

ที่เรียกว่าอาหารหายากก็คือเอาเนื้อสันในของวัว แกะ กวาง กวางแม่น้ำ และสัตว์อื่นๆ ที่มีขนาดเท่ากันมารวมกัน ตีซ้ำๆ จนกระทั่งเนื้อนุ่มนิ่ม เอาพังผืดออก หลังปรุงสุกแล้วก็เติมซอสและเครื่องปรุงรสลงไป

วัตถุดิบหลายอย่างล้วนเป็นอาหารป่า ขั้นตอนทำยุ่งยาก ต้นทุนสูง ในสมัยโบราณมีเพียงเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่สามารถรับประทานอาหารจานนี้ได้

ทันทีที่นางเสี่ยวหยางคีบอาหาร ญาติผู้หญิงคนอื่นๆ ในตระกูลเฟิงก็อดมองนางด้วยสีหน้าตกใจไม่ได้ ดวงตาฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย

ในวันพิเศษเช่นนี้ นางไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ

จากนั้น นางเสี่ยวหยางก็ก้มหน้าลงอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวและกินอาหารอย่างพาซื่อโดยไม่พูดอะไรอีกราวกับหญิงสาวที่แต่งงานใหม่ๆ

ส่วนหลงเย่ถือถ้วยสุราด้วยนิ้วเรียวยาว มองอีกฝ่ายด้วยสายตาคล้ายจะยิ้มก็ไม่เชิง

ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดงานเลี้ยงฉลองแต่งงานก็จวนจะสิ้นสุดลง

เฟิงอู๋จีเชิญสหายร่วมชั้นหลายคนในสำนักศึกษาไปนั่งที่ลานกว้างสองแห่ง บรรดาญาติผู้หญิงก็สามารถได้ยินเสียงหัวเราะและล้อเล่นของบรรดาผู้ชายทางด้านนั้นได้ด้วย

“ดื่มไม่ไหว...ดื่มไม่ไหวจริงๆ ทุกท่านโปรดอภัย!”

เฟิงอู๋จีอดขอความเมตตาไม่ได้ ผ่านไปไม่นาน อวิ๋นหลิงก็เห็นเด็กคนนี้ถูกเด็กรับใช้พยุงอยู่ที่ทางเดิน จากนั้นก้าวฝีเท้าเดินโซเซไปทางห้องหอ

เพียงมองผาดเดียวก็รู้ว่าเด็กคนนี้ถูกร่ำสุราจนเละเทะ เกรงว่าคืนเข้าห้องหอคืนนี้จะล้มไม่เป็นท่า!

อวิ๋นหลิงแอบหัวเราะอยู่ในใจพลางส่ายหน้า จากนั้นบรรดาญาติผู้หญิงตระกูลเฟิงก็ส่งหลงเย่และคนอื่นๆ ออกจากจวนเสนาบดี

ขณะที่รอเซียวปี้เฉิงข้างรถม้า นางกระซิบถามหลงเย่ “นางเสี่ยวหยางกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เมื่อครู่ท่านได้ยินหรือเปล่า”

หลงเย่พยักหน้าพลางเหยียดยิ้มเยาะหยัน แล้วกล่าวว่า “เมื่อครู่นางเสี่ยวหยางนั่นถอนหายใจในใจ พูดว่าไม่นึกว่าพวกเจ้าสามีภรรยาจะสนิทสนมกลมเกลียวกับเฟิงหยางขนาดนี้ เดิมทียังคาดหวังให้เจ้าจัดการกับเขาเหมือนที่ทำกับเฟิงจิ่นเฉิง ช่างน่าเสียดายจริงๆ”

มิน่าที่เมื่อครู่จึงถามเช่นนั้น คิดว่าสิ่งที่เรียกว่าพฤติกรรม ‘ไม่เข้าท่า’ นั้นเกิดขึ้นโดยเจตนา เป็นเพราะต้องการสืบความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักบูรพาและเฟิงหยาง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ