พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 103

สีหน้าอวิ๋นหลิงปรากฏความสงสัย “ธูปนี้ปรากฏในเรือสำราญ เพื่อจะเล่นงานข้า หรือเล่นงานท่านอ๋อง?”

ได้ยินคำถามนี้ ฉับพลันในสมองของเซียวปี้เฉิงก็นึกเห็นภาพลับ ๆ ล่อ ๆ ของฉู่อวิ๋นหาน

แต่ก็รีบส่ายหน้าอย่างเร็ว ปฏิเสธการคาดเดาของตนเอง

อวิ๋นหลิงขมวดคิ้วแล้วถามต่อ “อู่อันกง แล้วกระสายยาที่ท่านว่าคืออะไร หากเป้าหมายอยู่ที่เราสองคน เหตุใดข้ากับท่านอ๋องจึงไม่เป็นอะไรเลย?”

อู่อันกงส่ายหน้าเบา ๆ ใบหน้าชราที่เต็มไปด้วยริ้วรอยนั้นมีแววเจ็บปวดให้เห็น

“ข้าก็ไม่รู้ว่ากระสายยาคืออะไร รู้เพียงแต่ว่า กระสายยานี้ต้องเข้าสู่ร่างกายล่วงหน้าอย่างน้อยก็สองปี ธูปสลายวิญญาณจึงจะเห็นผล สมัยก่อน ลูกชายข้ากับสะใภ้ก็ตายเพราะพิษชนิดนี้”

สายตาของอู่อันกงสลดลง เรื่องราวในอดีตค่อย ๆ เอื้อนเอ่ยออกมา

สมัยนั้นเขาช่วยพระเจ้าหลวงปกป้องแผ่นดินต้าโจว ย่อมกลายเป็นเสี้ยนหนามสำหรับชาวทูเจวีย

ตระกูลเว่ยฉือรู้ว่าเขามีฉายาเป็น “แพทย์ปีศาจ” จึงใช้เรื่องยาพิษมาสู้กับเขาบ่อย ๆ และอู่อันกงก็มักจะชนะทุกครั้ง ครั้งเดียวที่พ่ายแพ้ก็คือเรื่องธูปสลายวิญญาณ

“ตระกูลเว่ยฉือวางกระสายยาในร่างของฮูหยินข้า ก่อนนางจะคลอดไม่กี่วันก็ได้จุดธูปนี้ขึ้น ทำให้ในระหว่างคลอด นางสลบไสลไม่ได้สติ และสิ้นลมไปโดยไม่รู้ตัว”

ตอนนั้นทารกในครรภ์ฮูหยินอู่อันกงยังไม่ได้ออกมา เขาทนฝืนความเจ็บปวด กลั้นใจใช้มีดผ่าท้องช่วยเด็ก เสียดายยังช้าไปก้าวหนึ่ง

เด็กออกมาเนื้อตัวเขียวคล้ำไปหมด เนื่องจากขาดอากาศหายใจ พร้อมกันนี้ ตามร่างกายยังปรากฏรอยพิษเป็นจ้ำ ๆ สีแดงม่วง เห็นแล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก

อวิ๋นหลิงฟังถึงตรงนี้ สีหน้าตกใจเล็กน้อย “ท่านบอกว่า...ตอนที่เด็กถูกช่วยออกมา ร่างกายมีรอยพิษสีแดงม่วงอย่างงั้นหรือ”

“ถูกต้อง นั่นก็คือสิ่งที่กระสายยาหลงเหลือไว้”

พิษชนิดนี้มีผลรุนแรงนัก ทำให้แม่และเด็กต้องสูญเสียทั้งคู่

ได้ยินคำถามของอวิ๋นหลิง เซียวปี้เฉิงก็เพิ่งตั้งสติได้ สีหน้ากลายเป็นบึ้งตึงน่ากลัว

“อาจารย์ปู่...ข้ารู้แล้วว่าพิษนี้จะเล่นงานใคร” เขามองหน้าอวิ๋นหลิงและกล่าวเสียงต่ำ “ขอบอกตามตรง ใบหน้าของอวิ๋นหลิงไม่ใช่ปานมาแต่กำเนิด หากแต่เป็นรอยพิษ”

อู่อันกงสีหน้าตกตะลึง “เจ้าว่าไงนะ?”

อวิ๋นหลิงอธิบายเสียงเบา

นางรู้มาตลอดว่ารอยที่ใบหน้าเกิดจากถูกพิษ และรู้ว่าฮูหยินเหลียนต้องการชิงอำนาจในเรือนหลัง เคยวางยาต่อมารดาของตนก็คือนางหลิน

เพียงแต่ไม่คาดคิดว่า พิษชนิดนี้จะเกี่ยวข้องไปถึงราชสำนักของเผ่าทูเจวียได้

ประสบการณ์ที่พบมาคล้ายคลึงกับอู่อันกงฮูหยินนัก เมื่อฟังเขาเล่าเรื่องในอดีตจบ อวิ๋นหลิงก็ยิ่งสงสัยว่าคนวางยาคิดจะใช้แผนเดิมอีกครั้ง

เพียงแต่ไม่รู้ว่าผิดพลาดตรงไหน หรืออาจจะปริมาณยาพิษไม่มากพอ จึงทำให้ฉู่อวิ๋นหลิงกับหลินฮูหยินล้วนแต่ไม่ตาย ส่วนฉู่อวิ๋นหลิงเหลือไว้เพียงรอยปาน

“ข้ารู้นานแล้วว่าเบื้องหลังมีคนปองร้าย จริง ๆ รอยปานนี้ข้ารักษาได้นานแล้ว แต่เพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น จึงได้แกล้งปิดบังมาตลอด”

อู่อันกงได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงจนยากจะตั้งสติ “รอยปานที่ใบหน้าเจ้าหากเป็นมาแต่กำเนิด นั่นก็แสดงว่า ไส้ศึกของเผ่าทูเจวีย อาจแฝงกายเข้ามาในเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีที่แล้วก็ได้”

ได้ยินดังนี้ เซียวปี้เฉิงเหมือนจะนึกอะไรได้ ก็ให้ตกใจจนนิ่งงัน

พิษในตัวของอวิ๋นหลิง เป็นไปได้ว่าอาจเกิดจากน้ำมือฮูหยินเหลียน

จวนเหวินกั๋วกงมีกฎอยู่ว่าผู้ชายห้ามมีอนุภรรยา สมัยก่อนนางเป็นอนุเพียงผู้เดียว ย่อมมีเหตุผลพอที่จะเล่นงานนางหลิน

นอกเหนือจากนี้ ธูปชนิดนี้ปรากฏในงานเลี้ยงแข่งเรือ ในคืนนั้นคนที่แอบเข้าไปก็มีเพียงฉู่อวิ๋นหานคนเดียว...

เซียวปี้เฉิงแทบไม่กล้าคิดต่อไป

อวิ๋นหลิงก็คิดเช่นเดียวกับเขา จนอดไม่ได้ที่จะคลึงขมับเบา ๆ “นำเรื่องนี้ไปทูลฮ่องเต้และพระเจ้าหลวงเถอะ ในบ้านพ่อที่เลอะเลือนของข้า อาจมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลจริง...”

นี่คงเป็นเรื่องใหญ่มิใช่น้อย

แค่ธูปหอมหนึ่งก้าน โยงใยไปถึงแผนชั่วร้ายที่น่าสะเทือนขวัญ เซียวปี้เฉิงจึงไม่อยากรอช้า รีบเร่งติดตามอู่อันกงไปเข้าเฝ้าทันที

ณ. พระที่นั่งบำรุงฤทัย พระพักตร์ของจักรพรรดิจาวเหรินดูทรงขรึมยิ่งนัก

อู่อันกงทูลด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “บัดนี้รุ่ยอ๋องได้รับคุณหนูรองแห่งสกุลฉู่เป็นอนุ หากฮูหยินเหลียนเกี่ยวข้องกับราชสำนักทูเจวียจริง คงต้องรีบทำการป้องกัน”

เรื่องธูปสลายวิญญาณนั้น แต่ไหนแต่ไรไม่มีใครรู้ จำเพาะรอจนรุ่ยอ๋องแต่งงานกับฉู่อวิ๋นหานแล้ว เพิ่งถูกอู่อันกงจำได้ จักรพรรดิจาวเหรินยิ่งคิดก็ยิ่งปวดเศียรเวียนเกล้านัก

ทรงเสียพระทัยที่พักก่อนพระทัยอ่อนเกินไป ทนเห็นรุ่ยอ๋องมารบเร้าไม่ไหว จึงยอมให้เขารับฉู่อวิ๋นหานเป็นอนุภรรยา

เซียวปี้เฉิงกล่าวเสียงต่ำ “สาวใช้ไป๋ลู่ซึ่งเป็นหนอนบ่อนไส้ในงานเลี้ยงแข่งเรือครั้งก่อน บัดนี้ถูกขังอยู่ในหอต้า หลี่ ไม่แน่อาจได้เบาะแสเพิ่มเติมจากตัวนางก็เป็นได้”

บัดนี้เขายิ่งสงสัย สองปีที่แล้วเขากับเยี่ยนอ๋องไปออกศึกปราชัย อาจเกี่ยวข้องกับฮูหยินเหลียนก็เป็นได้

ตอนนั้นเขากับฉู่อวิ๋นหานยังถือว่าผูกสมัครรักใคร่ จึงอนุญาตให้นางเข้าออกจวนจิ้งอ๋องได้ตามอำเภอใจ นางอาจแอบได้ล่วงรู้ความลับทางทหารเข้าก็ไม่แน่นัก

เพียงแต่ไม่รู้ว่า...นางตั้งใจหลอกเขามาแต่แรกหรือเปล่า

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เซียวปี้เฉิงก็กำมือแน่นเบา ๆ เกิดความรู้สึกเหมือนอยากฆ่าคนอย่างระงับไม่อยู่

ไม่ว่าใครก็ตาม หากคิดเป็นภัยต่อความมั่นคงของต้าโจว เขาจะไม่ละเว้นมันผู้นั้น!

จักรพรรดิจาวเหรินก็ให้ทรงนึกหวาดหวั่น ด้วยไม่คาดคิดว่า ชาวทูเจวียได้ส่งสายลับมาอยู่ในราชสำนักถึงยี่สิบกว่าปี โดยที่พวกเขาแทบไม่รู้อะไรเลย

สีพระพักตร์อ่อนล้าพลางถอนพระทัย รับสั่งอย่างเข้มงวดว่า “ไปดูนางให้ดี อย่าให้ก่อเรื่องอะไรได้”

เซียวปี้เฉิงทูลตอบด้วยความเครียดเช่นกัน “น้อมรับพระบัญชา!”

อู่อันกงพยักหน้า “กระหม่อมไม่ได้เจอท่านพี่อาวุโสนานแล้ว ได้ยินว่าโรคสมองเสื่อมทรงดีขึ้นมาก ต้องขอไปเยี่ยมเยียนเสียหน่อย”

คำว่า “ท่านพี่อาวุโส” ในที่นี้ย่อมจะหมายถึงพระเจ้าหลวง อู่อันกงกล่าวจบก็ตรงไปยังตำหนักฉางหนิงทันที

เซียวปี้เฉิงจะทูลลาเช่นกัน แต่กลับถูกฮ่องเต้เรียกตัวไว้

“เสด็จพ่อมีอะไรจะรับสั่งอีก?”

จักรพรรดิจาวเหรินพยักพระพักตร์เล็กน้อย “บัดนี้ตาเจ้าหายดีแล้ว งานบางอย่างก็ควรเร่งทำต่อ มะรืนนี้จงไปที่ค่ายทหารตะวันออกฝึกกำลังพลต่อเถอะ”

สีหน้าเซียวปี้เฉิงฉายแววยินดี รีบรับคำทันควัน “ลูกน้อมรับพระบัญชา”

เขาเป็นอ๋องที่ว่างงาน เก็บตัวอุดอู้มาถึงสองปีเต็ม ในใจเปี่ยมด้วยไฟแรงที่ต้องการจะระบายนานแล้ว

“อำนาจทางทหารป้องกันชายแดนอยู่ในมือตระกูลเฟิงมาตลอด ข้ารู้สึกไม่วางใจ” จักรพรรดิจาวเหรินรับสั่งต่อ “ดีที่พักนี้การศึกไม่ตึงเครียด รอไว้ถึงปลายปี ข้าค่อยเรียกตัวเฟิงหยางกลับมาเมืองหลวง”

นับแต่เซียวปี้เฉิงกับเยี่ยนอ๋องต่างบาดเจ็บทั้งคู่ ตำแหน่งแม่ทัพปกป้องชายแดนก็ถูกเปลี่ยนเป็นหลานชายคนโตของเสนาบดีซ้ายเฟิงนามว่าเฟิงหยางแทน

ความสามารถของคน ๆ นี้อาจด้อยกว่าเซียวปี้เฉิงหน่อย แต่การซื้อใจคนและขยายอิทธิพลนั้นนับว่าเหนือชั้น พลอยให้ชื่อเสียงและอำนาจของตระกูลเฟิงนับวันจะยิ่งเติบใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่จักรพรรดิจาวเหรินไม่ต้องการจะเห็น

เมื่อรับสั่งจบแล้ว จู่ ๆ ก็ทรงมองเซียวปี้เฉิงด้วยแววพระเนตรอันประหลาด

เซียวปี้เฉิงถูกมองจนรู้สึกขนพองสยองเกล้า อดไม่ได้จึงทูลถาม “เสด็จพ่อ ทำไมทรงมองลูกเช่นนี้ล่ะ?”

จักรพรรดิจาวเหรินลังเลชั่วครู่ จึงได้รับสั่งว่า “เจ้าสาม...เรื่องเจ้ากับฉู่อวิ๋นหลิงเกิดเพราะสุดวิสัย ข้ารู้ว่าเจ้าไม่พอใจต่อการแต่งงานครั้งนี้ แต่จนวันนี้ยังโกรธที่ข้ายกนางให้เป็นชายาเอกของเจ้าหรือเปล่า?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ