พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 104

เซียวปี้เฉิงอึ้งเล็กน้อย และตามด้วยรอยยิ้มพร้อมทูลอย่างจริงจังว่า “ขอทูลเสด็จพ่อ แรกเริ่มลูกก็รู้สึกมีไม่พอใจบ้าง”

เขาเลื่องชื่อแต่เยาว์วัย สร้างผลงานในสนามรบมากมาย ลือลั่นทั่วปฐพี

ในอดีตเคยมีสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงอยู่เคียงข้าง แม้จะบาดเจ็บทางสายตาจนตกที่นั่งลำบาก ก็ไม่มีวันรับสตรีอย่างฉู่อวิ๋นหลิงมาเป็นชายาเอกของเขาได้

“แต่บัดนี้ลูกกลับคิดว่าโชคดี หากไม่เพราะเสด็จพ่อตัดสินพระทัยเรื่องนี้ให้ ลูกคงไม่ได้เจออวิ๋นหลิง และไม่อาจมีวันนี้ได้”

เซียวปี้เฉิงพูด ๆ ไป สีหน้าก็ให้ผ่อนคลายลงมาก จนแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้ ว่าน้ำเสียงอ่อนโยนต่างจากในอดีต

“อวิ๋นหลิงดีมาก ได้แต่งงานกับนางถือเป็นวาสนาของลูก”

เซียวปี้เฉิงกล่าวประโยคนี้ด้วยความจริงใจ เดิมคิดว่าชีวิตบั้นปลายเขาคงต้องกลายเป็นผู้พิการ แต่แล้วจู่ ๆ อวิ๋น หลิงก็โผล่มา รักษาตาเขาจนหาย ชะล้างจิตใจเขาให้ผุดผ่องขึ้น จนสามารถมองเห็นผู้ไม่ประสงค์ดีและคนเลวร้ายที่อยู่รอบข้างได้

ปกติแม้ปากเขาจะชอบบ่นว่าอวิ๋นหลิงเป็นนางมารที่มาจากต่างโลก แต่ส่วนลึกในใจกลับคิดว่า นางอาจเป็นเทพธิดาที่สวรรค์ส่งมาช่วยเขาก็เป็นได้

“ในเมื่อพวกเจ้าเข้ากันได้ดี ข้าก็รู้สึกพอใจนัก”

จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกแปลกพระทัยที่เห็นเขามองอวิ๋นหลิงในแง่ดีเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้ทรงคิดอะไรมาก แค่คิดว่าด้วยนิสัยอย่างเซียวปี้เฉิง เป็นไปไม่ได้ที่จะชอบสตรีอย่างอวิ๋นหลิงได้

หรือไม่ก็คือ หน้าตาน่ากลัวของอวิ๋นหลิง ชายคนไหนเห็นเข้าก็รังเกียจทั้งนั้น ที่เซียวปี้เฉิงกล่าวเช่นนี้ อาจเพราะซาบซึ้งที่นางรักษาตาเขาจนหายก็เป็นได้

เมื่อนึกถึงตรงนี้ จักรพรรดิจาวเหรินก็รับสั่งด้วยสีพระพักตร์อันอ่อนโยน “หลายวันก่อนข้าได้รับข่าวมา ตงหยางอ๋องได้เสียไปเมื่อต้นเดือน บัดนี้ตระกูลเวินจึงเหลือเพียงหญิงกำพร้าคนเดียวเท่านั้น”

เนื่องจากรุ่ยอ๋องมีงานสมรส พระองค์จึงทรงเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน

แม้ไม่รู้ว่าเหตุใดจักรพรรดิจาวเหรินจู่ ๆ ทรงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เซียวปี้เฉิงก็ยังตกใจอยู่ดี “ตงหยางอ๋องถึงแก่กรรมแล้วหรือ?”

ตงหยางอ๋องถือเป็นอ๋องต่างแซ่น้อยคนในแคว้นต้าโจว เพราะในอดีตเคยติดตามพระเจ้าหลวงไปออกศึก สร้างผลงานต่อบ้านเมืองไว้มากมาย

เซียวปี้เฉิงก็พอรู้ประวัติของเขา ได้ยินว่าลูกและภรรยาของอ๋องผู้เฒ่าท่านนี้ล้วนเสียชีวิตในระหว่างสงคราม เหลือเพียงหลานสาวตัวน้อยวัยแบเบาะ กลายเป็นสายเลือดหนึ่งเดียวของตระกูลเวิน

จักรพรรดิจาวเหรินพยักพระพักตร์ สายพระเนตรจ้องมองที่เซียวปี้เฉิง “ข้าเคยรับปากตงหยางอ๋อง ว่าจะดูแลทายาทของเขาให้ดี แม่นางผู้นี้มีชื่อว่าเวินหวยหยู ปีนี้อายุสิบเจ็ดปี ถึงวัยออกเรือน ได้ยินว่าหน้าตาสะสวยอ่อนหวาน เสียแต่สุขภาพไม่สู้ดีนัก”

“ว่าจะตั้งให้นางเป็นจวิ้นจู่ พร้อมหาคู่ครองที่เหมาะสมให้ นับเวลาดูแล้ว สองสามวันนี้น่าจะมาถึงเมืองหลวง”

เซียวปี้เฉิงตั้งใจรับฟัง พร้อมกับนึกเห็นใจ “หากเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับตอบแทนตงหยางอ๋องได้บ้าง”

ทันทีที่กล่าวจบ ก็รู้สึกว่าสายพระเนตรของจักรพรรดิจาวเหรินจับจ้องอยู่ที่ตนเอง พลอยให้เกิดลางสังหรณ์ที่ไม่สู้ดีนัก

ไม่ผิดจากที่คิด จักรพรรดิจาวเหรินทรงแย้มสรวลและตรัสว่า “ข้าว่าจะยกเวินหวยหยูให้เป็นชายารองของเจ้า”

เซียวปี้เฉิงสีหน้าแปรเปลี่ยนทันที “จะให้ลูกแต่งชายารองอีกคนหรือ?”

“ถูกต้อง แม้ว่าตระกูลเวินจะตกอับ แต่ตงหยางอ๋องเหนื่อยยากมาชั่วชีวิต สร้างคุณูปการต่อบ้านเมืองไว้มาก เป็นที่เคารพของชาวบ้าน หากเจ้าได้แต่งกับทายาทของเขา...”

จักรพรรดิจาวเหรินยังไม่ทันรับสั่งจบ เซียวปี้เฉิงก็เข้าใจในความหมาย จึงรีบปฏิเสธโดยแทบไม่ต้องคิด

“ไม่ได้ ลูกไม่อาจแต่งงานกับนาง!”

อวิ๋นหลิงเคยกำชับเขาอยู่หลายครั้ง จะไม่ยอมมีสามีร่วมกับหญิงอื่น ถ้าเขาคิดมีอนุจริง นางจะขอแยกทางทันที

จักรพรรดิจาวเหรินไม่ทรงคิดว่าเขาจะปฏิเสธเสียงแข็งเช่นนี้ ทรงถลึงพระเนตรและตรัสว่า “ทำไมถึงไม่ยอมแต่งกับเวินหวยหยูล่ะ? พักก่อนเจ้ายังไม่พอใจที่ข้ายกอวิ๋นหลิงให้แต่งงานด้วย ครั้งนี้มอบเวินหวยหยูให้อีกคน ถือเป็นการชดเชยให้เจ้าไง”

เซียวปี้เฉิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ทูลเสียงต่ำว่า “ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่เมตตา แต่บัดนี้ลูกกับอวิ๋นหลิงรักใคร่กันดี จึงไม่ต้องการชดเชยอีก”

จักรพรรดิจาวเหรินเหมือนทรงอึ้งอยู่พักใหญ่

ลูกชายสามคนนี้ปกติเป็นคนพูดน้อย ทั้งยังไม่เคยขัดรับสั่งไม่ว่าเรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น จนแม้แต่ตอนมีรับสั่งให้แต่งงานกับฉู่อวิ๋นหลิง แม้จะไม่ยินดี แต่สุดท้ายก็ยังทำตามอย่างว่าง่าย

แต่พอมาตอนนี้ ให้เขาแต่งชายารองอีกคน กลับรีบปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดซะนี่

“เพราะเจ้าเห็นตระกูลเวินสิ้นอำนาจ จึงดูถูกเวินหวยหยูใช่ไหม?”

เซียวปี้เฉิงส่ายหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ลูกแค่ไม่อยากมีชายารองเท่านั้น โดยเฉพาะในเวลาเช่นนี้ ตาลูกเพิ่งหายดีก็จะแต่งคนใหม่อีก คนอื่นจะมองอวิ๋นหลิงยังไง อีกทั้งอวิ๋นหลิงยังตั้งครรภ์อยู่ ลูกไม่อยากทำให้นางเสียใจ”

เพราะเห็นแก่นังเด็กคนนี้จริง ๆ

สีพระพักตร์จักรพรรดิจาวเหรินเปลี่ยนเป็นดูแปลก ๆ “เจ้าคงไม่คิดชอบพอนางเข้าหรอกนะ?”

เซียวปี้เฉิงไม่ทูลตอบ ถือเป็นการยอมรับ พระพักตร์จักรพรรดิจาวเหรินยิ่งดูอัศจรรย์มากขึ้น

จากสาวงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวงจนมาถึงหญิงอัปลักษณ์อันดับหนึ่ง รสนิยมของเจ้าสามช่างแปรเปลี่ยนได้เร็วนัก!

ก็ไหนว่ารักษาตาจนหายดีแล้ว แต่ทำไมดูเหมือนยิ่งบอดกว่าเดิมอีก!

“ไม่ได้ ไม่ว่ายังไงก็ต้องรับเวินหวยหยูเป็นชายารอง เรื่องนี้ห้ามปฏิเสธ!”

น้ำเสียงจักรพรรดิจาวเหรินแฝงความกริ้วเล็กน้อย เดิมทียังทรงคิดว่าติดขัดด้วยเรื่องอันใด ที่ไหนได้กลับเป็นเพราะเรื่องส่วนตัว เซียวปี้เฉิงทำการโดย “ไม่เห็นแก่ส่วนรวม” เช่นนี้ ทำให้พระองค์ทรงกริ้วนัก

เซียวปี้เฉิงก็ร้อนใจเช่นกัน “ขอเสด็จพ่อทรงไตร่ตรองใหม่ด้วยเถอะ!”

“เพราะข้าคิดดีแล้วถึงบอกให้เจ้าแต่งกับเวินหวยหยู เจ้าสามเอ๋ย เจ้ายังไม่เข้าใจความหวังดีของข้าอีกหรือ”

เซียวปี้เฉิงรู้สึกสะเทือนใจ อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น จักรพรรดิจาวเหรินรับสั่งถึงเพียงนี้แล้ว มีหรือเขาจะไม่เข้าใจถึงพระประสงค์

หากเป็นแต่ก่อน เขาจะรู้สึกยินดีปรีดาอย่างมากที่เสด็จพ่อทรงให้ความสำคัญ แต่บัดนี้...

เซียวปี้เฉิงทูลอย่างอึดอัด “ลูกไม่ต้องการ น้องสี่และคนอื่น ๆ ยังไม่มีคู่ครอง อาจจะเหมาะสมยิ่งกว่าลูกก็ได้”

เขาไม่เคยคิดหวังสิ่งใด รู้ดีว่าที่หวงกุ้ยเฟยเลี้ยงเขามา ก็เพื่อจะให้เป็นกำลังสำคัญของเยี่ยนอ๋อง แต่เขาก็ไม่สนใจ

ครั้งแรกที่เขาเกิดความคิดว่าต้องการมีอำนาจ ก็เพื่อจะใช้อำนาจนั้นไปปกป้องอวิ๋นหลิง หากต้องสูญเสียคนที่รักไป ถึงให้เขามีอำนาจก็ไร้ประโยชน์

เซียวปี้เฉิงทูลเช่นนี้ ก็เท่ากับปฏิเสธความหวังดีของจักรพรรดิจาวเหรินอย่างสุภาพ อีกฝ่ายจึงทุ่มหนังสือเล่มหน้าผ่านมา กริ้วจนหนวดกระดิกและถลึงตา

ขณะที่หนังสือลอยมานั้น เซียวปี้เฉิงยังยืนเฉยไม่ได้หลบเลี่ยง รู้สึกว่าเจ็บมุมปากเล็กน้อย มีเลือดไหลซึมมาลาง ๆ

“เจ้าหนอเจ้า...ช่างทำให้ข้าโมโหนัก!”

จักรพรรดิจาวเหรินทรงหอบหนัก พระพักตร์ดำยิ่งกว่าก้นหม้อเสียอีก

“เรื่องนี้ไม่ต้องพูดอีก สรุปว่าเอาตามนี้!”

เดิมทีเซียวปี้เฉิงก็เป็นกังวล คิดจะไปทูลปลอบหน่อย แต่พอได้ยินรับสั่งก็หน้าเปลี่ยนสี รีบร้อนตอบว่า “ยังไงลูกก็แต่งไม่ได้!”

“ทำไมจะแต่งไม่ได้?”

เซียวปี้เฉิงเกิดมีไหวพริบขึ้นมา “เพราะลูก...ลูกไม่มีเงิน ใช่แล้ว ลูกไม่มีเงิน”

“พักก่อนที่แต่งกับอวิ๋นหลิง ก็เอาเงินเก็บส่วนตัวสองพันห้าร้อยตำลึงใช้จนหมดสิ้น บัดนี้เงินทองร่อยหรอ ค่าใช้จ่ายในบ้านก็ต้องพึ่งพาสินสอดของอวิ๋นหลิงจึงจะอยู่ได้ ขนาดหมูที่เลี้ยงไว้ยังใกล้จะผอมตาย แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปแต่งชายารองได้อีก?”

“เวินหวยหยูเป็นทายาทคนเดียวของตงหยางอ๋อง ลูกไม่ควรแต่งมาโดยไร้สินสอด ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป คนรอบข้างมิหาว่าราชสำนักดูหมิ่นนางหรอกหรือ”

เซียวปี้เฉิงพูดจาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ทำให้จักรพรรดิจาวเหรินซึ่งกำลังกริ้วอยู่พลอยหยุดชะงักงัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ