เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1030

เฟิงหยางเดาเจตนาการมาเยือนของนางเสี่ยวหยางไม่ถูก เก็บสายตาเอ่ยเสียงเรียบว่า “ฮูหยินใหญ่อย่าเข้าใจผิด เพียงแค่รู้สึกว่าให้ท่านทำงานของบ่าวรับใช้ดูจะไม่เหมาะสมเท่านั้นเอง”

หลังจากนั้น เขาก็เหลือบไปมองบริเวณลานบ้านด้วยสีหน้าราบเรียบ ประตูห้องเปิดกว้าง ยืนพูดคุยกับนางเสี่ยวหยางอยู่หน้าประตูเช่นนี้

หิมะถูกลมยามค่ำคืนพัดพาเข้ามาในห้อง หนาวจนทำให้นางเสี่ยวหยางอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้านขึ้นมา

“คุณชายใหญ่ ข้างนอกหนาวมาก ท่านเปิดประตูยืนรับลมยามค่ำคืนทำไม ระวังจะไม่สบาย รีบมากินบัวลอยต้มเหล้าหอมหมื่นลี้ที่ยังร้อนๆอยู่ดีกว่า”

นางตำหนิเฟิงหยางเสียงอ่อน ใต้แสงไฟรำไรทำให้ใบหน้าดูอ่อนโยนดุจสายน้ำ เห็นถึงร่องรอยของใบหน้าถูกตบแต่งมาอย่างเลือนราง

เฟิงหยางยิ้มให้กับนางเสี่ยวหยางก่อนจะพูดว่า “ฮูหยินใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าอยู่ที่ชายแดนตลอดปี ชินกับอากาศหนาวเช่นนี้แล้ว คืนนี้ในห้องก่อเตาถ่านอบอุ่นเช่นนี้ กลับทำให้รู้สึกไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่ เพิ่งอาบน้ำเสร็จยังรู้สึกร้อนอยู่ ยืนตากลมตรงนี้รู้สึกสบายหน่อย”

“แต่ฮูหยินใหญ่ไม่ได้หนังหนาหยาบกระด้างเหมือนผู้ชายอย่างข้าอย่างไรเสียก็ รีบกลับไปพักผ่อนเป็นเพื่อนท่านพ่อเถอะ อย่าหนาวจนไม่สบาย”

เขาปล่อยให้ลมเย็นพัดโชยเข้ามาอยู่เช่นนี้ ริมฝีปากของนางเสี่ยวหยางสั่นเล็กน้อย รู้สึกว่าใบหน้ารูปไข่ที่อ่อนนุ่มของตัวเองถูกพัดจนแข็งไปแล้ว

นางโมโหอยู่ในใจเงียบๆว่าเฟิงหยางฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจบรรยากาศ

แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็หาข้ออ้างที่จะอยู่ต่อไม่ได้ บวกกับลมพัดเย็นเกินไป และไม่มีจิตใจที่จะแสร้งทำเป็น”เขินอาย”อีกต่อไป รีบใช้เสื้อคลุมห่อตัว

“เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนคุณชายใหญ่แล้ว ท่านรีบนอนเถอะ อย่าเอาแต่รับลมเย็นสบาย”

สีซอให้ควายฟังเปล่าๆ นางเสี่ยวหยางจากไปอย่างไม่ค่อยพอใจนัก สายตาจ้องมองไปทั่วเรือนด้านข้างอย่างไม่ค่อยสำรวม จู่ๆสายตาก็หยุดนิ่งจ้องเขม็ง สายตามองไปยังมีดสั้นที่ประดับอัญมณีสีแดงซึ่งว่างอยู่บนแท่นวางอาวุธหน้ากำแพง มีความประหลาดใจวาบผ่าน

เห็นนางที่จู่ๆก็ไม่เคลื่อนไหว เฟิงหยางถามอย่างใจเย็นว่า “ฮูหยินใหญ่”

นางเสี่ยวหยางได้สติกลับมา รีบยิ้มให้เขา “ไม่มีอะไร ถูกมีดสั้นที่กำแพงเล่มนั้นสะดุดตา ของสวยงามเช่นนี้ เห็นลวดลายสลักแล้วเหมือนจะเป็นของที่ได้รับพระราชทานมา คงจะเป็นรางวัลที่ฮ่องเต้มอบให้คุณชายใหญ่ ตอนที่เข้าวังเมื่อวานกระมัง”

“เป็นของที่เพื่อนเก่าให้ไว้นานแล้ว” เฟิงหยางส่ายหน้า ครั้งนี้ออกปากไล่แขกโดยไม่อ้อมค้อม “ฮูหยินใหญ่ ข้าอยากจะรีบพักผ่อนแล้ว เชิญท่านกลับเถอะ”

มีดสั้นนั้นเดิมทีไม่เคยห่างกาย แต่พรุ่งนี้เขาต้องไปกราบไหว้หลุมศพท่านแม่ ไม่เหมาะสมหากจะพกสิ่งของมีคมที่เคยเปื้อนเลือดแล้วไปด้วย ดังนั้นจึงได้วางเอาไว้บนแท่นวางอาวุธ

ครั้งนี้นางเสี่ยวหยางไม่ได้อืดอาดเสียเวลาอีก หลังจากพูดจาเป็นห่วงสองสามประโยคก็จากไปอย่างรู้กาลเทศะ

รอจนกระทั่งเงาร่างของนางหายไปแล้ว เฟิงหยางก็ยกบัวลอยต้มเหล้าหอมหมื่นลี้ขึ้นมาดูแวบหนึ่ง เททิ้งที่ใต้ต้นไม้ในลานบ้าน

……

อีกฝั่งหนึ่ง หลังจากที่นางเสี่ยวหยางกลับไปที่เรือน ก็กลับไปยังเรือนด้านข้างทางตะวันตกอย่างเงียบเชียบ

ภายในห้อง ลูกชายอายุหนึ่งขวบกำลังหลับสนิท ยังมีแม่นมวัยกลางคนคนหนึ่งดูแลอยู่ข้างๆ

นางดูเหมือนจะเป็นที่โปรดปรานของรองเสนาบดีเฟิง แต่แท้ที่จริงแล้วทั้งสองแยกห้องกันนอนตลอดมา มีเพียงเวลาที่อีกฝ่ายต้องการ จึงจะมาที่เรือนด้านข้างฝั่งตะวันตก

แม่นมเห็นนางแล้วก็นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “ฮูหยิน ทำไมท่านจึงมาเร็วเช่นนี้”

นางเสี่ยวหยางถอดเสื้อคลุมออก นั่งลงหน้ากระจกด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง เอาผ้าเช็ดหน้าที่ชุบน้ำแล้วเช็ดแป้งบนใบหน้า “อย่าเอ่ยถึงเลย ส่งสายตาให้กับคนตาบอด ทำไปโดยไร้ประโยชน์”

นางกดเสียงลงต่ำ สบถด่าเฟิงหยางด้วยความโกรธที่เขาไร้ความสุนทรีย์ ตนเองเตรียมตัวอย่างดีมาครึ่งค่อนวัน แต่กลับต้องคว้าน้ำเหลว

แม่นมได้ยินเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “เขาไม่ติดเบ็ดแล้วจะทำอย่างไรดี”

ราคาของเราเพียงแค่ 1/4 ของผู้ให้บริการรายอื่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ