ความทรงจำของตงชิงเลือนรางไปบ้างแล้ว จำได้แค่ว่าตอนนั้นพวกนางเล่นกันอยู่ในจวน ไม่ทันระวังเดินพลัดกับแม่นม ระหว่างที่หลงทางเดินผ่านลานบ้านแห่งหนึ่ง พบว่ามีเด็กชายกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นทำสงครามกัน
เด็กชายตัวอ้วนใหญ่คนหนึ่งสวมบทบาทเป็น”แม่ทัพ” เขาโบกดาบยาวที่ทำจากไม้ไผ่ในมือไปมา นำทัพ”ทหาร”ที่เป็นลูกน้องสองสามคน ท่าทีน่าเกรงขาม
คนที่สวมบทบาทเป็นชาวทูเจวียคือเด็กชายที่มีผมดำหยิกม้วนดวงตาสีฟ้าคนหนึ่ง ทั้งๆที่รูปร่างของเขาใหญ่โตกว่าเด็กเหล่านั้นมาก แต่กลับรับบทเป็นคนชั่วอย่างเงียบๆ ปล่อยให้เด็กกลุ่มนั้นกดเขาลงกับพื้นและเตะต่อยเขาตามอำเภอใจเป็นครั้งคราว
พวกเด็กผู้ชายเล่นกันอย่างสนุกสนาน เด็กอ้วนที่สวมบทบาทเป็นแม่ทัพเล่นจนลืมตัว ดาบไม้ในมือขาดการควบคุม จู่ๆก็ฟันไปที่ใบหน้าของเด็กชายตาสีฟ้า ทันใดนั้นเลือดสดๆก็พุ่งกระเซ็นออกมา
เสี้ยววินาทีนั้น เสียงร้องด้วยความตกใจและเสียงร้องไห้ก็ดังไปทั่วทั้งลานบ้าน
เด็กอ้วนตกใจมาก โยนดาบไม้ในมือทิ้งไป ถอยหลังอย่างลนลาน “ข้าๆ......ข้าไม่ได้ตั้งใจ เป็นเจ้าที่ไม่หลบไปเอง”
“เอาแต่มองข้าทำไม” เด็กอ้วนสังเกตเห็นสายตาของเพื่อนที่อยู่รอบๆ กัดฟันพูดเสียงแข็งว่า “เอาเป็นว่าล้วนต้องโทษเขา อีกอย่างพ่อข้าก็เคยพูดไว้แล้วว่า เขามีใบหน้าเช่นนี้ เดินอยู่บนถนนก็ต้องถูกชาวบ้านตีเหมือนกัน”
“ไปๆๆ ประเดี๋ยวหากผู้ใหญ่มาจะจบไม่สวย ถ้าหากมีคนถามทุกคนก็แค่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้”
“รีบไปกันเถอะ บอกแค่ว่าไม่เคยมาที่นี่”
กลุ่มเด็กผู้ชายสลายตัวไปอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา เหลือไว้แต่หนุ่มน้อยที่ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้นน้ำตาไหลด้วยความเจ็บปวด เลือดไหลซึมออกมาจากช่องว่างระหว่างนิ้วมือ
จนตอนนี้ตงชิงยังจำภาพเหตุการณ์น่ากลัวที่ตัวเองไปพบเข้าโดยบังเอิญได้ แต่คุณหนูใหญ่กลับไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด วิ่งเข้าไปยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับหนุ่มน้อยที่ได้รับบาดเจ็บ ยังตะโกนเรียกพวกผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆด้วยเสียงดังลั่น
ไม่ช้า หนุ่มน้อยที่ถูกทำร้ายก็ถูกบ่าวรับใช้ในจวนจวงพาไปทำแผลและรักษา สองนายบ่ายจึงได้รู้ว่า ที่แท้อีกฝ่ายเป็นหลานของราชบัณฑิตใหญ่จวง
ไม่นานหลังจากนั้นราชบัณฑิตใหญ่จวงก็รีบมาหา พอได้ทราบข่าวก็ทั้งโกรธทั้งแค้น ถามคนที่อยู่ในจวนว่าสาเหตุเกิดจากอะไร กลับไม่มีใครยอมรับ
สุดท้าย ก็เป็นคุณหนูใหญ่ที่ออกหน้าชี้ตัวกลุ่มเด็กผู้ชายที่ก่อเหตุแล้วยังจะเถียงและบ่ายเบี่ยงความรับผิดชอบ
ผ่านเรื่องราวนี้ คุณหนูใหญ่จึงกลายเป็นเพื่อนเล่นกับเฟิงหยาง
ท่านตาของคุณหนูใหญ่ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของฮ่องเต้คนก่อน รวมไปถึงท่านปู่เหวินกั๋วกง ทั้งสองล้วนเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของราชบัณฑิตใหญ่จวง ความสัมพันธ์ระหว่างผู้อาวุโสสนิทกันมาก นางเฉินจึงขาดไม่ได้ที่จะพาลูกชายลูกสาวไปสานสัมพันธ์ด้วย
พวกนางมักจะได้พบกับเฟิงหยางที่จวนจวง เด็กทั้งสองที่ถูกเพื่อนวัยเดียวกันทอดทิ้ง จึงกลายเป็นเพื่อนรักกันโดยปริยาย
ตงชิงเล่าถึงตรงนี้ ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “ผ่านไปประมาณครึ่งปีกระมัง ไม่รู้ว่าฮูหยินเหลียนไม่รู้ว่าท่านกับแม่ทัพเฟิงหยางไปเล่นด้วยกันมาจากไหน จึงได้เอาเรื่องไปฟ้องนายท่าน ตอนนั้นนายท่านยังต่อว่าฮูหยินไปยกใหญ่”
นางจำได้อย่างชัดเจน วันนั้นจู่ๆพ่อบ้านก็มาเรียกนางไปที่โถงด้านหน้า
เพิ่งจะเดินเข้าประตูไป รัฐทายาทผู้เฒ่าก็ตะคอกให้นางคุกเข่าลง ข้างกันนั้นยังมีฮูหยินเหลียนที่ยังสาวยังสวยยืนอยู่ด้วย
ไม่นานนัก พ่อบ้านก็เอาไม้ไผ่มาเริ่มตีฝ่ามือของนาง เจ็บจนนางร้องไห้โฮแต่ก็ยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
นางเฉิงมาที่โถงด้านหน้าอย่างรวดเร็ว แย่งไม้ไผ่ในมือของพ่อบ้านไป หลังจากนั้นก็ถูกรัฐทายาทผู้เฒ่าตำหนิ
ตงฉิงหวนนึกขึ้นมาในตอนนี้ ก็ยังคงรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่ฝ่ามือ นางเผลอถูมือไปมาก่อนจะพูดว่า “หลังจากนั้นเป็นต้นมา นายท่านก็ควบคุมสั่งสอนอย่างเข้มงวดมาก เชิญอาจารย์หลายคนมาสอนท่านเรียนหนังสือ ไม่ว่าจะเป็นกู่ฉินหมากล้อมตำราและการวาดภาพล้วนเรียนเต็มทุกวัน และไม่อนุญาตให้ท่านออกนอกจวนตามอำเภอใจอีก”
หลังจากถูกทำโทษตี แม้นางเฉินจะช่วยนางไว้ได้ รัฐทายาทผู้เฒ่ากลับเน้นย้ำอย่างเข้มงวดหลายครั้ง ให้นางดูแลคุณหนูใหญ่ให้ดี
ถ้าหากถูกจับได้ว่านางยังไปมาหาสู่กับเฟิงหยางอีกละก็ จะขายนางทิ้งซะ
ตงชิงที่อายุยังน้อยรู้สึกตกใจมาก ด้วยเหตุนี้หลังจากนั้นทุกครั้งที่คุณหนูเอ่ยว่าอยากออกจากจวนไปเล่นกับแบะแบะ ก็จะคิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้นางเลิกคิด
นานวันเข้า ภายใต้การเรียนที่หนักหนาและการอบรมสั่งสอนอย่างเข้มงวด คุณหนูก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก
คุณหนูใหญ่นิสัยร่าเริงกระตือรือร้น เวลาเรียนมักจะนั่งไม่ติดที่ แต่ฉู่อวิ๋นหานที่เรียนด้วยกันกลับมีพฤติกรรมที่สงบและเชื่อฟัง
รัฐทายาทผู้เฒ่ามักจะเอาทั้งสองมาเปรียบเทียบกัน ตอนที่สั่งสอนคุณหนูใหญ่ ก็มักจะชื่นชมฉู่อวิ๋นหานต่อหน้า
เวลาค่อยๆผ่านไป คุณหนูใหญ่ไม่ได้ร่าเริงเหมือนแต่ก่อนแล้ว บวกกับโตขึ้นก็ยิ่งให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก มักจะขังตัวเองเอาไว้ในห้อง นานวันเข้าก็ยิ่งมีนิสัยประหลาดซึมเศร้ามากขึ้น
อวิ๋นหลิงฟังตงชิงเล่าอย่างเงียบๆ นั่งอย่างสงบอยู่ข้างโต๊ะนานมาก ในส่วนลึกของความทรงจำที่ราวกับมีหมอกปกคลุมอยู่อย่างเลือนราง หลังจากที่มีประกายไฟถูกจุดขึ้นมา ก็ถูกแสงสว่างขับไล่ออกไปจนหมด......
นางจำได้หมดแล้ว
ปีนั้นฉู่อวิ๋นหลิงหกขวบ รู้จักกับเพื่อนแท้คนแรกในชีวิตของนาง และเป็นเพื่อนคนสุดท้าย

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...