เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1033

แม้ว่าในเวลาต่อมา เจ้าของร่างเดิมจะได้พบเจอกับผู้คนหลากหลายรูปแบบ แต่ก็ไม่มีใครคบหากับนางด้วยความจริงใจอีก

และหนุ่มน้อยในความทรงจำที่ถูกเรียกว่า”แบะแบะ” เป็นเพราะตอนนั้นนางอายุน้อยเกินไป หลังจากเติบโตแล้วก็ถูกเรื่องราวต่างๆที่ทำให้กลุ้มใจขมขื่นเพิ่มเติมเข้ามาในชีวิตจนเต็ม จึงค่อยๆหลงลืมวันเวลาที่แสนสั้นแต่ล้ำค่านั้นไป

อวิ๋นหลิงทบทวนความทรงจำทุกอย่างในอดีตของร่างนี้อย่างเงียบๆ ราวกับเป็นพยานที่ได้เห็นภาพยนตร์เก่าด้วยตาตัวเอง

……

สาวน้อยที่อายุยังน้อยไร้เดียงสาไร้พิษภัย มีท่านแม่ที่อ่อนโยนใจกว้างที่รักนางมาก มีรอยยิ้มที่มีชีวิตชีวาสดใสอยู่เสมอ มีความเป็นมิตรและใจดีกับทุกสิ่งรอบตัว

แม้จะเจอกับเฟิงหยางที่ถูกทุกคนรังเกียจ นางก็ยินดีจะปฏิบัติต่อเขาอย่างจริงใจ เป็นเพื่อนกับอีกฝ่าย

สาวน้อยที่เริ่มเติบโตรู้ความค่อยๆรู้แล้วว่าตัวเองมีหน้าตาไม่เหมือนคนอื่น ภายใต้สายตาที่หวาดกลัว รังเกียจ และเยาะเย้ย เริ่มทำให้กลายเป็นคนมีปมด้อยและเป็นทุกข์

การตำหนิและลำเอียงของท่านพ่อบวกกับความเจ้าแผนการและความยอดเยี่ยมของน้องสาวต่างมารดา ทำให้นางค่อยๆกลายเป็นคนเงียบและเก็บตัว ถูกยินถังเหยียดหยามต่อหน้าทุกคนในงานชมดอกไม้ ยิ่งเป็นฝันร้ายที่นางอยากจะลืมมากที่สุด

หลังจากที่เติบโตหญิงสาวก็ยิ่งมีจิตใจที่ละเอียดอ่อนมากขึ้น นางเริ่มเปลี่ยนเป็นคนเศร้าหมองและเบื่อโลก อิจฉาความงามของน้องสาวต่างมารดา และรังเกียจเดียดฉันท์ตัวเองที่มีหน้าตาราวกับสัตว์ประหลาด

นางเริ่มเคียดแค้นทุกคนและทุกสิ่งรอบตัว ความแปลกแยกและเข้ากับคนอื่นไม่ได้กลายเป็นป้ายชื่อของนางไปแล้ว

มีเพียงรุ่ยอ๋องที่ช่วยออกหน้าแทนนางในงานชมดอกไม้ เป็นดั่งแสงสว่างในความมืด และเป็นสิ่งเดียวที่นางอยากจะคว้าเอาไว้

แต่แสงอันริบหรี่นี้ ก็ถูกคนอื่นแย่งชิงไปอย่างไร้เยื่อใย

วินาทีนี้ อวิ๋นหลิงเข้าใจขึ้นมาอย่างแท้จริงทันทีว่าทำไมตอนนั้นฉู่อวิ๋นหลิงทำไมจึงเลือกที่จะฆ่าตัวตาย

ความสิ้นหวังของนางไม่ใช่เพราะถูกคนรอบข้างเข้าใจผิด แต่ตรงกันข้าม การถูกเข้าใจผิดเป็นเรื่องปกติของนางไปแล้ว นางแทบไม่ใส่ใจเลย

ฟางเส้นสุดท้ายที่กดดันให้นางทรุดลง คือแสงสว่างอย่างรุ่ยอ๋องหายไป

ชาตินี้ ฉู่อวิ๋นหลิงไม่เคยคิดว่าจะสามารถแต่งงานกับรุ่ยอ๋องได้ นางเข้าใจดีว่าไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือความสามารถของตัวเองล้วนไม่เหมาะสมกับอีกฝ่าย

รุ่ยอ๋องเป็นหนึ่งในคนจำนวนน้อยมากที่มีเจตนาดีต่อนาง นางหวังว่าเขาจะดีทุกอย่าง

ถ้าหากไม่เคยได้สัมผัสกับแสงสว่าง เดิมทีนางก็สามารถอดทนอยู่ในความมืดมิดได้ ถ้าหากรุ่ยอ๋องไม่เคยแสดงความหวังดีต่อนาง นางจะไม่สนใจอีกฝ่ายเลย

แต่รุ่ยอ๋องถือแสงไฟเดินเข้ามาในโลกของนาง สุดท้ายก็ตกลงไปในกับดักคำโกหกที่ฉู่อวิ๋นหานสร้างขึ้นมา เลือกที่จะกอดความมืดที่เคยกลืนกินนางเอาไว้

ภายใต้ความสิ้นหวังท้อแท้ นางรู้สึกเบื่อหน่ายและไร้ความผูกพันต่อทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต

ชาตินี้นางมีชีวิตที่เหนื่อยมาก มีชีวิตอยู่ก็ไม่มีความสุข ไม่อยากจะสนใจอะไรทั้งสั้น ปล่อยให้ทุกอย่างสิ้นสุดเพียงเท่านี้

……

“หลิงเอ๋อร์......หลิงเอ๋อร์”

อวิ๋นหลิงดึงสติกลับมาจากความคิดที่ล่องลอยไปไกล ก็เห็นว่าเซียวปี้เฉิงกำลังมองมาที่นางด้วยสีหน้าเป็นกังวล “เจ้าเป็นอะไรไป เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าตั้งหลายครั้งก็ไม่ตอบ”

นางส่ายหน้า ทำจิตใจให้กลับมาสงบเหมือนเดิม จากนั้นก็ยิ้ม “ไม่เป็นไร แค่คิดถึงเรื่องมากมายขึ้นมาในชั่วขณะ......ในเมื่อสองวันนี้เฟิงหยางไม่อยู่ที่จวน เช่นนั้นไม่สู้พวกเราไปเยี่ยมผู้เฒ่าจวงกันก่อนเถอะ บอกความจริงของเรื่องเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนให้เขาฟัง ให้เขาได้มีเวลาทำใจล่วงหน้าเอาไว้”

เซียวปี้เฉิงมั่นใจแล้วว่านางไม่เป็นไร ก็พยักหน้ารับ “ได้ พวกเราสองสามีภรรยายังไม่เคยไปเยี่ยมท่านผู้เฒ่ากันเลย ให้ตงชิงไปเตรียมของขวัญที่กรมวังเถอะ”

ว่าแล้ว ก็หันไปกำชับงาน ตงชิงจดทุกอย่างเอาไว้

เขาพยักหน้า ไล่บ่าวออกไปจากนั้นก็รีบปิดประตูเรือน และถามอย่างไม่กังวลใจว่า “พระชายารัชทายาท ทำไมจู่ๆท่านจึงพูดถึงชาติกำเนิดของเฟิงหยาง “

อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงสบตากัน พูดสิ่งที่ครุ่นคิดมากมายมาตลอดทาง

“ท่านผู้เฒ่า ท่านน่าจะรู้ว่าข้ามีอาจารย์ซึ่งเป็นเทพที่มีความสามารถล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ เขาก็คือหวู๋ซินไต้ซือที่ทุกคนรู้จักกันดี ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ข้าได้รับรู้เกี่ยวกับปริศนาชาติกำเนิดของแม่ทัพเฟิงหยางมาบ้าง รู้สึกประหลาดใจมาก จึงได้ขอคำชี้แนะจากอาจารย์”

การทดสอบความเป็นพ่อลูกไม่ใช่เรื่องง่าย ในยุคโบราณที่ไม่มีเทคโนโลยีดีเอ็นเอ อยากจะทดสอบนั้นเป็นไปไม่ได้

อวิ๋นหลิงคำนึงถึงเรื่องที่ตนจะอาศัยแค่ลมปาก คงไม่อาจทำให้ทุกคนเชื่อในทฤษฎีการแพทย์ทางวิทยาศาสตร์ได้ ดังนั้นจึงได้นำเอาชื่อของหวู๋ซินไต้ซือซึ่งมีความลึกลับอยู่ในใจของประชาชนออกมาอ้างอีกครั้ง

ผู้เฒ่าจวงได้ยินเช่นนั้นก็เบิกตาโตด้วยความตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสงสัย จากนั้นก็รีบถามอย่างร้อนใจว่า “ว่า ว่าอะไรนะ พระชายารัชทายาท หวู๋ซินไต้ซือว่าอย่างไรบ้าง”

อวิ๋นหลิงเอ่ยเสียงขรึม “หวู๋ซินไต้ซือบอกว่า เฟิงหยางเป็นลูกของรองเสนาบดีเฟิงและลูกสาวของท่านอย่างแน่นอน ที่เขามีหน้าตาเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะบรรพบุรุษเคยมีชาวทูเจวีย”

หลังจากนั้น นางก็อธิบายในส่วนที่เกี่ยวกับทฤษฎียีนอย่างง่ายๆให้เขาฟังอีกครั้ง

“พระชายารัชทายาท......ที่พูดมาเป็นความจริงหรือ”

“จริงแท้แน่นอน”

ได้ยินคำพูดของอวิ๋นหลิง ร่างที่ค่อมของผู้เฒ่าจวงสั่นสะท้านขึ้นมาเบาๆอย่างควบคุมไม่ได้ ดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นแดงก่ำขึ้นมา

จู่ๆแก้วชาในมือก็หลุดร่วงลงไปที่พื้น มองขึ้นไปบนฟ้าพลางร้องไห้ตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวดว่า “......หมิงซิน หมิงซิน ลูกข้า......เจ้าถูกใส่ร้าย”

พูดจบ น้ำตาก็พุ่งทะลักออกมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ