เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1036

นางเสี่ยวหยางก็รู้เรื่องการแต่งงานของคุณหนูตระกูลถังดี

นางรู้ว่าอีกฝ่ายมีใจชมชอบคุณชายตระกูลหลี่ การแต่งงานเพิ่งถูกขัดขวางไป นางอยู่ในจวนก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องอาหารการกิน ก่อเรื่องทำให้ผู้อาวุโสในบ้านไม่พอใจทุกวัน

ในใจนางเสี่ยวหยางรู้เรื่องเฟิงหยางกับกริชเล่มนั้นเป็นอย่างดี นางต้องไม่เป็นคนเจาะกระดาษหน้าต่างเผยความลับนี้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเสนาบดีซ้ายเฟิงจะไม่ไว้ชีวิตนางแน่

คุณหนูตระกูลถังได้กลายเป็นอาวุธที่ใช้ฆ่าคนได้ประจวบเหมาะพอดี

หากอีกฝ่ายต้องการรักษาอิสระในการแต่งงานของตนเองก็จะเลือกใช้ประโยชน์จากข่าวนี้แน่นอน

ส่วนอุปนิสัยใจคอของคุณหนูตระกูลถังนั้นโดดเด่นและแข็งแกร่งกว่าที่นางเสี่ยวหยางคิดไว้

หลังจากได้รับจดหมายที่เต็มไปด้วยคำใบ้และคำยุยง นางก็ไม่ทำให้นางเสี่ยวหยางผิดหวัง วันรุ่งขึ้นก็ไปเยี่ยมจวนเฟิงเพียงลำพัง

นางบอกกับเสนาบดีซ้ายเฟิงด้วยตนเองว่าหากตระกูลเฟิงยังคงยุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของนางอีก นางจะไปรายงานเรื่องที่เฟิงหยางลอบมีใจต่อพระชายากับตำหนักบูรพาและโพนทะนาให้รู้กันไปทั่ว

หากตระกูลเฟิงฟังคำแนะนำ ทั้งสองตระกูลก็จะยังเป็นสหายสนิทกันต่อไป นางจะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อตระกูลเฟิง

คุณหนูตระกูลถังยืนกรานหนักแน่น แสดงความตั้งใจที่จะให้เวลาตระกูลเฟิงสามวัน นางหวังว่าภายในสามวันนี้ เสนาบดีซ้ายเฟิงกับอาลักษณ์ถังจะล้มเลิกความคิดที่ให้ทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองกัน

ต่อให้อยากจะเกี่ยวดองกันจริงๆ ก็อย่าเข้าไปสอดมือการแต่งงานของนาง

ช่วงนี้คุณหนูตระกูลถังวุ่นวายอยู่กับเรื่องการแต่งงานไม่น้อย ดังนั้นท่าทีที่มาเยี่ยมเยียนเสนาบดีซ้ายเฟิงก็ย่อมไม่ได้ดีขึ้นมากนัก จึงทำให้เขามีน้ำโห

แต่คำข่มขู่ของอีกฝ่ายทำให้เขาต้องใส่ใจและระแวดระวัง

ตามคำของแม่นางน้อยผู้นั้น เสนาบดีซ้ายเฟิงและลูกชายสอบถามเฟิงหยางที่ห้อง ก็เห็นกริชที่อีกฝ่ายกล่าวถึง ลวดลายบนนั้นเผยให้เห็นถึงสถานะของผู้ที่ประทานให้

นอกจากนี้ยังลอบตรวจสอบน้ำเสียงของเฟิงหยางเป็นการส่วนตัว ยืนยันได้ว่าที่คุณหนูตระกูลถังพูดนั้นเป็นเรื่องจริง

ทันใดนั้นใบหน้าของสองพ่อลูกก็เหยเกยิ่งนัก

เสนาบดีซ้ายเฟิงไม่ยินดีจะยกเลิกการแต่งงานกับตระกูลถังง่ายๆ จะทำให้เสนาบดีขวาหลี่เห็นเขาเป็นตัวตลก เขาจึงหยิบกริชของเฟิงหยาง ตัดสินใจจะเล่นลูกไม้ให้ถึงที่สุด ไม่ยอมรับเรื่องที่เฟิงหยางคบชู้กับพระชายา

วันนี้เมื่อเฟิงหยางกลับมาจากเขาหานซาน ก็รู้ทันทีว่ากริชที่ฝังทับทิมของเขาหายไป

เสนาบดีซ้ายเฟิงก็ไม่ได้ปิดบังเขา พูดด้วยน้ำเสียงที่งุนงง “หยางเอ๋อร์ นับจากนี้ไปเจ้าไม่ต้องพกกริชเล่มนั้นติดตัวไว้แล้ว หากใครถาม เจ้าก็ต้องยืนยันว่ามันไม่มีอะไร”

เฟิงหยางขมวดคิ้วแน่นเป็นปม “เพราะเหตุใด?”

“เจ้า...ที่เจ้าคิดอย่างไรกับพระชายานั้น พวกเรารู้กันหมดแล้ว…”

เสนาบดีซ้ายเฟิงทำหน้ากระอักกระอ่วนใจ แล้วพูดเสียงเบาว่า “หยางเอ๋อร์ ปู่เองก็ไม่ได้ตำหนิเจ้า ถึงอย่างไรคนธรรมดาย่อมทำผิดพลาดกันได้ ย่อมควบคุมเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ไม่ได้ แต่เจ้ากลับทำเรื่องพรรค์นี้เสียเด่นชัด ทำให้คนอื่นจับจุดอ่อนได้ นี่มันไม่เข้าท่าเลย!”

“หากแม่นางตระกูลถังผู้นั้นเปิดเผยเรื่องนี้ออกไป ถึงเวลานั้นต่อให้เจ้ามีเป็นพันปากก็ยากจะอธิบาย อนาคตจะป่นปี้!”

เฟิงหยางฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดก็เข้าใจต้นสายปลายเหตุของเรื่องราว

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลูบหน้าผากอย่างปวดเศียรเวียนเกล้า “ท่านปู่ ท่านอย่าไปฟังเสียงนกเสียงกาจะได้หรือไม่ ข้ารู้จักกับพระชายามาตั้งแต่เยาว์วัยจริงๆ แต่พวกเราไม่ได้พบหน้ากันมาสิบกว่าปี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนนี้นางเป็นแม่คนแล้ว ข้าจะไปคิดนอกลู่นอกทางกับนางได้อย่างไร”

“แม่นางตระกูลถังผู้นั้นใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ท่าน เห็นชัดว่าไม่อยากแต่งงานกับข้า” เฟิงหยางมองท่านปู่ที่มีรอยเหี่ยวย่นเต็มหน้า แล้วกระซิบโน้มน้าวใจอย่างอดทน “จริงสิ หลานยังมีเรื่องที่ไม่ได้บอกท่าน ฝ่าบาทตั้งใจจะส่งข้าไปรักษาการณ์ที่เมืองเซียงโจว ข้าไม่มีวาสนากับแม่นางผู้นั้น ท่านก็อย่าก้าวก่ายการแต่งงานของนางอีกเลย ไม่เช่นนั้นจะทำให้ทั้งสองตระกูลกินแหนงแคลงใจกัน”

รองเสนาบดีเฟิงมองเขาอย่างเย็นชา “แค่กริชเล่มเดียวเท่านั้นเอง โยนมันทิ้งไปเพื่อชื่อเสียงของตระกูลเฟิงไม่ได้หรืออย่างไร เจ้าควรรู้ว่าตระกูลเฟิงในยามนี้ไม่ได้ดีไปกว่าเมื่อก่อน ความสัมพันธ์กับตำหนักบูรพาก็ยิ่งซับซ้อนและอ่อนไหวมากขึ้น ต่อให้รัชทายาทกับพระชายาไม่สนใจข่าวลือก็ตาม แต่จะป้องกันไม่ให้คนอื่นที่มีเจตนาหยิบยกเอาเรื่องนี้มาเล่นงานได้อย่างไร”

“ข้าไม่เชื่อ เจ้าไม่เข้าใจส่วนได้ส่วนเสียในจุดนี้เลยด้วยซ้ำ เจ้ายืนกรานจะเอากริชกลับคืน ข้าก็คิดได้แต่ว่าเจ้าลอบมีใจให้พระชายา!”

สิ้นคำ ในห้องก็เงียบกริบ

หัวใจของเฟิงหยางรู้สึกเย็นยะเยือกอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมานาน เขามองตรงไปยังรองเสนาบดีเฟิงอยู่นาน ทันใดนั้นรอยยิ้มเยือกเย็นก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“...ชื่อเสียงของตระกูลเฟิงหรือ ชื่อเสียงและอนาคตสำคัญกับพวกท่านขนาดนั้นเชียวหรือ”

เฟิงหยางพูดเน้นทีละคำ แม้ว่าจะพยายามควบคุมอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่อาจหยุดความเศร้าระทมและความกรุ่นโกรธในใจไม่ให้ระเบิดออกมาได้

“พวกท่านยอมเชื่อคำคาดเดาของคนนอกมากกว่าเชื่อข้าอย่างนั้นหรือ” เขาแทบจะตะโกนถามว่า “เพียงเพราะการคาดเดาที่ไม่มีมูลเหล่านั้น ก็จะให้ข้ายอมรับชะตากรรมและเสียสละทั้งหมดใช่หรือไม่ ยี่สิบปีที่แล้ว ท่านก็คิดเช่นนี้ คิดที่จะขุดเอาท่านแม่ข้าออกจากหลุมศพใช่หรือไม่!”

เป็นถ้อยคำที่เสียงดังฉะฉานชัดเจน ใบหน้าของเสนาบดีซ้ายเฟิงก็แปรเปลี่ยนไป เขาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็ก้มหน้างุดนิ่งเงียบด้วยสายตาที่สับสน

“...เจ้า!” แต่สีหน้าของรองเสนาบดีเฟิงเปลี่ยนไป ก่อนพูดด้วยความโมโห “เจ้าลูกอกตัญญู เจ้าพูดจากับพ่อเยี่ยงนี้ได้หรือ”

“ท่านพ่อหรือ ข้าไม่อยากมีพ่อแบบนี้!”

เฟิงหยางหัวเราะอย่างน่าสมเพช เขาไม่ผิดหวัง เพียงรู้สึกเศร้าใจกับเรื่องนี้

สองตาของเขาแดงก่ำ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ข้าจะพูดคำสุดท้าย คืนกริชให้ข้า มิฉะนั้นหากพวกท่านกังวลว่าข้าจะทำให้ตระกูลเฟิงเดือดร้อน เช่นนั้นข้าก็จะไม่เป็นลูกหลานของตระกูลเฟิงอีกต่อไป!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ