เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1037

ทันใดนั้นใบหน้าที่หม่นทะมึนของรองเสนาบดีเฟิงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ไอ้สารเลว! เพื่อสิ่งไร้ชีวิตชิ้นเดียว เจ้าถึงกับเนรคุณตระกูลที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเจ้าโดยไม่เห็นแก่สายเลือดเลยหรือ”

“สิ่งไร้ชีวิตอย่างนั้นหรือ หึ ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งไร้ชีวิตชิ้นนี้ ข้าจะรอดมาจนถึงป่านนี้ได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย”

เฟิงหยางหัวเราะเย้ยหยันเบาๆ ในน้ำเสียงไม่มีอารมณ์แต่อย่างใด “สำหรับตระกูลเฟิง ข้ามีสายสัมพันธ์ทางสายเลือดแบบไหนหรือ ผู้ที่ตั้งครรภ์สิบเดือนแล้วคลอดข้าคือท่านแม่ หลายปีที่ผ่านมานี้ท่านไม่เคยเลี้ยงดูสั่งสอนข้าเลย ท่านมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนข้าได้อย่างเต็มปากเต็มคำเช่นนี้”

ความเป็นครอบครัวที่อ่อนแอและน่าสงสารนี้ไม่อาจจุดประกายไฟได้แม้แต่น้อย จะไปเทียบกับของรักของหวงของเขาได้อย่างไร

สำหรับเขาแล้ว กริชเล่มนั้นไม่ใช่สิ่งไร้ชีวิตมาตั้งนานแล้ว

มันเก็บความทรงจำอันอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวในวัยเด็ก คอยเป็นเพื่อนเขาทั้งวันทั้งคืนมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าช่วยชีวิตเขามาจากเงื้อมือพญายมไปกี่ครั้งแล้ว

นั่นคือสหายสนิทที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา ความศรัทธาที่ทำให้เขากล้าจะมีชีวิตอยู่!

ทันใดนั้นรองเสนาบดีเฟิงก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ สองตาราวกับน้ำนิ่งในสระน้ำสีดำก็ลุกโชนด้วยความโกรธจัด

“อะไรที่เรียกว่าไม่ได้เลี้ยงดูและสั่งสอนเจ้า อาหารที่เจ้ากินเสื้อผ้าที่สวมใส่เรือนที่พำนักตั้งแต่เด็กจนโตมีอะไรบ้างที่ตระกูลเฟิงไม่ได้ให้เจ้า หากไม่ได้ตระกูลเฟิงปกป้องคุ้มครองเจ้า แล้วน้ำหน้าอย่างเจ้าจะอยู่รอดมาจนถึงป่านนี้ได้หรือ ยังจะมีหน้ามาพูดเนรคุณอีก!”

เสนาบดีซ้ายเฟิงตกใจที่จู่ๆ พ่อลูกก็ทะเลาะกัน

เท่าที่เขาจำได้ หลานชายสายตรงเป็นคนพูดน้อยเงียบขรึมแต่มีความกตัญญู แม้ว่าจะไม่ได้สนิทสนมกับพวกเขา แต่แทบจะไม่โต้เถียงหรือฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อาวุโสเลย ไม่นึกว่าวันนี้เขาจะเป็นฝ่ายเสนอให้ตัดญาติขาดมิตรกันจริงๆ

ยังมีรองเสนาบดีเฟิงลูกชายของเขา ที่แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นคนสุขุมเยือกเย็น ไม่ค่อยอารมณ์แปรเปลี่ยนมากนัก แต่วันนี้กลับโวยวายและฉุนเฉียวถึงเพียงนี้

เขาตกตะลึงจนลืมห้ามทัพไปชั่วขณะหนึ่ง

เฟิงหยางมองสบตารองเสนาบดีเฟิงโดยไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อย ดวงตาของฝ่ายหลังอัดแน่นไปด้วยความเดือดดาล ทว่าดวงตาของเขากลับเย็นชาราวกับน้ำพุแข็งที่เสียดแทงกระดูก มุมปากก็หยักโค้งเป็นรอยยิ้มประชดประชัน

“ถ้าคิดว่าการให้กินอยู่หลับนอน และมีหลังคาคุ้มกะลาหัวถือเป็นการเลี้ยงดู เช่นนั้นสุนัขเฝ้าบ้านที่เลี้ยงในจวนก็ถือเป็นหลานชายสายตรงได้เช่นกัน”

คำพูดนี้บาดหูยิ่งนักจนแม้กระทั่งเสนาบดีซ้ายเฟิงยังรู้สึกแทบจะประคองสีหน้าไว้ไม่อยู่ แต่เขากลับพูดโต้กลับไม่ออกเลย

ถึงอย่างไร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจวนนี้ก็ไม่ค่อยดูแลเด็กคนนี้มากนัก แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ในตระกูลเฟิง แต่ก็ถูกโยนไปให้พ่อบ้านเลี้ยงดูมาตลอด

นับตั้งแต่เฟิงหยางไปที่ชายแดน ลานบ้านที่เขาอาศัยอยู่ไม่มีการส่งคนมาเก็บกวาดทำความสะอาดเลย ชายคารั่วก็ไม่มีการซ่อมแซม มุมกำแพงก็มีเห็ดงอกออกมา

เป็นเพราะเขากำลังจะกลับมา จึงมีการปรับปรุงอย่างเร่งด่วนภายในสองเดือนนี้

“…เจ้า!”

รองเสนาบดีเฟิงไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีก กระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง ก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางโกรธเคืองแล้วเงื้อมือขึ้น

เฟิงหยางมองเขาอย่างไม่เกรงกลัว จ้องมองเข้าไปในสองตาที่เต็มไปด้วยความโกรธจัด ความชิงชัง การรังเกียจที่เจือความเจ็บปวด

“ทำไม ในที่สุดท่านก็นึกออกแล้ว คิดจะทำหน้าที่ในฐานะพ่อ สั่งสอนบทเรียนให้กับลูกหลานที่ไม่เอาไหนอย่างข้าคนนี้ใช่หรือไม่”

มือที่ขึ้นหนังด้านแข็งค้างอยู่กลางอากาศและสั่นเล็กน้อย เขาก็กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนออกมาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อลงอย่างแรง

รองเสนาบดีเฟิงหอบหายใจแรง สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนจากความโกรธบูดบึ้งเมื่อครู่นี้เป็นความเงียบไร้ชีวิตชีวา ใบหน้าที่หม่นทะมึนก็ไม่เผยความรู้สึกแต่อย่างใด

เขาหันหลังให้กับเฟิงหยาง นัยน์ตาที่ย้อนแสงทำให้มองเห็นอารมณ์ได้ยาก น้ำเสียงไม่มีริ้วอารมณ์เลยสักนิด

รองเสนาบดีเฟิงกำหมัดแน่นด้วยใบหน้าขึงขัง แล้วเดินตามออกไป

ทันใดนั้นในจวนเฟิงก็เกิดความโกลาหลวุ่นวายเป็นอย่างมาก

“พวกเจ้าขวางคุณชายใหญ่ไว้เดี๋ยวนี้ ไปเรียกคนมาต่อยเขาให้สลบแล้วมัดเขาไว้!”

เสนาบดีซ้ายเฟิงออกคำสั่งอย่างเดือดดาล ตอนนี้เขาก็ได้แต่จับเฟิงหยางไว้ก่อน แล้วบังคับให้อีกฝ่ายสงบสติอารมณ์

พวกทหารยามในลานบ้านมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในจวนกำลังเตรียมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้คุณชายใหญ่ไม่ใช่หรือ อยู่ดีๆ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร

แต่ด้วยคำสั่งเร่งด่วนของเสนาบดีซ้ายเฟิง ทหารยามสิบกว่าคนยังคงถือไม้เข้าล้อมรอบเฟิงหยางด้วยสีหน้าตื่นเต้น

เฟิงหยางสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มองไปรอบๆ แล้วเดินออกไปจากลานบ้านของเสนาบดีซ้ายเฟิงเอง

ระหว่างทาง เขาจัดการบ่าวรับใช้และทหารยามที่เข้ามากลุ้มรุมล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นทีละคน ทั่วทั้งลานก็เต็มไปด้วยเสียงร้องโอดโอย

จนกระทั่งชายหนุ่มสองคนที่ดูเหมือนองครักษ์ลับปรากฏตัวขึ้นในพริบตา ถือกระบอกควันเป่าไปทางเฟิงหยาง หมอกสีขาวปกคลุมตัวเขาไว้จนหยุดฝีเท้าเขาได้ในที่สุด

เมื่อเห็นว่าเฟิงหยางสูดดมผงยากระดูกอ่อนไปมากจนต้านทานไม่ไหวแล้ว เสนาบดีซ้ายเฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาใช้ผ้าเปียกปิดปากและจมูก แล้วโบกมือพูดไม่หยุด “เร็วเข้า เร็วเข้า! เอาคุณชายใหญ่ไปขังไว้ในเรือนของเขา!”

แต่ในขณะนี้เอง พ่อบ้านวิ่งเข้ามารายงานด้วยความตื่นตระหนก “ท่านเสนาบดีซ้าย แย่แล้ว แย่แล้ว! รัชทายาทกับพระชายาเสด็จมา แล้วยังมีราชบัณฑิตใหญ่จวงตามมาด้วย พวกเขาเข้ามาถึงประตูใหญ่จวนเฟิงแล้ว!”

เสนาบดีซ้ายเฟิงกลัวจนแทบจะสติแตก “เจ้าว่าอะไรนะ!”

เขาใจเต้นโครมคราม หรือว่าคุณหนูตระกูลถังไปร้องเรียนกับตำหนักบูรพาแล้ว?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ