ทันใดนั้นใบหน้าที่หม่นทะมึนของรองเสนาบดีเฟิงก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ไอ้สารเลว! เพื่อสิ่งไร้ชีวิตชิ้นเดียว เจ้าถึงกับเนรคุณตระกูลที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเจ้าโดยไม่เห็นแก่สายเลือดเลยหรือ”
“สิ่งไร้ชีวิตอย่างนั้นหรือ หึ ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งไร้ชีวิตชิ้นนี้ ข้าจะรอดมาจนถึงป่านนี้ได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย”
เฟิงหยางหัวเราะเย้ยหยันเบาๆ ในน้ำเสียงไม่มีอารมณ์แต่อย่างใด “สำหรับตระกูลเฟิง ข้ามีสายสัมพันธ์ทางสายเลือดแบบไหนหรือ ผู้ที่ตั้งครรภ์สิบเดือนแล้วคลอดข้าคือท่านแม่ หลายปีที่ผ่านมานี้ท่านไม่เคยเลี้ยงดูสั่งสอนข้าเลย ท่านมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนข้าได้อย่างเต็มปากเต็มคำเช่นนี้”
ความเป็นครอบครัวที่อ่อนแอและน่าสงสารนี้ไม่อาจจุดประกายไฟได้แม้แต่น้อย จะไปเทียบกับของรักของหวงของเขาได้อย่างไร
สำหรับเขาแล้ว กริชเล่มนั้นไม่ใช่สิ่งไร้ชีวิตมาตั้งนานแล้ว
มันเก็บความทรงจำอันอบอุ่นเพียงหนึ่งเดียวในวัยเด็ก คอยเป็นเพื่อนเขาทั้งวันทั้งคืนมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าช่วยชีวิตเขามาจากเงื้อมือพญายมไปกี่ครั้งแล้ว
นั่นคือสหายสนิทที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา ความศรัทธาที่ทำให้เขากล้าจะมีชีวิตอยู่!
ทันใดนั้นรองเสนาบดีเฟิงก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ สองตาราวกับน้ำนิ่งในสระน้ำสีดำก็ลุกโชนด้วยความโกรธจัด
“อะไรที่เรียกว่าไม่ได้เลี้ยงดูและสั่งสอนเจ้า อาหารที่เจ้ากินเสื้อผ้าที่สวมใส่เรือนที่พำนักตั้งแต่เด็กจนโตมีอะไรบ้างที่ตระกูลเฟิงไม่ได้ให้เจ้า หากไม่ได้ตระกูลเฟิงปกป้องคุ้มครองเจ้า แล้วน้ำหน้าอย่างเจ้าจะอยู่รอดมาจนถึงป่านนี้ได้หรือ ยังจะมีหน้ามาพูดเนรคุณอีก!”
เสนาบดีซ้ายเฟิงตกใจที่จู่ๆ พ่อลูกก็ทะเลาะกัน
เท่าที่เขาจำได้ หลานชายสายตรงเป็นคนพูดน้อยเงียบขรึมแต่มีความกตัญญู แม้ว่าจะไม่ได้สนิทสนมกับพวกเขา แต่แทบจะไม่โต้เถียงหรือฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อาวุโสเลย ไม่นึกว่าวันนี้เขาจะเป็นฝ่ายเสนอให้ตัดญาติขาดมิตรกันจริงๆ
ยังมีรองเสนาบดีเฟิงลูกชายของเขา ที่แต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นคนสุขุมเยือกเย็น ไม่ค่อยอารมณ์แปรเปลี่ยนมากนัก แต่วันนี้กลับโวยวายและฉุนเฉียวถึงเพียงนี้
เขาตกตะลึงจนลืมห้ามทัพไปชั่วขณะหนึ่ง
เฟิงหยางมองสบตารองเสนาบดีเฟิงโดยไม่ยอมแพ้แม้แต่น้อย ดวงตาของฝ่ายหลังอัดแน่นไปด้วยความเดือดดาล ทว่าดวงตาของเขากลับเย็นชาราวกับน้ำพุแข็งที่เสียดแทงกระดูก มุมปากก็หยักโค้งเป็นรอยยิ้มประชดประชัน
“ถ้าคิดว่าการให้กินอยู่หลับนอน และมีหลังคาคุ้มกะลาหัวถือเป็นการเลี้ยงดู เช่นนั้นสุนัขเฝ้าบ้านที่เลี้ยงในจวนก็ถือเป็นหลานชายสายตรงได้เช่นกัน”
คำพูดนี้บาดหูยิ่งนักจนแม้กระทั่งเสนาบดีซ้ายเฟิงยังรู้สึกแทบจะประคองสีหน้าไว้ไม่อยู่ แต่เขากลับพูดโต้กลับไม่ออกเลย
ถึงอย่างไร ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจวนนี้ก็ไม่ค่อยดูแลเด็กคนนี้มากนัก แม้ว่าเขาจะอาศัยอยู่ในตระกูลเฟิง แต่ก็ถูกโยนไปให้พ่อบ้านเลี้ยงดูมาตลอด
นับตั้งแต่เฟิงหยางไปที่ชายแดน ลานบ้านที่เขาอาศัยอยู่ไม่มีการส่งคนมาเก็บกวาดทำความสะอาดเลย ชายคารั่วก็ไม่มีการซ่อมแซม มุมกำแพงก็มีเห็ดงอกออกมา
เป็นเพราะเขากำลังจะกลับมา จึงมีการปรับปรุงอย่างเร่งด่วนภายในสองเดือนนี้
“…เจ้า!”
รองเสนาบดีเฟิงไม่อาจระงับอารมณ์ได้อีก กระแทกถ้วยชาลงบนโต๊ะอย่างแรง ก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางโกรธเคืองแล้วเงื้อมือขึ้น
เฟิงหยางมองเขาอย่างไม่เกรงกลัว จ้องมองเข้าไปในสองตาที่เต็มไปด้วยความโกรธจัด ความชิงชัง การรังเกียจที่เจือความเจ็บปวด
“ทำไม ในที่สุดท่านก็นึกออกแล้ว คิดจะทำหน้าที่ในฐานะพ่อ สั่งสอนบทเรียนให้กับลูกหลานที่ไม่เอาไหนอย่างข้าคนนี้ใช่หรือไม่”
มือที่ขึ้นหนังด้านแข็งค้างอยู่กลางอากาศและสั่นเล็กน้อย เขาก็กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนออกมาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อลงอย่างแรง
รองเสนาบดีเฟิงหอบหายใจแรง สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนจากความโกรธบูดบึ้งเมื่อครู่นี้เป็นความเงียบไร้ชีวิตชีวา ใบหน้าที่หม่นทะมึนก็ไม่เผยความรู้สึกแต่อย่างใด
เขาหันหลังให้กับเฟิงหยาง นัยน์ตาที่ย้อนแสงทำให้มองเห็นอารมณ์ได้ยาก น้ำเสียงไม่มีริ้วอารมณ์เลยสักนิด
รองเสนาบดีเฟิงกำหมัดแน่นด้วยใบหน้าขึงขัง แล้วเดินตามออกไป
ทันใดนั้นในจวนเฟิงก็เกิดความโกลาหลวุ่นวายเป็นอย่างมาก
“พวกเจ้าขวางคุณชายใหญ่ไว้เดี๋ยวนี้ ไปเรียกคนมาต่อยเขาให้สลบแล้วมัดเขาไว้!”
เสนาบดีซ้ายเฟิงออกคำสั่งอย่างเดือดดาล ตอนนี้เขาก็ได้แต่จับเฟิงหยางไว้ก่อน แล้วบังคับให้อีกฝ่ายสงบสติอารมณ์
พวกทหารยามในลานบ้านมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ในจวนกำลังเตรียมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดให้คุณชายใหญ่ไม่ใช่หรือ อยู่ดีๆ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร
แต่ด้วยคำสั่งเร่งด่วนของเสนาบดีซ้ายเฟิง ทหารยามสิบกว่าคนยังคงถือไม้เข้าล้อมรอบเฟิงหยางด้วยสีหน้าตื่นเต้น
เฟิงหยางสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้มองไปรอบๆ แล้วเดินออกไปจากลานบ้านของเสนาบดีซ้ายเฟิงเอง
ระหว่างทาง เขาจัดการบ่าวรับใช้และทหารยามที่เข้ามากลุ้มรุมล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้นทีละคน ทั่วทั้งลานก็เต็มไปด้วยเสียงร้องโอดโอย
จนกระทั่งชายหนุ่มสองคนที่ดูเหมือนองครักษ์ลับปรากฏตัวขึ้นในพริบตา ถือกระบอกควันเป่าไปทางเฟิงหยาง หมอกสีขาวปกคลุมตัวเขาไว้จนหยุดฝีเท้าเขาได้ในที่สุด
เมื่อเห็นว่าเฟิงหยางสูดดมผงยากระดูกอ่อนไปมากจนต้านทานไม่ไหวแล้ว เสนาบดีซ้ายเฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาใช้ผ้าเปียกปิดปากและจมูก แล้วโบกมือพูดไม่หยุด “เร็วเข้า เร็วเข้า! เอาคุณชายใหญ่ไปขังไว้ในเรือนของเขา!”
แต่ในขณะนี้เอง พ่อบ้านวิ่งเข้ามารายงานด้วยความตื่นตระหนก “ท่านเสนาบดีซ้าย แย่แล้ว แย่แล้ว! รัชทายาทกับพระชายาเสด็จมา แล้วยังมีราชบัณฑิตใหญ่จวงตามมาด้วย พวกเขาเข้ามาถึงประตูใหญ่จวนเฟิงแล้ว!”
เสนาบดีซ้ายเฟิงกลัวจนแทบจะสติแตก “เจ้าว่าอะไรนะ!”
เขาใจเต้นโครมคราม หรือว่าคุณหนูตระกูลถังไปร้องเรียนกับตำหนักบูรพาแล้ว?

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...