ก่อนที่เสนาบดีซ้ายเฟิงจะทันได้โต้ตอบ เสียงคุ้นเคยที่เจือความโกรธเกรี้ยวก็ดังมาจากระยะไกล
“นี่พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่! กล้าล้อมโจมตีแม่ทัพราชสำนักอย่างโจ่งแจ้ง อยากไปจำคุกในศาลต้าหลี่ใช่หรือไม่”
เขามองไปตามเสียงโดยไม่รู้ตัว ก็เห็นเซียวปี้เฉิงเดินเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าบูดบึ้งฉายชัด จู่ๆ เขาก็รู้สึกราวกับเห็นเทพเจ้าแห่งโรคระบาด ใบหน้าเหี่ยวย่นพลันซีดเผือด
จวนราชบัณฑิตใหญ่และจวนเสนาบดีเฟิงต่างก็อยู่บนถนนจูเชี่ย หลังจากพวกอวิ๋นหลิงได้รับรายงานข่าวจากสือโถ่ว ก็ใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีมาถึงที่นี่
เมื่ออยู่ตรงหน้าประตู พวกเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ไม่มีเด็กรับใช้อยู่นอกจวนคอยเฝ้าประตูและถ่ายทอดคำพูด ซ้ำยังมีเสียงดังเอะอะโวยวายมาจากข้างใน
ไม่รอให้บ่าวรับใช้รายงาน หลายคนรีบเดินตามเสียงดังไปถึงลานบ้าน ก็เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า พวกเขาก็โกรธทันควัน
เซียวปี้เฉิงก้าวไปคว้าองครักษ์ลับและเด็กรับใช้ที่อยู่รอบๆ เฟิงหยางไว้ แล้วโยนคนพวกนี้ออกไปทีละคนไกลถึงสองสามเมตรด้วยเครื่องหน้าหล่อเหลาขึงขัง
หมอกควันสีขาวปลาสนาการหายไปนานแล้ว เฟิงหยางคุกเข่าข้างเดียวลงกับพื้น เอามือปิดปากปิดจมูกแล้วไออย่างอดไม่ได้ เขาถูกควันรมจนเคืองตา ทำให้ร่างกายขับหยาดน้ำตาออกมา
ครั้นเห็นท่าทางโงนเงนของเขา ผู้เฒ่าจวงก็รีบยัดหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลเข้าอกเสื้อแล้วไปช่วยพยุงเขาขึ้นมา “หยางเอ๋อร์ หยางเอ๋อร์? นี่เจ้าเป็นอะไรไป พวกเขาทำอะไรเจ้า”
อวิ๋นหลิงได้กลิ่นที่ตกค้างอยู่ในอากาศ ก็เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางหยิบถุงหอมออกจากเอวแล้วให้เฟิงหยางดม จากนั้นบีบจุดชีพจรเหรินจงตรงร่องใต้จมูกอย่างแรง
“ท่านผู้เฒ่าไม่ต้องห่วง เป็นแค่ผงยากระดูกอ่อนธรรมดาเท่านั้น ไม่เป็นอะไรร้ายแรง”
ได้ยินดังนี้ เซียวปี้เฉิงก็มุ่นคิ้วพลางมองไปด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา “เสนาบดีซ้ายเฟิง พวกเจ้ากำลังทำอะไรพิเรนทร์ๆ กันอยู่”
เสนาบดีซ้ายเฟิงตื่นตระหนก มีเหงื่อเย็นไหลออกมาเล็กน้อยบนหน้าผาก “เอ่อ...ข้า...เขา...”
ขณะที่เขาอ้ำอึ้งอยู่ เงาร่างหนึ่งก็แวบขึ้นมาในหางตาของเซียวปี้เฉิง
หนังสือลำดับวงศ์ตระกูลในอกเสื้อของราชบัณฑิตใหญ่จวงหล่นลงกับพื้นเสียงดัง เขาถอดรองเท้าแล้วรีบตรงปรี่ไปหาเสนาบดีซ้ายเฟิงด้วยความกรุ่นโกรธ
“ตาเฒ่าเฟิง เจ้าคิดจะทำอะไรกับหยางเอ๋อร์ คิดว่าคนตระกูลจวงอย่างข้าเป็นเพียงของประดับจริงๆ หรือ เพราะข่าวลือที่ไม่มีมูลพรรค์นั้น เจ้าถึงกับต้องใช้กฎบ้านกับเขา ตาเฒ่า วันนี้ข้าขอสู้ตายกับเจ้า!”
ขณะที่ตะโกนด้วยความเดือดดาล เขาก็หยิบรองเท้าชี้หน้าเสนาบดีซ้ายเฟิงจากซ้ายไปขวา เอารองเท้าฟาดปากไปหลายที จนกระทั่งเสนาบดีซ้ายเฟิงหัวหมุน ร้องโอดโอยออกมาทันที
เซียวปี้เฉิงที่อยู่ด้านข้างดูงุนงงเล็กน้อย ไม่สนใจจะโกรธคนตระกูลเฟิงด้วยซ้ำ
ผู้เฒ่าจวงเป็นปัญญาชนผู้สง่างาม ปกติแล้วจะไม่ใช้คำหยาบคายก่นด่าผู้คน แต่วันนี้เขาถึงขั้นลงไม้ลงมือกับเสนาบดีซ้ายเฟิง ช่างทำให้ทุกคนได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ
ท่ามกลางเสียงฟาดของพื้นรองเท้า เฟิงหยางฟื้นคืนสติได้บางส่วน เมื่อเห็นเงาร่างผมขาวโพลนตรงหน้า เขาก็ตะโกนโดยไม่รู้ตัว
“ท่าน...ท่านปู่...”
ผู้เฒ่าจวงหยุดฟาดอย่างรวดเร็ว รีบเดินกลับไปหาเฟิงหยาง แล้วเอ่ยถามอย่างห่วงใย “หยางเอ๋อร์ เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
เฟิงหยางส่ายหัว เขาดมกลิ่นเย็นสดชื่นของถุงหอม ความรู้สึกวิงเวียนศีรษะบรรเทาลงมาก ดวงตาก็ค่อยๆ กลับมาชัดเจน
ครั้นเห็นสายตาเป็นห่วงเป็นใยของอวิ๋นหลิงที่อยู่ข้างๆ เขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาฉายแววตื่นตระหนกและประหลาดใจระคนดีใจ
“รัชทายาท พระชายา เหตุใดพวกท่านจึงมาที่นี่”
อวิ๋นหลิงเห็นว่าเขาไม่เป็นไรแล้ว จิตใจก็สงบลง แล้วมองคนตระกูลเฟิงที่เข้ามามุงดูอยู่โดยรอบหลังจากได้ยินเสียงอย่างเย็นชา “ข้าได้ยินว่ามีคนใส่ร้ายท่านแม่ทัพเฟิงหยางว่าลอบเป็นชู้กับข้า ดังนั้นจึงตั้งใจมาดูที่นี่สักหน่อย เจ้าสารเลวคนไหนกล้าทำอะไรลับหลังข้าอีกแล้วหรือ”
เสนาบดีซ้ายเฟิงทำหน้ากระดากอาย แล้วพูดอย่างจนใจ “อ่าเอ่อ...เอ่อนี่ เดิมทีข้าก็ไม่อยากทำเรื่องให้ใหญ่โตขนาดนี้ ข้าไม่ได้ยึดกริชเล่มนั้นเพื่อหลบเลี่ยงความสงสัย...ไม่ว่าอย่างไรคำพูดเช่นนี้ล่วงรู้ไปถึงหูรัชทายาทเข้า จะทำให้รัชทายาทไม่พอใจเอาได้ พวกเรายังคำนึงถึงความรู้สึกของพระองค์ พวกเจ้าว่าใช่หรือไม่”
เซียวปี้เฉิงโกรธจนแทบจะหัวเราะ “เจ้าหมายความว่าผิดที่ข้าเป็นคนใจแคบอย่างนั้นหรือ เป็นข้าที่บังคับให้เจ้าเกิดโทสะกับเฟิงหยางใช่หรือไม่”
เฟิงอู๋จีก็พูดอย่างจริงจังว่า “ท่านปู่ รัชทายาทไม่ใช่คนใจแคบขนาดนั้น ในสำนักศึกษาชิงอี้ ไม่รู้ว่ามีศิษย์ตั้งกี่คนที่เก็บสะสมตุ๊กตาดินเผารูปพระชายา หรือว่าพวกเขาก็คิดเลยเถิดกับพระชายา? อีกอย่างรัชทายาทไม่เคยสนใจเรื่องนี้เลย สหายร่วมห้องของข้าวาดภาพเหมือนพระชายาแขวนไว้ในห้องมากมายรัชทายาทก็ไม่เคยว่าอะไรเลย”
เมื่อเซียวปี้เฉิงได้ยินประโยคครึ่งแรก ก็ยังพยักหน้าเห็นด้วยอย่างอดไม่ได้ แต่เมื่อได้ยินประโยคครึ่งหลัง เขาก็หยุดกะทันหัน
เมื่อครู่เขาพูดว่าอะไรนะ สหายร่วมห้อง? ภาพเหมือน? กู้ฮั่นม่ออย่างนั้นหรือ
เขาได้กำชับสองคนนี้ไปตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือว่าเก็บสะสมตุ๊กตาดินเผาได้ แต่ไม่อนุญาตให้เก็บภาพเหมือนเป็นการส่วนตัว
เหตุใดเด็กคนนี้จงใจต่อต้านเขา คิดจะยั่วโมโหเขาใช่หรือไม่
เซียวปี้เฉิงที่โกรธเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็ยิ่งโกรธมากขึ้น สีหน้าหม่นทะมึนราวกับจะกินคน
เสนาบดีซ้ายเฟิงยังคิดว่าเขาโกรธที่ไปว่าเขาเป็นคนใจแคบ จึงส่ายหน้าสามครั้งแล้วขอโทษด้วยความลำบากใจ
อวิ๋นหลิงจ้องมองตาเฒ่าผู้นี้ด้วยความโกรธ แล้วสั่งด้วยเสียงเข้ม “ใครอนุญาตให้พวกเจ้ายึดกริชเล่มนั้นไว้ส่วนตัว ยังไม่รีบคืนของให้แม่ทัพเฟิงหยางอีก!
จะว่าไปแล้ว นางก็สงสัยเช่นกันว่าเจ้าของร่างเดิมมอบกริชให้เฟิงหยางไปตั้งแต่เมื่อใดกัน
เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นเลยนี่นา?

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...