เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1040

พ่อบ้านถือกล่องไม้วิ่งเหยาะๆ มาตรงหน้าเฟิงหยาง ก่อนยื่นของนั้นให้ด้วยสองมือพร้อมรอยยิ้มประจบประแจง

“คุณชายใหญ่ นี่กริชของท่าน คืนกลับสู่เจ้าของเดิม!”

เฟิงหยางรับกล่องไม้มาด้วยใบหน้าบูดบึ้งโดยไม่พูดอะไร พอเปิดแล้วก็หยิบกริชขึ้นมาพินิจดูอย่างละเอียดสองสามที เมื่อยืนยันว่ามันไม่ได้เสียหายอะไร สีหน้าก็ค่อยๆ ดีขึ้น

อวิ๋นหลิงเอียงศีรษะมองอย่างสงสัยใคร่รู้แวบหนึ่ง แต่รูม่านตาหดในฉับพลัน

มันเป็นกริชความยาวไม่ถึงหนึ่งนิ้ว ฝักและลำตัวกริชค่อนข้างเรียวยาว ส่วนล่างโค้งเล็กน้อย ทั้งตัวกริชมีรูปร่างเหมือนกวางเก้าสีที่เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี

เพียงแต่ฝักที่เป็นตัวกวางนั้นทำจากทองคำชั้นดี หัวกวางอันวิจิตรงดงามทำเป็นด้ามจับ ทับทิมดุจสีเลือดฝังอยู่ที่แต่ละด้านเหมือนดวงตากวาง

ที่ส่วนเท้าสลักลายเมฆมงคลที่ราชวงศ์ใช้มองเห็นได้ชัดเจน

ภายใต้แสงตะวัน ตัวกริชอันแหลมคมส่องประกายแปลบปลาบ จะเห็นได้ว่าเจ้าของได้ดูแลมันเป็นอย่างดี

ช้าก่อน! จะเป็นกริชเล่มนี้ไปได้อย่างไร

อวิ๋นหลิงไม่คุ้นเคยกับกริชเล่มนี้ แต่ทันทีที่มันปรากฏขึ้น ก็กระตุ้นความทรงจำทางจิตใจของนางอย่างแรง ในหัวราวกับถูกตีอย่างจัง

นี่ไม่ใช่กริชที่เจ้าของร่างเดิมมอบให้รุ่ยอ๋องหรอกหรือ

ในความทรงจำ นางรู้สึกอับอายที่ถูกยินถังรังแกในงานชมดอกไม้เมื่อตอนอายุได้สิบขวบ เป็นรุ่ยอ๋องที่ออกหน้าช่วยยุติเรื่องนี้

เขาถึงกับเอาต่างหูกระต่ายหยกที่เจ้าของร่างเดิมอยากได้มาจากยินถัง แล้วสั่งให้บ่าวรับใช้ไปส่งต่างหูถึงจวนเหวินกั๋วกง

เจ้าของร่างเดิมจึงมอบกริชให้กับรุ่ยอ๋อง เพื่อแสดงความขอบคุณ

เป็นเพราะเหตุการณ์นี้เองที่ทำให้เจ้าของร่างเดิมชมชอบรุ่ยอ๋องและตกหลุมรักเขามาเก้าปีเต็ม!

แต่ตอนนี้ เหตุใดกริชเล่มนี้จึงปรากฏอยู่ในมือของเฟิงหยาง ทั้งยังบอกว่านางเป็นผู้มอบให้เขา?

ฟันเฟืองในสมองของอวิ๋นหลิงติดขัดอย่างหาได้ยากนัก นางสับสนอยู่ครู่หนึ่ง สงสัยว่าพลังจิตผิดปกติไปจนทำให้ความทรงจำสับสนหรือไม่

เมื่อเห็นสายตาของอวิ๋นหลิงเริ่มแปลกไป เซียวปี้เฉิงก็อยากจะถามนางว่าเกิดอะไรขึ้นกับกริชนี้อย่างอดไม่ได้

เวลานี้เอง เสนาบดีซ้ายเฟิงที่พวงแก้มบวมเป่งถอนหายใจลึกๆ หลายครั้ง ราวกับต้องการไกล่เกลี่ยยุติปัญหา

“ทุกท่าน ในเมื่อมีบางอย่างที่น่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เช่นนั้นวันนี้ก็หยุดไว้เพียงเท่านี้เถอะ เมื่อสืบหาความจริงกระจ่างแล้วค่อยลงโทษผู้ที่มีเจตนาไม่ดีอย่างรุนแรง!”

“หยางเอ๋อร์...เมื่อครู่เป็นปู่ที่ร้อนใจจนจัดการไม่เหมาะสม เจ้าอย่าเก็บมาใส่ใจเป็นอันขาด ปู่ขอโทษเจ้าต่อหน้าทุกคน ล้วนเป็นความผิดของปู่ทั้งหมด เจ้าอย่าพูดคำทำนองว่าตัดความสัมพันธ์อีกเลย จะได้หรือไม่?”

“ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้ทำลายความสามัคคีของตระกูลเราจริงๆ จะทำให้คนที่อยู่ในที่ลับสมความปรารถนาเอาได้ไม่ใช่หรือ เช่นนั้นจะเป็นการทำร้ายญาติ และทำให้ศัตรูมีความสุขโดยแท้!”

ได้ยินคำนี้ เซียวปี้เฉิงก็อดชื่นชมตาเฒ่าอย่างเสนาบดีซ้ายเฟิงที่เป็นคนพลิกแพลงเก่ง มิน่าเมื่อก่อนจึงเอาชนะเสนาบดีขวาหลี่ได้

แม้ว่าเฟิงหยางจะสีหน้าอ่อนลง แต่ท่าทียังไม่ได้อ่อนลง

เขาแหน็บกริชไว้ที่เอว แล้วโยนกล่องไม้เปล่าๆ เข้าไปในอกเสื้อของพ่อบ้าน น้ำเสียงไร้อารมณ์

“ท่านปู่ ไม่ใช่ว่าข้าจะต้องตัดความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูก แต่คือมีคนไม่ยอมรับข้า เมื่อครู่ท่านก็ได้ยินตอนอยู่ในห้อง ท่านรองเสนาบดีเคยพูดเองว่ายังไม่ได้กำหนดว่าข้าจะเป็นคนตระกูลเฟิงได้หรือไม่”

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ผู้เฒ่าจวงก็ระเบิดอารมณ์ก่อนที่เสนาบดีซ้ายเฟิงจะหน้านิ่วคิ้วขมวด

ราวกับโดนอสนีบาตฟาดเปรี้ยง คนตระกูลเฟิงทุกคนรวมถึงเฟิงหยางล้วนดูตกตะลึงเป็นอย่างมาก จากนั้นก็เริ่มกระซิบกระซาบด้วยความเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

“อะ…อะไรนะ ในโลกมีอะไรแปลกๆ เช่นนี้ด้วยหรือ จริงหรือนี่”

“ถ้าคุณชายใหญ่เป็นบุตรชายแท้ๆ ของนายท่านและฮูหยินจวงจริงๆ เช่นนั้นฮูหยินจวงก็ตายอย่างไม่เป็นธรรมใช่หรือไม่”

“อ่อ...รัชทายาทจะสื่อว่าในบรรพบุรุษของทั้งสองตระกูลเราเคยมีชาวทูเจวีย ดังนั้นคุณชายใหญ่จึงมีหน้าตาเช่นนี้?”

ในบรรดาคนที่ตกตะลึง เสนาบดีซ้ายเฟิงมีปฏิกิริยามากที่สุด เขาเบิกสองตากว้างด้วยความประหลาดใจ ริมฝีปากขยับเล็กน้อยหลังจากรู้สึกตัว ใบหน้าก็เหยเกเหลือแสน

เขาถามอย่างลังเล “พระชายา พวกท่านบอกว่าถ้าบรรพบุรุษเคยมีชาวทูเจวีย ลูกหลานหลายชั่วอายุคนอาจสืบทอดสายเลือดของบรรพบุรุษ นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”

ก่อนที่อวิ๋นหลิงจะตอบ น้ำเสียงตื่นเต้นก็ดังขึ้นขัดจังหวะ “เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้แน่นอน!”

ใบหน้าของรองเสนาบดีเฟิงซีดลงเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็กำสองหมัดแน่น มองไปยังเซียวปี้เฉิงและอวิ๋นหลิงด้วยสายตาดุดัน น้ำเสียงดุเดือดด้วยความตื่นเต้น

“คำพูดของรัชทายาทและพระชายานั้นออกจะเหลวไหลเกินไป มีหลักฐานใดที่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นจริงหรือไม่ ข้าจะมีลูกลักษณะเช่นนี้ได้อย่างไร!”

อวิ๋นหลิงยิ้มหยัน แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “ตอนนั้นฮูหยินจวงเพิ่งตั้งท้องลูกของเจ้า ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ดีไปกว่าเจ้า นอกจากนี้ เรื่องนี้ก็คือคำตอบที่ข้าได้รับหลังจากปรึกษาหวู๋ซินไต้ซือเป็นการส่วนตัว ไม่ใช่การคาดเดาส่งเดชอะไร”

“ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อก็รอเขากลับมาจากการเดินทางท่องเที่ยว แล้วให้เขาเป็นพยานด้วยตนเองได้!”

หลังจากนางเอ่ยชื่อหวู๋ซิน สีหน้าของฝูงชนก็เริ่มประหลาดใจมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

รองเสนาบดีเฟิงรู้สึกราวกับถูกตบหน้า เขาตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ด้วยใบหน้าซีดเผือด เขากำหมัดแน่นสั่นเทาเบาๆ ราวกับไร้เรี่ยวแรง ร่างกายก็โอนเอนจะล้มมิลมแหล่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ