ชื่อของหวู๋ซินไต้ซือช่วยสยบไว้ ทุกคนในที่นั้นแทบจะยอมรับว่าที่อวิ๋นหลิงพูดเป็นความจริงไปโดยปริยาย บรรยากาศอันเงียบสนิทก็เต็มไปด้วยความอึดอัดใจไปในชั่วพริบตาเดียว
ผู้เฒ่าจวงพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่ เขาชูหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลในมือขึ้น เสียงก็หนักหน่วงราวกับก้อนหินยักษ์
“ยี่สิบสี่ปี...ยี่สิบสี่ปีเต็มๆ! เหตุการณ์เก่าๆ ที่ทรมานทั้งสองตระกูลมาสามชั่วอายุคนควรจะยุติลงเสียที แม้ว่าพระชายาจะช่วยพิสูจน์ตัวตนของหยางเอ๋อร์แล้ว แต่ข้าก็ยังอยากรู้ว่าบรรพบุรุษของใครมีสายเลือดคนต่างเผ่ากันแน่”
“ถ้าไม่มีบันทึกในหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลก็คงจะดี แต่ถ้าความจริงถูกซ่อนอยู่ในนั้น เช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะต้องค้นหาความจริงให้กระจ่างแทนหมิงซิน ดูว่าใครกันแน่ที่ควรเรียกว่าคนร้าย!”
คำพูดนี้เสียงดังก้องกังวานจนใบหน้าเหี่ยวย่นของเสนาบดีซ้ายเฟิงแปรเปลี่ยนไปทันที
ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็หนักใจและเศร้าโศกยิ่งนัก น้ำเสียงและท่าทีก็อ่อนลงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ข้ามีชีวิตอยู่มาหลายสิบปีแล้ว จวบจนวันนี้ที่เพิ่งรู้ว่ามีความลับมหัศจรรย์ระหว่างมรดกทางสายเลือด ตาเฒ่าจวง ถ้าพวกเราไม่โง่เขลาขนาดนั้น เรื่องเศร้าของหมิงซินก็คงไม่เกิดขึ้น หยางเอ๋อร์ก็จะไม่ถูกนินทาว่าร้ายและเข้าใจผิด”
“ก็น่าเสียดาย โลกนี้นอกจากผู้เป็นเซียนแล้ว พวกเรามนุษย์ล้วนโง่เขลา จนนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่อาจย้อนกลับได้ โชคดีที่สวรรค์มีตา ตอนนี้เมื่อความจริงปรากฏแล้ว เหตุการณ์ในอดีตเหล่านี้ควรถูกตัดออก จะไปจมจ่อมอยู่กับความผิดพลาดในอดีตอีกก็ป่วยการเปล่า แค่ไปสะกิดบาดแผลซ้ำๆ ก็รังแต่จะเพิ่มความขุ่นเคืองเท่านั้น”
“ในเวลานี้ทั้งสองตระกูลควรจับมือปรองดองและกลับมาดีกันเหมือนเดิม ข้าจะสั่งให้ทุกคนในจวนเตรียมพร้อม หาวันให้ทั้งสองตระกูลไปสักการะหมิงซินที่ภูเขาหานซานด้วยกัน เพื่อให้นางที่อยู่ในปรโลกได้รับรู้ จะได้ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกต่อไป!”
เสนาบดีซ้ายเฟิงพูดด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง ราวกับรู้สึกทอดถอนใจและโศกเศร้ากับอดีตจริงๆ
แต่จากคำพูดของเขานั้นไม่เห็นด้วยที่จะค้นหาเรื่องลำดับวงศ์ตระกูล ผู้เฒ่าจวงก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าอีกฝ่ายมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
เขาแค่นเสียงหึเย็นชาในใจโดยไม่สนใจคำพูดของเสนาบดีซ้ายเฟิง แล้วดึงเฟิงหยางไว้ คุกเข่าลงอย่างสั่นเทาไปทางอวิ๋นหลิงและสามี
“กระหม่อมและหยางเอ๋อร์บังอาจขอให้ท่านทั้งสองช่วยตัดสินใจ ให้เสนาบดีซ้ายเฟิงเอาหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลออกมาประจันหน้ากับของกระหม่อม เพื่อให้ความจริงกระจ่างไปทั่วหล้า!”
อวิ๋นหลิงเหลือบมองสีหน้าตกตะลึงและมึนงงของเฟิงหยาง ก็อดรู้สึกเสียใจกับอดีตสหายคนนี้ไม่ได้
นางช่วยประคองผู้เฒ่าจวงลุกขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงห่วงใย “ท่านผู้เฒ่าวางใจได้ วันนี้จะทำให้ท่านสมปรารถนาแน่นอน”
เซียวปี้เฉิงผงกศีรษะเล็กน้อย มองเสนาบดีซ้ายเฟิงด้วยสายตาคมปลาบ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ให้โต้แย้งได้ “ท่านเสนาบดีซ้าย รีบไปเอาหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลเฟิงออกมาโดยเร็วที่สุดภายในเวลาครึ่งก้านธูป!”
ใบหน้าของเสนาบดีซ้ายเฟิงบิดเบี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยังคงพูดเกลี้ยกล่อมไม่หยุด “โอ้โฮ! ตาเฒ่าจวง ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากเช่นนี้ล่ะ หยางเอ๋อร์เป็นลูกหลานตระกูลเฟิงอย่างจริงแท้แน่นอน ทั้งเจ้าและข้าควรเปิดเผยความจริงต่อสาธารณะเดี๋ยวนี้เลย จากนั้นอธิบายความเข้าใจผิดให้ชัดเจน ที่สำคัญคือต้องล้างมลทินให้หยางเอ๋อร์และแม่โดยเร็วที่สุด!”
เขาพยายามหันเหความสนใจของทุกคนแล้วล้มเลิกความคิดของผู้เฒ่าจวง
เวลานี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงแหบห้าวดังขึ้น “หัวหน้าพ่อบ้าน ไปเอาหนังสือลำดับวงศ์ตระกูล...ไปเดี๋ยวนี้!”
ใบหน้าของรองเสนาบดีเฟิงขาวราวกับกระดาษ เขาฝืนยืนโดยให้นางเสี่ยวหยางประคองไว้ ม่านตาสีดำขลับจ้องมองพ่อบ้านในจวนอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ขืนไม่เอาหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลมาในเวลาหนึ่งถ้วยชา วันนี้เจ้าก็เก็บของออกไปจากที่นี่ได้เลย!”
พูดถึงตอนท้ายประโยค เขาตะโกนจนเสียงแทบแหบแห้ง ใช้ฝ่ามือบีบแขนของนางเสี่ยวหยางแน่น นางเจ็บปวดมากจนไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
พ่อบ้านถูกสายตาราวกับผีร้ายของรองเสนาบดีเฟิงมองเขม็งจนกลัวเนื้อตัวสั่น สายตานั้นดูเหมือนจะบอกว่าถ้าเอามาโดยเร็วไม่ได้ก็จะฆ่าเขาทันที
“ขอรับ...ขอรับ! ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้!”
เขาตอบรับคำตะกุกตะกัก แล้วก็หมุนตัววิ่งกึ่งกลิ้งกึ่งคลานออกไปด้วยแข้งขาที่อ่อนแรง
เซียวปี้เฉิงพบว่ายุคสมัยในหนังสือเก่าเล่มนี้ตกทอดกันมายาวนาน เริ่มมีการบันทึกตั้งแต่หัวหน้าตระกูลเฟิงรุ่นแรก
บางทีเพื่อที่จะรักษาหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลเก่าได้ดีขึ้น และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายเมื่ออ่าน ตารางลำดับวงศ์ตระกูลของรุ่นต่อๆ ไปจึงถูกบันทึกไว้ในหนังสือเล่มใหม่
แคว้นต้าโจวนั้นต่างจากแคว้นถังใต้ ไม่มีกฎเกณฑ์เก่าคร่ำครึที่ว่าผู้หญิงไม่สามารถรวมอยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลได้ มีเพียงภรรยาคนแรกเท่านั้นที่สามารถรวมอยู่ในลำดับวงศ์ตระกูลได้ ส่วนอนุภรรยาหมดสิทธิ์อยู่ในนั้น
ขณะอ่านลงมาตลอด เซียวปี้เฉิงก็เข้าใจการขึ้นๆ ลงๆ ของตระกูลเฟิงทั้งหมดอย่างชัดเจน แต่ไม่เห็นข้อมูลที่เกี่ยวกับคนต่างเผ่าอยู่ในนั้นเลย
เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเขาเปิดอ่านไปยังหน้าสุดท้าย ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“...เฟิงหย่าเอ๋อร์ ภรรยาที่มีตำแหน่งเท่าเทียมกันของเฟิงซิวเหวิน?”
อวิ๋นหลิงเห็นแล้วตื่นตาตื่นใจ ดวงตาทอประกายวาวโรจน์ นางรู้สึกว่าตัวอักษรในหนังสือเริ่มเต้นระบำ ในที่สุดนางก็ถูกเสียงของเซียวปี้เฉิงเรียกให้ออกจากภวังค์ตื่นเต้น
นางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ภรรยาที่มีตำแหน่งเท่าเทียมกัน ก็แซ่เฟิงด้วยหรือ”
หญิงสาวแคว้นต้าโจวจะไม่เปลี่ยนแซ่ตามสามีหลังจากออกเรือนแล้ว ดังนั้นชื่อนี้จึงย่อมกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของทั้งสองคน
อวิ๋นหลิงทำตัวให้กระปรี้กระเปร่าแล้วอ่านบันทึกอย่างละเอียด พบว่าสิ่งที่บันทึกไว้ในหน้านี้น่าจะเป็นข้อมูลของปู่เสนาบดีซ้ายเฟิง นั่นคือบรรพบุรุษรุ่นพ่อของปู่ทวดของเขา
แตกต่างจากบรรพบุรุษรุ่นก่อนสองสามคน หน้านี้ของเฟิงเกาจู่บันทึกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่เพียงมีภรรยาแซ่เหอ แต่ยังมีภรรยาที่มีตำแหน่งเท่าเทียมกันชื่อ ‘เฟิงหย่าเอ๋อร์’ อีกด้วย
นางเพียรพยายามอ่านประวัติชีวิตของเฟิงหย่าเอ๋อร์ จากนั้นก็ตาไวเจอชื่อพิเศษในนั้นอย่างรวดเร็ว นั่นคือ ‘หั่วปัวจี๋หย่า’

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...