เข้าสู่ระบบผ่าน

พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 1042

ครั้นพบเบาะแสแล้ว เซียวปี้เฉิงก็ขมวดคิ้วทันทีและอ่านเรื่องราวชีวิตของเฟิงเกาจู่หนึ่งรอบ ในที่สุดความจริงก็ปรากฏ

ที่แท้สมัยที่เฟิงเกาจู่ยังหนุ่มแน่น เขาเป็นนายทหารผู้ช่วยขององค์ชายผู้หนึ่งในตระกูลโม่ของราชวงศ์ก่อนหน้า

ราชวงศ์ก่อนหน้านี้และพวกทูเจวียก็เกลียดชังกันและทำสงครามกันอย่างต่อเนื่อง ทว่าในระหว่างการยกทัพไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ องค์ชายผู้นี้เผลอไปถูกพวกทูเจวียจับเป็นเชลยทาสถึงสิบปี

เวลานั้นเฟิงเกาจู่เคราะห์ร้ายยิ่งนัก เขาก็ถูกศัตรูจับตัวไปเป็นเชลยตอนอายุเพียงยี่สิบห้าปี

แต่เขาก็โชคดีเช่นกัน เนื่องจากรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาและสุภาพเรียบร้อย เขาจึงไปถูกตาต้องใจสาวทุ่งหญ้าที่ชื่อ ‘หั่วปัวจี๋หย่า’ แล้วก็โชคดีรอดชีวิตมาได้

ในช่วงสิบปีนี้ เฟิงเกาจู่แต่งงานอยู่กินกับหั่วปัวจี๋หย่าบนแดนทุ่งหญ้า มีลูกชายสองคนและลูกสาวสองคน ขณะเดียวกัน เขาก็ทำตัวเสือซ่อนเล็บและวางแผนจะกลับมายังดินแดนจงหยวนอย่างไรดี

จนกระทั่งสงครามการต่อสู้ภายในระหว่างชนเผ่าทูเจวียเริ่มต้นขึ้น โอกาสก็มาถึง

สรุปได้ว่าอาจจะหลังจากที่พวกทูเจวียเริ่มต่อสู้กันเอง ด้วยการชักชวนของเฟิงเกาจู่ หั่วปัวจี๋หย่าเลือกจะช่วยสามีและองค์ชายตระกูลโม่กลับไปยังดินแดนจงหยวนเพื่อลี้ภัย

ชนเผ่าของหั่วปัวจี๋หย่าได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่ลูกสี่คนของเฟิงเกาจู่ก็โชคช่วยรอดชีวิตมาได้เพียงลูกชายคนเดียว แต่สุดท้ายเขาก็พาภรรยาและลูก และพาองค์ชายตระกูลโม่กลับไปยังดินแดนจงหยวนได้สำเร็จ

นี่แทบจะเป็นจุดเปลี่ยนของตระกูลเฟิงจากไม่เป็นที่รู้จักไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง

ต่อมาองค์ชายตระกูลโม่ชิงสิทธิ์ขึ้นครองบัลลังก์สืบทอดได้สำเร็จ ตระกูลเฟิงก็ย่อมเป็นคนโปรดของโอรสสวรรค์ตามไปด้วย จึงตั้งปณิธานจะวางรากฐานให้มีอายุร่วมศตวรรษ

แต่จะเห็นได้ว่าเฟิงเกาจู่รักภรรยาที่มาจากทุ่งหญ้าคนนี้อย่างจริงใจ หลังจากที่เขารับราชการแล้วก็แต่งงานกับภรรยาชาวฮั่นจากตระกูลที่มีฐานะดี แต่ก็ไม่ได้ทอดทิ้งหั่วปัวจี๋หย่า

ในประวัติชีวิตมีเขียนบันทึกไว้อย่างชัดเจนว่าเขาใช้รางวัลตำแหน่งขุนนางขั้นโหวไปแลกตำแหน่งภรรยาที่เท่าเทียมกันให้หั่วปัวจี๋หย่า เพื่อที่นางจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในฐานะชาวทูเจวียในดินแดนจงหยวน ทั้งยังมอบแซ่ของสามีให้นางได้รวมอยู่ในหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลไปจวบจนบั้นปลายชีวิต

เซียวปี้เฉิงนึกสงสัยอย่างมีเหตุมีผลว่าลูกชายเลือดผสมที่รอดชีวิตซึ่งเกิดจากเฟิงเกาจู่และหั่วปัวจี๋หย่านั้นน่าจะเป็นบรรพบุรุษทางสายของเสนาบดีซ้ายเฟิง!

เพียงแต่ว่าสายเลือดของทั้งห้าชั่วอายุคนนั้นถูกทำให้เจือจาง เมื่อถึงรุ่นของเขาก็มองไม่ออกเลยว่ามีสายเลือดของเผ่าทูเจวียอยู่ด้วย

ช่างเป็นเรื่องที่นึกไม่ถึงเลยจริงๆ!

ตาเฒ่าผู้ชั่วร้ายคนนี้ที่มักจะอ้างตัวว่าเป็นลูกหลานสายเลือดดั้งเดิมของแคว้นต้าโจว และเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลที่มีอายุร่วมศตวรรษนั้น มีสายเลือดชาวทูเจวียจริงๆ!

ครั้นอ่านบันทึกทั้งหมดจบแล้ว เซียวปี้เฉิงก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ผู้เฒ่าจวง หาเจอแล้ว ตระกูลเฟิงมีบรรพบุรุษชาวทูเจวียจริงๆ”

ทันทีที่คำนี้หลุดออกมา บรรดาคนตระกูลเฟิงที่รอคอยผลลัพธ์อย่างใจจดใจจ่อพลันตกตะลึงไปทั้งลานบ้าน

ริมฝีปากของเสนาบดีซ้ายเฟิงขยับ จากนั้นใบหน้าก็ซีดเผือด ความลับที่เขาต้องการซ่อนมากที่สุด สุดท้ายก็ปิดไว้ไม่ได้

ตอนแรกที่เขาเข้ารับช่วงต่อตระกูลเฟิง ก็ย่อมได้รับสิทธิ์ให้รักษาหนังสือลำดับวงศ์ตระกูล จากนั้นเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบเรื่องนี้ในหนังสือ

การที่บรรพบุรุษมีสายเลือดทูเจวียอยู่ด้วยนั้นไม่ใช่เรื่องดี เกรงว่าถ้าถูกเปิดเผยจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของตระกูลเฟิง เสนาบดีซ้ายเฟิงจึงพยายามปกปิดความจริงอย่างเต็มที่

แต่การรวบรวมหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลนั้นเข้มงวดมาก เขาไม่กล้าจะลบหลู่บรรพบุรุษโดยทำชั่วร้ายอย่างการแก้ไขหรือทำลายหนังสือลำดับวงศ์ตระกูล

เขาจึงแบ่งหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลออกเป็นสองส่วน ส่วนที่เล่มเก่าจะจบลงตรงบรรพบุรุษเฟิงเกาจู่ เพื่อปกปิดการมีอยู่ของผู้เป็นแม่ของปู่ทวดแท้ๆ อย่าง ‘หั่วปัวจี๋หย่า’

บรรดาคนรุ่นเยาว์ของตระกูลเฟิงไม่ค่อยมาพลิกอ่านหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลนัก ยิ่งไม่ต้องถามว่าทำไมหนังสือลำดับวงศ์ตระกูลจึงมีสองชุด ทั้งเก่าและใหม่ ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้

เขาไม่คาดคิดว่าความลับนี้ที่คิดว่าไม่มีใครค้นพบจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะในลักษณะเช่นนี้

ราคาของเราเพียงแค่ 1/4 ของผู้ให้บริการรายอื่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ