เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าจวง สายตาของรองเสนาบดีเฟิงพลันหวาดกลัวและต่อต้าน
เขาส่ายหัวอย่างสุดกำลัง แล้วแผดคำรามด้วยความเจ็บปวด “ไม่...ข้าไม่ไป! ทำไมต้องโยนความผิดทั้งหมดมาให้ข้าคนเดียวด้วย ข้าไม่ผิด...พวกเขาบังคับให้ข้าทำทั้งหมด!”
อวิ๋นหลิงมองความบ้าคลั่งที่ไม่อยู่สุขของเขาอย่างไม่แยแสแล้วถามว่า “เรื่องราวเดินมาถึงจุดนี้ย่อมไม่ใช่เจ้าคนเดียวที่ผิด แต่ใครบังคับให้เจ้าไปขโมยกระดูก เป็นเสนาบดีซ้ายเฟิงหรือคนตระกูลเฟิงคนอื่นๆ ล่ะ บอกข้าให้ชัดเจนว่าใครบังคับให้เจ้าไปทำเรื่องสารเลวนี้ กฎสวรรค์จะไม่ให้อภัยเขาเช่นกัน”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของรองเสนาบดีเฟิงบิดเบี้ยวและกระตุกสองสามครั้ง เขาก็พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
อวิ๋นหลิงแค่นเสียงหึอย่างเย็นชาคราหนึ่ง “พูดไม่ออกเลยหรือ ดูเหมือนเจ้าก็รู้ดีเช่นกันว่าไม่มีใครบังคับให้เจ้าทำเช่นนี้ แต่เป็นเจ้าที่เห็นแก่ตัวและเลือดเย็นเกินไป!”
“ไม่! พวกเขาไม่ได้ให้ข้าไปขโมยกระดูก แต่สิ่งที่แต่ละคนทำลงไปก็ไม่ต่างกับการบังคับข้าหรอก?”
รองเสนาบดีเฟิงผลักเด็กรับใช้ที่อยู่ข้างๆ ออกไป เขายืนตัวสั่นสะท้านตรงแหน็ว ราวกับดึงดันจะพิสูจน์ว่าเขาพูดถูก
“ข้าจะไม่รู้หรือว่าตัวเองจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบไหนหลังจากขุดกระดูกของหมิงซิน? ข้าจะไม่รู้หรือว่าชาวโลกจะมองข้าอย่างไร? มีสามีคนไหนบ้างที่เต็มใจให้ภรรยานอนตายตาไม่หลับ เจ้าคิดว่าข้าอยากให้เป็นอย่างนั้นหรือ”
“หากข้าไม่ทำอย่างนั้น ราชสำนักจะถอดข้าออกจากตำแหน่งราชการ ตำแหน่งฮองเฮาน้องสาวของข้าจะสั่นคลอน ลูกหลานของตระกูลจะถูกขัดขวางทั้งในด้านการศึกษาและอาชีพราชการ จะถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์จนไม่อาจเชิดหน้าชูตาได้!”
“ส่วนข้าจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนบาปของทั้งตระกูล ทุกคนในตระกูลเฟิงจะเคียดแค้นข้า! ข้าแค่อยากจะพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่าเฟิงหยางเป็นลูกชายของหมิงซิน ไม่ใช่ลูกชายของข้าที่เกิดจากไปคบชู้กับหญิงชาวทูเจวีย แล้วมันผิดตรงไหน”
“ถ้าราชบัณฑิตใหญ่จวงไม่ดื้อรั้นขนาดนั้น ตกลงให้ตระกูลเฟิงเอากระดูกนิ้วของหมิงซินไปสักชิ้นหนึ่ง แล้วข้าจะเดินมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร”
รองเสนาบดีเฟิงพูดด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว สองตาของเขาแดงก่ำดูเหมือนมีเลือดออก หน้าอกหอบหายใจอย่างรุนแรง น้ำเสียงก็แหบแห้งและสะอื้นไห้
ที่มุมลานบ้าน คนรุ่นเดียวกันของตระกูลเฟิงในแต่ละห้องถูกกวาดมองด้วยสายตาเยือกเย็นและไม่พอใจ พวกเขาต่างเบือนหน้าหนีด้วยความร้อนตัวและหวาดกลัว โดยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินมองไม่เห็น
ต้องบอกว่าท่าทางที่น่าสมเพชและสิ้นหวังของรองเสนาบดีเฟิงนั้นน่าอเนจอนาถใจยิ่งนักจนทำให้ผู้คนทนไม่ไหว
น่าเสียดายที่อวิ๋นหลิงไม่สะเทือนใจ ซ้ำยังพูดเยาะเย้ย “ท่านรองเสนาบดี คำพูดพวกนี้เอาไว้หลอกผู้อื่นยังพอได้ อย่าหลอกตัวเองเลย เจ้าเลือกขโมยกระดูก ไม่ใช่เพราะให้ความสำคัญกับอนาคตและชื่อเสียงมาเป็นอันดับแรกหรอกหรือ”
“เจ้าไม่เคยไปไหว้ฮูหยินจวงเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่เพราะกลัวหรอกหรือ” อวิ๋นหลิงพูด กวาดตามองไปยังเศษหยกปี่เซียะที่ปัดเป่าวิญญาณชั่วร้ายตกอยู่บนพื้น “เพราะรู้ว่าทำผิดกับนาง จึงกลัวว่าวิญญาณที่อาฆาตแค้นของนางจะมาเอาชีวิตของเจ้า”
รองเสนาบดีเฟิงฟังแล้วก็สีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที ราวกับถูกอะไรเหยียบจนทำให้เจ็บเท้า เขาคำรามอย่างดุเดือด แล้วเดินเข้าหาอวิ๋นหลิงทีละก้าว
“พระชายา อย่าบีบคั้นกันเกินไป! ท่านจะไปรู้อะไร ท่านไม่ใช่ข้า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนั้นข้าเจ็บปวดและยากลำบาก! หากท่านต้องแบกชะตากรรมของทั้งตระกูล ท่านยังจะพูดง่ายๆ เช่นนี้ได้หรือ!”
“หึ ข้ารู้แค่ว่าไม่ว่าข้าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม จะไม่มีวันทำสิ่งที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้”
เซียวปี้เฉิงเห็นว่าเขาดูสติเลอะเลือนไปแล้ว ก็เดินไปบังข้างหน้าอวิ๋นหลิงไว้ด้วยใบหน้าที่เย็นชา แล้วเตะเขาลงไปกองกับพื้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เขาตวาดด้วยความโกรธ “รองเสนาบดีเฟิง หยุดแก้ตัวเสียทีเถอะ! คนเราทำอะไรผิดก็ต้องชดใช้สิ่งที่ทำลงไป การเดินไปคุกเข่าสำนึกผิดที่เขาหานซานเป็นสิ่งที่เจ้าต้องทำ!”
รองเสนาบดีเฟิงล้มลงไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เมื่อเห็นทั้งสองคนตัดสินโทษตนเองอย่างแน่วแน่ สีหน้าบิดเบี้ยวก็หงุดหงิดและสิ้นหวังมากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็นั่งร้องไห้และหัวเราะอย่างโง่งม
“หึๆ...ข้าทำอะไรผิด...ข้าทำอะไรผิด ความผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้าคือการให้กำเนิดลูกชายเช่นนี้กับหมิงซิน!”
การกำเนิดของเด็กคนนั้นทำให้ชีวิตของเขาต้องดิ้นรนจมอยู่กับปัญหาอย่างสิ้นหวัง แล้วจะไม่ให้เขาเคียดแค้นได้อย่างไร
“เขานี่แหละ...เขานี่แหละที่ทำลายชีวิตข้า...”
รองเสนาบดีเฟิงพึมพำจนแทบจะน้ำตาไหล
ในที่สุดเสนาบดีซ้ายเฟิงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป พูดขึงขังด้วยใบหน้าชราที่หดหู่ “...รัชทายาท โปรดวางพระทัย พวกกระหม่อมน้อมรับพระบัญชา จะไม่ฝ่าฝืนรับสั่งเป็นอันขาด จะหาวันคุมตัวเจ้าลูกไม่รักดีไปคุกเข่าสำนึกผิดกับนางจวงที่เขาหานซาน อย่างแน่นอน”
“พ่อบ้าน พยุงเขากลับห้องไปที อย่าให้สภาพที่น่าเวทนานี้ไปขัดหูขัดตาทุกท่านอีกเลย”
พ่อบ้านอดพยักหน้าไม่ได้ เขาและเด็กรับใช้อีกหลายคนก็เดินออกมาช่วยพยุงรองเสนาบดีเฟิงที่นั่งนิ่งอยู่บนพื้นออกไป
อวิ๋นหลิงมองแผ่นหลังที่ดูเหมือนจะสูญเสียพลังชีวิตทั้งหมดไปอย่างเงียบๆ แล้วถอนใจในใจ
รองเสนาบดีเฟิงถูกส่งไปทนทุกข์ทรมานที่เจียงหนานถึงสิบปี เฟิงเกาจู่ก็กลายเป็นทาสชาวทูเจวียสิบปีเช่นกัน
ชีวิตคนเรามีเรื่องไม่สมหวังถึงแปดเก้าส่วนจากสิบส่วน เช่นเดียวกับคนตระกูลเฟิงที่ตัดสินใจเลือกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างกันมาก
พูดได้เพียงว่าในแง่สภาพจิตใจและอุปนิสัยของรองเสนาบดีเฟิงนั้นเทียบกับบรรพบุรุษไม่ติดเลย
ช่างน่าสมเพชและน่าเกลียดจริงๆ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...