พูดถึงเรื่องนี้ฮูหยินเว่ยก็รู้สึกบันดาลโทสะ
ตลอดหลายปีที่เว่ยยิงไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง อ้างกับคนนอกว่านางป่วยหนัก จำต้องส่งไปพักฟื้นที่ชนบท
บัดนี้ เมื่อข่าวที่นางปลอมตัวเป็นชายเพื่อเข้าร่วมทัพแทนพี่ชายรั่วไหลออกไป แม้บิดามารดาและพี่น้องจะไม่คิดเป็นเรื่องใหญ่ แต่กลับแตกตื่นในสังคมประหนึ่งหม้อต้มน้ำเดือดพล่าน
ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าจะเวลาใดหรือสถานที่ใดในโลกนี้ ก็มักจะขาดเสียญาติพี่น้องที่ชอบสอดปากวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้
บางคนตกตะลึงพรึงเพริด บางคนเลื่อมใส บางคนเยาะเย้ย และก็มีไม่น้อยที่แสร้งทำเป็นหวังดีเข้ามาช่วยจัดหาคู่เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง
บรรดาแม่สื่อเหล่านั้น ต่างพากันยกย่องฝ่ายชายเสียจนเลิศเลอประหนึ่งฟ้าประทาน แต่พอไปสืบหาความจริง กลับพบว่าฝ่ายชายล้วนมีปัญหา บ้างก็ประพฤติตัวเหลวแหลก บ้างก็ป่วยกระออดกระแอด
เมื่อวานป้าใหญ่ของเว่ยยิงถึงกับหาคนปัญญาอ่อน สติปัญญาเท่าเด็กสามขวบ กระทั่งกินข้าวยังต้องมีคนป้อนให้นาง
ฮูหยินเว่ยระงับเพลิงโทสะไม่ไหว ลงมือไล่คนออกไปในทันที
อีกฝ่ายยังไม่ยอมลดราวาศอก ตะโกนอย่างโอหังว่า “อาอิงของพวกเจ้าอยู่ในค่ายทหารตั้งห้าปี มีลูกชายบ้านไหนจะรับได้บ้าง? ก็มีแต่คุณชายโง่เขลาเบาปัญญาผู้นี้เท่านั้นที่ไม่ถือสา อีกอย่างแม้อีกฝ่ายจะเป็นพ่อค้า แต่รวยนักหนา แต่งเข้าไปแล้วนางก็ไม่ต้องลำบากสวมเสื้อป้อนข้าวให้สามี แค่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเป็นพอ”
“คู่แต่งงานดีๆ เยี่ยงนี้ หากพวกเจ้าพลาดโอกาสนี้ไปก็อย่าหวังจะมีคราวหน้าเลย ช่างไม่รู้จักรับความหวังดีของผู้อื่นเลย”
ฮูหยินเว่ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ รีบสั่งบ่าวชายในจวนทันทีว่า ภายในสามวันนี้ ให้ไปตลาดแล้วหาซื้อสุนัขดุร้าย แต่เชื่องมาสามตัว!
จากนั้นก็จะนำมาผูกไว้หน้าประตู ใครกล้าเข้ามาก็กัดให้หมด!
เว่ยจงเจี้ยงยังคงหลบอยู่หลังโล่ พยายามเอาใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฮูหยินอย่าเพิ่งโมโหไปเลย อาอิงของพวกเราทั้งงดงามและเก่งกาจขนาดนี้ จะกลัวหาคู่ยากรึ? สองสามวันก่อน ข้ายังไปขอพรเรื่องคู่ครองที่วัดหานซานมาเลย เขาบอกว่าอาอิงกำลังจะมีโชคด้านความรัก และจะได้ลงเอยกับคู่แท้เสียด้วย!”
"ท่านแน่ใจนะว่าไม่ใช่คู่ครองเฮงซวย?”
“ปัดโธ่! จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร? หรือฮูหยินคิดว่าแม่ทัพเฟิงเป็นสามีที่ดีไม่ได้?”
ฮูหยินเว่ยชำเลืองมองเขา ก่อนตอบอย่างเยือกเย็นว่า “ข้ารู้ว่าท่านชอบคนตระกูลเฟิง แต่ตอนนี้เขาเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ หาใช่คนต่ำต้อยเช่นเราจะอาจเอื้อมได้”
ในฐานะมารดา แน่นอนว่านางก็ชอบเฟิงหยางไม่น้อยเช่นกัน
อีกฝ่ายดูแลบุตรีที่ชายแดนมานานห้าปีและได้ช่วยชีวิตนางหลายครั้ง ความทุ่มเทเหล่านี้เพียงพอให้พวกเขาตัดเรื่องรูปลักษณ์และชาติกำเนิดทิ้งได้แล้ว
หากจะพิจารณาเรื่องการแต่งงานของเว่ยยิงอย่างจริงจัง ฮูหยินเว่ยก็รู้สึกว่านางควรครองคู่กับเฟิงหยาง เพราะนางเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขามาเป็นเวลานานห้าปี จึงมีความผูกพัน รู้จักนิสัยใจคอซึ่งกันและซึ่ง ไม่มีทางรังเกียจเดียดฉันท์
แต่สามีของนางเป็นเพียงขุนนางระดับสี่เท่านั้น จะกล้าเพ้อฝันเป็นแม่ยายของหลานชายจวนเสนาบดีได้อย่างไร?
เว่ยจงเจี้ยงพูดอย่างลึกลับ “ก็ไม่แน่ ข้าใช้วิชาลับของข้า เรื่องนี้อาจจะมีความเป็นไปได้”
“อย่างไรน่ะ?”
เว่ยจงเจี้ยงโน้มตัวเข้าไปใกล้แล้วกระซิบกล่าวหลายประโยค
เมื่อได้ฟังคำของสามี ฮูหยินเว่ยพลันเบิกตากว้าง พูดเสียงดังว่า “ท่านหมายความว่าให้อาอิงมอบธนูยอดเซียนให้เฟิงหยางเป็นของขวัญวันเกิดงั้นหรือ!?”
“เฮอะ ใช่แล้ว…… ตอนท่านตาของข้ายังมีชีวิตเคยกล่าวเอาไว้……”
เขายังไม่ทันได้เอ่ยจบก็ถูกฮูหยินเว่ยดึงหูอย่างหนักหน่วง
“ไอ้ตัวผลาญสมบัติ กล้ามอบธนูยอดเซียนให้ผู้อื่นรึ หากไม่ได้มันกลับคืนมา ข้าจะดูว่าท่านจะมีหน้าพบบรรพบุรุษของเราในปรโลกอย่างไร”
“โอ๊ยฮูหยิน เบาๆ! ท่านปู่ของข้าเคยพูดไว้ว่า เจ้าของธนูยอดเซียนนั้นได้ทำสัญญากับบรรพบุรุษของตระกูลเว่ย เราคือผู้ดูแล... โอ้! ไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายธนูนี้จะต้องกลับคืนสู่มือของตระกูลเว่ยอยู่ดี!”
หยินเว่ยหจึงจะหยุดดึงหู พูดด้วยความสงสัยว่า “ท่านแน่ใจหรือว่านี่คือเรื่องจริง?”
“แน่นอน ฮูหยิน ฟังข้าพูดก่อน…”
สิ่งที่ใต้หล้าไม่เคยรู้คือ ธนูยอดเซียนซึ่งเป็นศาสตราวุธในตำนานนั้น ถูกตระกูลเว่ยสืบทอดและรักษาไว้เป็นเวลาหลายชั่วอายุคน
แน่นอนว่าผู้คนไม่เคยทราบว่า ในเรื่องราวนี้ยังมีความลับที่ลึกลับยิ่งนัก
อวิ๋นหลิงเห็นด้วย เริ่มรู้สึกสงบจิตขึ้น จึงหลับตาพริ้ม
วันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดราชการ เดิมทีนางตั้งใจจะออกจากวังไปถามรุ่ยอ๋องให้กระจ่าง แต่กลับไม่คิดว่าเขาถูกเรียกเข้าวังตั้งแต่เช้าแล้ว
รุ่ยอ๋องอยู่ในห้องพระอักษรอยู่นาน จากนั้นก็ได้รับคำถ่ายทอดคำสั่งของขันที บอกว่าพระชายารัชทายาทเชิญไปเป็นแขกในตำหนักบูรพา
รุ่ยอ๋องมาถึงตำหนักบูรพา ใบหน้าเจือความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
อวิ๋นหลิงเลิกคิ้ว ถามด้วยความแปลกใจ “เสด็จพ่อคุยอะไรกับท่านในห้องพระอักษร ถึงทำให้อารมณ์เสียปานนี้?”
“ก็เรื่องแต่งตั้งพระชายารองนั่นแหละ ช่วงนี้เสด็จพ่อคุยเรื่องนี้บ่อยมาก” รุ่ยอ๋องส่ายหน้า จากนั้นก็กล่าวว่า “พอแล้ว ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว เจ้าหาข้ามีธุระอันใด?”
เขาไม่อยากพูดถึง อวิ๋นหลิงก็จะไม่ถาม เปลี่ยนบทสนทนา “ท่านยังจำได้ไหม ตอนข้าอายุสิบขวบ ข้าเคยมอบกริชให้ท่าน?”
“หา? มีเรื่องแบบนี้ด้วยรึ?”
รุ่ยอ๋องได้ยินสีหน้าพลันมึนงง
อวิ๋นหลิงพูดด้วยความอดทน “ในงานเลี้ยงชมบุปผาที่มารดาท่านจัด ข้ามีปากเสียงกับยินถังเพราะอยากแลกรางวัลใหญ่ สุดท้ายเจ้าเป็นคนคลี่คลายสถานการณ์ จากนั้นก็มอบต่างหูกระต่ายสีขาวให้ข้า ข้าจึงมอบกริชตอบแทน ท่านจำได้ไหม?”
รุ่ยอ๋องได้ยินคำว่างานเลี้ยงชมบุปผาก็นึกขึ้นได้เล็กน้อย “เหมือนจะมีเรื่องแบบนี้จริง...แต่เจ้าจำผิดหรือไม่ ผู้ที่เอาต่างหูกระต่ายคืนคือเฟิงหยาง ไม่ใช่ข้า”
อวิ๋นหลิงหน้าเปลี่ยนสี พูดเสียงเข้มขรึม “ท่านพูดอะไรน่ะ? ผู้ที่ออกโรงแทนข้าตอนนั้นไม่ใช่ท่านอย่างนั้นรึ?”
รุ่ยอ๋องไม่เข้าใจกับท่าทางตอบสนองนี้ เขาอธิบายว่า “ตอนนั้นเฟิงหยางทนมองยินถังรังแกสตรีไม่ได้ ดังนั้นจึงไปชวนพนันกับเขา พอชนะก็เอาต่างหูกระต่ายกลับคืนมา”
“จากนั้นเขาก็ไหว้วานให้ข้าเอาต่างหูไปส่งที่จวนเหวินกั๋วกง ข้าให้ข้ารับใช้เล่าเรื่องพวกนั้นแล้ว ไยเจ้าถึงคิดว่าเป็นข้า?”
อวิ๋นหลิงได้ยินประโยคนี้ก็อึ้งอยู่กับที่ ผ่านไปเนิ่นนานถึงจะปรับอารมณ์ได้
แบบนี้ก็หมายความว่า ตอนนั้นร่างเดิมรักผิดคน?

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ทำไมใช้เหรียญไม่ได้ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ละคะ...
ทำไมแสดงความคิดเห็น แล้วข้อความหายอ่ะ...
ซื้อตอนแล้วไม่ได้ปลดล๊อคค้างไว้เหรอคะ แบบนี้ก็ย้อนกลับมาอ่านไม่ได้สิคะ มือกดโดนผิดวิ่งไปหน้าอื่นต้องเสียเงินอีกรอบงี้เหรอ...
ทำไมซื้อตอนปลดล๊อคแล้ว กลับไปย้อนอ่านต้องปลดล๊อคใหม่คะ...
ทำไมตอนซื้อแล้วล๊อคไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนแล้วเปิดหน้าใหม่แล้วย้อนกลับไปอ่านไม่ได้คะ ล๊อคเหมือนเดิมต้องจ่ายเงินซื้อใหม่ตลอดรึคะ...
ทำไมปลดล๊อคแล้ว กดข้ามไปตอนใหม่แล้วย้อนกลับมาอ่านไม่ได้คะ...
ทำไมซื้อตอนไม่ได้คะ...
เติมเหรียญอย่างไร...
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...